แม้ไม่ได้แชมป์ แต่ ลิเวอร์พูล ยังเต็มไปด้วยความหวัง

แม้ไม่ได้แชมป์ แต่ ลิเวอร์พูล ยังเต็มไปด้วยความหวัง

ชัยชนะของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เอาชนะเหนือ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 ที่สนามแอนฟิลด์ ในเกมลีกเมื่อไม่นานมานี้ ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกไปได้หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปถล่ม ไบรท์ตัน 4-1 แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” สูญเสียศรัทธาในทีมของพวกเขา

ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำทีมเยือน 1-0 จาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองหลางกัปตันทีม วางบอลให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ แบ็คขวาดาวรุ่ง เปิดบอลต่อให้ ซาดิโอ มาเน่ ปีกทีมชาติเซเนกัล ซัดเข้าไปในนาทีที่ 17 มันเป็นจุดประกายสำหรับการหลั่งไหลของอารมณ์แฟนบอล “หงส์แดง” ที่แอนฟิลด์ ซึ่งเป็นเวลา 10 นาที หลังจากที่มีรายงานเกี่ยวกับ ไบรท์ตัน ขึ้นนำ แมนฯซิตี้ 1-0

อย่างไรก็ตาม อีกไม่นาน แมนฯซิตี้ ตามตีเสมอได้จาก เซอร์จิโอ อเกวโร่ หัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินา และยิงประตูขึ้นจาก อายเมริค ลาปอร์ต กองหลังทีมชาติฝรั่งเศส ทำให้เสียงเชียร์ของแฟนบอล ลิเวอร์พูล เงียบกริบ

บรรดานักเตะ ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ได้ทำหน้าที่ของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หลังเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไป 2-0 และสาวก “เดอะ ค็อป” ก็ให้การปรบมือตามที่พวกเขาสมควรได้รับ สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถให้ได้คือ คะแนนที่หายไปเพื่อคว้าถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก

ไม่มีความผิดของตัวเองมันก็ไม่เป็น ลิเวอร์พูล ในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในเดือนหน้านั้น พลพรรค “หงส์แดง” กวาดแต้มในลีกได้ถึง 97 คะแนน มันหมายความว่า แมนฯซิตี้ จะต้องสมบูรณ์แบบตลอด 14 เกมสุดท้ายของพวกเขาที่จะตัดสินใจเลือกเกมนี้ด้วยจุดที่โดดเดี่ยว น่าเสียดายสำหรับสาวก “เดอะ ค็อป” และนักเตะของพวกเขา

มันท้าทายจิตใจกับการที่ได้เห็น แมนฯซิตี้ เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ให้ความหวังอยู่เสมอ และไม่ใช่แค่ในวันสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล จะกลับไปสู้ต่อในซีซั่นหน้า ฝั่ง “เรือใบสีฟ้า” ภายใต้การนำของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เทรนเนอร์ชาวสเปน ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง และมีความสม่ำเสมอ

มันเป็นเรื่องที่คล้ายกันในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อ แมนฯซิตี้ ประสบความสำเร็จในการเผชิญหน้ากับ 3 เกมในรอบ 8 วัน และรอดชีวิตจากฉากสุดท้ายที่น่ากลัวกับ สเปอร์ส ก่อนที่ “เรือใบสีฟ้า” จะชนะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เบิร์นลี่ย์ ต่อด้วยเปิดบ้านเชือด เลสเตอร์ ซิตี้ ผลการแข่งขันดังกล่าว เป็นการทำลายความหวังของ ลิเวอร์พูล อย่างสิ้นเชิง

เจมส์ มิลเนอร์ กองกลาวจอมเก๋าของ ลิเวอร์พูล เคยกล่าวว่า “ผมไม่สามารถทำอะไรกับผลการแข่งขันของ ซิตี้ ได้ บางทีผมอาจจะเอามือถือของตัวเองไปวางไว้ไกลๆ จากนั้นอีกสีกสองสามชั่วโมงแล้วค่อยตรวจสอบมันว่าผลฟุตบอลคู่อื่นเป็นอย่างไรบ้าง บางทีผมจะไปหาอาหารทาน หรืออะไรทำนองนั้น”

แต่ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานต้องเป็นงานที่ยาก ลิเวอร์พูล รู้ดีว่า ไม่มีที่ว่างสำหรับข้อผิดพลาดของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก และยังคงต้องเผชิญกับความกดดันภายใต้สถานการณ์ที่พยายามเหล่านั้น

ผู้เล่น ลิเวอร์พูล เหล่านี้อาจจะรู้ว่าพวกเขาจะต้องมีเกมที่สะดุด

ผู้เล่น ลิเวอร์พูล เหล่านี้อาจจะรู้ว่าพวกเขาจะต้องมีเกมที่สะดุดบ้าง การเยาะเย้ย และถากถางจากแฟนบอลทีมอื่นๆจะเป็นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีม “หงส์แดง” ลื่นล้มในเกมกับ เชลซี เมื่อปี 2014 ซึ่งในซั่นดังกล่าว ไม่มีใครสนใจข้อเท็จจริงที่ว่า แมนฯซิตี้ จะชนะรวด 5 เกมสุดท้าย มีเพียงไม่กี่คนที่จำได้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยชนะ 12 ใน 14 เกมท้ายในปี 1996 และแซง นิวคาสเซิล คว้าแชมป์อย่างเหลือเชื่อ

ข้ออ้างใด ๆ ที่จะตำหนิลูกทีมของ คล็อปป์ แต่ความผิดพลาดไม่เคยเกิดขึ้น มีผู้ที่จะชี้ไปในเกมที่พวกเขา เสมอกับ เลสเตอร์ ที่แอนฟิลด์ 1-1 แต่หากนักวิจารณ์มองย้อนกลับไปในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นหลักฐานให้เห็นว่า “หงส์แดง” พลาดในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน ด้วยเช่นเดียวกัน

นักเตะลิเวอร์พูล และ คล็อปป์ นั้นยอดเยี่ยม ความสามารถนั้นจะไม่ได้รับรางวัล แต่ไม่ควรหมายความว่ามันจะไม่ได้รับการตอบแทนด้วยการสรรเสริญอย่างสูงจากแฟนบอลทั่วโลก กับฟอร์มการเล่นของพวกเขาในซีซั่นนี้

อลิสสัน เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิล เป็นคนที่ยอดเยี่ยมสร้างแรงบันดาลใจให้กับความเชื่อมั่นที่ต้องการในแผงหลัง 4 คน เขาทำให้ ลิเวอร์พูล ดีขึ้น เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ กองหลังดัตช์ เป็นผู้เล่น PFA แห่งปี อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันส์ แบ็คทีมชาติสกอตแลนด์ ทั้งคู่อยู่ในทีมแห่งปี

ขณะที่ โจ โกเมซ กองหลังดาวรุ่งชาวอังกฤษ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงต้นซีซั่น นอกจากนี้ โจเอล มาติป ปราการหลังชาวแคเมอรูน กลับเข้าสู่ฟอร์ที่ยอดเยี่ยมในช่วงท้ายซีซั่นเพื่อทดแทน เดยัน ลอฟเรน ดาวเตะโคตรแอต ที่ได้รับบบาดเจ็บ

ในตำแหน่งกองกลางพื้นที่ของทีมที่พวกเขาต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งการมาถึงของ ฟาบินโญ่ ห้องเครื่องแซมบ้า และ นาบี เกอิตา กองกลางทีมชาติกินี ประสบความสำเร็จ คล็อปป์ ใช้เวลาเพื่อให้ได้โอกาสนักเตะเหล่านี้ แต่แน่นอนว่า พวกเขาต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัว

นักเตะหน้าเก่าอย่าง มิลเนอร์, เฮนเดอร์สัน และ จอร์จินิโอ ไวนัลจ์ดุม กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ ต่างก็ยังเป็นแกนหลักของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงตัวเสริมอย่าง ดิว็อค โอริกี หัวหอกเบลเยียม และ เซอร์ดาน ชากิรี่ ปีกทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ก็มีส่วนร่วมกับทีมในนัดสำคัญ

ในแนวรุก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกทมีชาติออิยิปต์ ก็ตกเป็นเหยื่อของความคาดหวังที่เกินมาตรฐานดังกล่าวหลังจากฮีโร่ในฤดูกาลที่ผ่านมา เกือบถูกมองข้ามว่าไม่มีใครในพรีเมียร์ลีกทำประตูได้มากกว่าเขาแล้ว ไม่กี่คนที่สร้างผลงานได้ต่อเนื่องเช่นเขา

โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ดาวยิงทีมชาติบราซิล แสดงให้เห็นถึงความเสียสละของเขา แต่ก็ยังสามารถทำแฮตทริกในเกมกับ อาร์เซน่อล ได้ การสนับสนุนของกองหน้าแซมบ้า เพิ่มความท้าทายของเขาเองด้วยเช่นกัน และอย่าลืม ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ หัวหอกชาวอังกฤษ ที่ยิงประตูตีเสมออย่างสุดสวยในเกมกับ เชลซี ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์

มันเป็นฤดูกาลที่ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกต้อง มีเพียงปัญหาเดียว คือ แมนฯซิตี้ ทำได้ดีกว่า อย่าเรียกมันว่าล้มเหลว ลิเวอร์พูล เดินหน้าคว้าแชมป์ที่ดีที่สุดในฤดูกาลเมื่อมันสำคัญที่สุด พวกเขาจะสามารถกลับไปอีกครั้งได้หรือไม่ แน่นอนว่าจะเป็นเรื่องยาก แต่มีเหตุผลเล็กน้อยที่จะคาดหวังให้พวกเขาหลุดลอยไป สถานการณ์ต่างกันในเวลานี้

ย้อนกลับไปในปี 2014 ลิเวอร์พูล ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าอุรุกวัย ย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า ในศึกลา ลีกา เปน และ สเตอร์ริดจ์ ได้รับบาดเจ็บ ต่อมา ราฮีม สเตอร์ริง ปีกทีมชาติอังกฤษ ย้ายไป แมนฯซิตี้ ในซีซั่นต่อมา

ย้อนไปเมื่อ ราฟาเอล เบนิเตซ โค้ชชาวสเปน พาทีม “หงส์แดง” ไปจบอันดับ 2 ในปี 2009 นั้น ซาบี อลอนโซ่ กองกลางตัวเก่ง ย้ายไป เรอัล มาดริด อย่างไรก็ตาม มีโอกาสน้อยมากที่ทีมของ คล็อปป์ นั้น จะไม่ได้อยู่ด้วยกันในปีต่อไป

คล็อปป์ กำลังสร้างจากตำแหน่งของความแข็งแกร่ง อายุของผู้เล่น ลิเวอร์พูล ชุดนี้ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และไม่น่าแปลกใจถ้าตัวเลือกแรก 5 คนยังคงอยู่ที่สโมสรไปอีกนานหลังจาก กวาร์ดิโอลา ตัดสินใจเดินออกจากทัพ “เรือใบสีฟ้า”

นี่ไม่ใช่วันที่ คล็อปป์ หรือแฟนบอล ลิเวอร์พูล ต้องการให้เป็น แต่สิ่งนี้ไม่ได้รู้สึกเหมือนจุดจบของบางสิ่ง หวังว่าจะประสบความสำเร็จในอนาคต แต่ในอีกแง่หนึ่งความหวังคงอยู่ ความหวังว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของทีมนี้ ความหวังว่าพวกเขาจะเริ่มซีซั่นต่อไปในฐานะแชมป์ยุโรป และผู้ท้าชิงพรีเมียร์ลีกอย่างไม่หยุดยั้งอีกครั้ง

นี่ไม่ใช่วันที่ คล็อปป์ หรือแฟนบอล ลิเวอร์พูล ต้องการให้เป็น