บางที เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาลี อาจตระหนักได้ว่า การทำหน้าที่ของเขาที่ ฟูแล่ม ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั้น อาจแค่โชคไม่ดี หลังจากที่เกิดเรื่องน่าประหลาดใจ อาทิ อัลฟี มอว์สัน กองหลังคนสำคัญ ได้รับบาดเจ็บขณะที่เปลี่ยนรองเท้า
ขณะเดียวกัน อาบูบาการ์ กามาร่า กองหน้าชาวฝรั่งเศสจอมปัญหาของทีม กับ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช หัวหอกทีมชาติเซอร์เบีย ก็ถูกสื่อมวลชนเมืองผู้ดีบันทึกภาพได้ว่า สร้างเรื่องงามหน้าต่อครูสอนโยคะ ด้วยการซัดกันเอง ขณะเข้าคลาสโยคะในแคมป์ซ้อม “เจ้าสัวน้อย” ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะรีบกรูมาห้ามศึกกันยกใหญ่
สื่อมวลชน คาดกันว่า สาเหตุที่ กามาร่า กับ มิโตรวิช ทะเลาะกัน น่าจะมาจากเหตุการณ์ที่ทั้งคู่แย่งยื้อจะยิงจุดโทษในเกมที่พบกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เมื่อช่วงก่อนวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งเกมนั้นเป็น ดาวเตะเฟร้นช์แมน ที่ได้ยิงจุดโทษแต่ยิงไม่เข้า อย่างไรก็ตาม หัวหอก เซิร์บ มาพังประตูชัยในช่วงทดเวลาเจ็บให้ทีมเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ
จากนั้น กามาร่า โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของสโมสรเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะถูก รานิเอรี่ สั่งให้ไปซ้อมกบทีมเยาวชน และถูกปล่อยให้ เยนี มาลัตสปอร์ ทีมในลีกตุรกี ยืมตัวไปใช้งานในที่สุด
นอกจากนี้ บรรดานักเตะ ฟูแล่ม ยังสร้างเรื่องให้โด่งดังอีกครั้ง เมื่อพวกเขาบินที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์ เพื่อปาร์ตี้คริสต์มาสทันที หลังจากที่ทีมแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
คุณสามารถพูดได้ว่า ฟูแล่ม อาจโชคไม่ดีในเกมกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หลังจากที่พวกเขาบุกไปขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็ว 1-0 ในนาทีที่ 3 จาก ไรอัน เซสเซยง ปีกดาวรุ่งชางฝรั่งเศส แต่สุดท้ายและ “ขุนค้อน” ยิงคืนรวดเดียว 3 ประตู จาก ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ, อิสซา ดิยอป และมิคาอิล อันโตนิโก แซงคว้า 3 แต้มสำเร็จ
ชาฮิด ข่าน ประธานสโมสร ฟูแล่ม มองว่า ทีมกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการตกชั้น และการที่ รานิเอรี่ พา “เจ้าสัวน้อย” ตกรอบ 3 ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ ด้วยการแพ้คาบ้าน ต่อทีมระดับลีกทู อย่าง โอลด์แฮม แอธเลติก 1-2 นั้น ทำให้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งในที่สุด
กุนซือ เจ้าของฉายาทิงเกอร์แมน เคยบอกผู้เล่นของเขาว่า เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้เล่นในระบบ 4-1-2-1-2 มันหมายถึง กองกลางตัวรับอย่าง เควิน แมคโดนัลด์ จะถูกส่งลงสนามเป็นครั้งแรกของเขานับตั้งแต่เดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตาม มันไม่เวิร์ค มีเสียงแฟนบอล ฟูแล่ม ร้องเพลงว่าเราไม่ต้องการคุณที่นี่ และ คามคาดหวังที่มีต่อ รานิเอรี่ ว่าจะเข้ามาทำหน้าที่แทน สลาวิซา โจคาโนวิช โค้ชชาวเซอร์เบียพร้อมด้วยคำว่า ทำให้ ฟูแล่ม ยอดเยี่ยมอีกครั้ง ไม่สามารถเป็นไปได้
รานิเอรี่ มีความสุภาพในตัวเอง และเจ้าหน้าที่ของสโมสรจะเป็นพยานว่า เขาสนุกที่จะทำงานด้วยกันเสมอ รอยยิ้มที่คุ้นเคย และแสดงความสนใจในชีวิตส่วนตัวของพวกเขา พวกเขายังรู้เกี่ยวกับ Renata แม่วัย 99 ปีที่คลั่งไคล้ฟุตบอลของ อดีตนายใหญ่ เลสเตอร์ ซิตี้ อีกด้วย
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าว “เจ้าสัวน้อย” ระบุว่า บรรดาลูกทีมเริ่มเบื่อกับการฝึกซ้อมของ รานิเอรี่ และ อันเดรีย อัซลิน หัวหน้าฝ่ายกายภาพของ ฟูแล่ม ซึ่งเป็นหนุ่งในทีมงานของโค้ชอิตาเลียนนั้น บางครั้งจะเน้นการออกกำลังกายมากจนเกินไป
ในเรื่องของการป้องกัน ฟูแล่ม เสียประตูในลีกไปถึง 63 ลูก เป็นรองแค่ รอชเดล์ และ น็อตส์ เคาน์ตี้ ซึ่งอยู่ในลีกระดับต่ำกว่าเท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงของพวกเขา
หนึ่งในกฎข้อแรกที่ รานิเอรี่ แนะนำหลังจากที่เขามาถึงคือ ไม่มีใครสามารถออกจากโรงอาหารได้จนกว่าผู้เล่นคนสุดท้ายจะทานอาหารเสร็จ มันควรที่จะนำทีมมารวมกัน อีกประการหนึ่งคือ ผู้เล่นทุกคนต้องผ่านการฝึกซ้อมในการอุ่นเครื่องที่แน่นอน อีกครั้งเพื่อปลูกฝังความรู้สึกร่วมกัน
นั่นคือสิ่งที่ อดีตนายใหญ่ เลสเตอร์ ต้องการสร้างตั้งแต่วันแรก เขาใช้คำว่าร่วมกันแปดครั้งในระหว่างการแถลงข่าวครั้งแรกที่ คราเวน คอทเทจ นอกจากนี้ยังมีคำพูดแปลกทั่วไปอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เขากล่าวว่าผู้เล่นจะต้องต่อสู้กับคู่แข่งเหมือนโจรสลัด
การคุมทีมนัดแรกของเทรนเนอร์วัย 67 ปี ในฐานะผู้จัดการ ฟูแล่ม เป็นชัยชนะเหนือ เซาแธมป์ตัน 3-2 ซึ่งพวกเขาแสดงสัญญาณของชีวิตราวกับว่า พวกเขาสามารถเอาชนะตัวเองได้จากความยุ่งเหยิง แต่ตอนนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทุกอย่างมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
ผลงานคุมทีมในลีกของ รานิเอรี่ กับ ฟูแล่ม แข่ง 16 นัด แพ้ไป 10 นัด ชนะ 3 นัด และเสมอ 3 นัด โดยล่าสุด ฟูแล่ม ประกาศแต่งตั้งให้ สกอตต์ ปาร์กเกอร์ อดีตนักเตะของทีมให้เข้ามาทำหน้าที่ขัดตาทัพจนจบฤดูกาล
ปาร์กเกอร์ เป็นอดีตกัปตันทีม ฟูแล่ม และเป็นนักฟุตบอลคนสุดท้ายที่ รานิเอรี่ ซื้อมาร่วมทีมสมัยที่ยังคุม เชลซี เมื่อปี 2004 ซึ่ง อดีตกัปตัน “เจ้าสัวน้อย” เป็นผู้จัดการทีมคนที่ 6 ใน 56 เกมพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ มาร์ติน โยล, เรเน่ มูเลนสตีน, เฟลิกซ์ มากัธ, โยคาโนวิช และ รานิเอรี่
