มูรินโญ่ กับจิ๊กซอว์ที่ทำให้อินเตอร์ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ทริปเปิ้ลแชมป์

มูรินโญ่ กับจิ๊กซอว์ที่ทำให้อินเตอร์ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ทริปเปิ้ลแชมป์

คุณยังจำสโมสร อินเตอร์ มิลาน ในยุคคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ 2009-10 ได้หรือไม่ กล่าวกันว่ามันคือช่วงเวลายุคทองยุคสุดท้ายของ อินเตอร์ ที่เล่นได้อย่างพีคสุดขึ้นก่อนที่จะฟอร์มดาวน์ลงมาจนไม่เคยสัมผัสกับแชมป์ลีกอีกเลยนานนับ 12 มาแล้วอินเตอร์ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้รับการปรับปรุงและคุมทีมโดย โฮเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งได้คุมทีมอินเตอร์ฤดูกาล 2009-10 เป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะได้ย้ายไปคุมทีม เรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010แต่กว่าที่ทีมอินเตอร์ชุดทริปเปิ้ลแชมป์จะไปไกลถึงขั้นคว้าทุกแชมป์แบบนั้นได้ มูรินโญ่ ต้องตามหา “จิ๊กซอว์” มาเติมเต็มในทีมอินเตอร์ชุดดังกล่าวให้สมบูรณ์แบบที่สุดในทุกๆจุดเลยทีเดียว และจิ๊กซอว์ที่ “น้ามู” นำมาประกอบเข้าด้วยกันในทีมอินเตอร์ชุดดังกล่าว มันมีส่วนไหนบ้างที่เขาเติมเต็ม !

เกมรับในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง !

อินเตอร์ มิลาน ใช้งานปราการหลังตัวหลักอย่าง วอลเตอร์ ซามูเอล แข้งกองหลังชาวฟ้าขาวลงเล่นจับคู่กับทั้ง มาร์โก มาเตราซซี่ หรือไม่เช่นนั้นก็เป็นคริสเตียน คิวู ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแข้งถนัดซ้ายทั้งนั้นแต่กระนั้นแล้ว สิ่งที่น้ามูเล็งเห็นก็คือ เหมือนทีมนี้ยังขาดเซ็นเตอร์แบ็กที่ถนัดขวามาเล่นร่วมกับ ซามูเอลและสุดท้ายก็คือ มูรินโญ่ ตัดสินใจที่จะซื้อตัวของ ลูซิโอ ปราการหลังทีมชาติบราซิลมาจากสโมสร บาเยิร์น มิวนิค และไม่น่าเชื่อว่ากองหลังรายนี้จะจับคู่ได้อย่างเข้าขากับ ซามูเอล ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว พวกเขาเล่นเข้าขากัน คนหนึ่งบุกในยามที่ทีมมีโอกาสเติมเกม ก็จะมีอีกคนคอยซ้อนคอยประคองหลังให้อยู่ตลอด และยังเข้าบอลได้อย่างแข็งแกร่ง จุดนี้ตรงตามที่มูรินโญ่ต้องการ !

จอมทัพหมายเลข 10 ที่เน้นสร้างเกมรุกโดยเฉพาะ

จอมทัพหมายเลข 10 ที่เน้นสร้างเกมรุกโดยเฉพาะ

อินเตอร์ มิลาน ในยุคสมัยที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ เป็นคนทำทีมนั้น พวกเขาเน้นระบบการเล่นที่ให้ปีกเป็นตัวสร้างเกมรุก หรือให้คู่กองหน้าทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และนักเตะที่เล่นเป็นตัวไดนาโมในแดนกลางอย่าง เดยัน สแตนโกวิช บางครั้งยังต้องรับหน้าที่ปั้นเกมไปด้วย เล่นเกมรับไปด้วย จนบางครั้งอาจจะทำให้ สแตนโกวิช รับภาระหนักไป และในเวลาดังกล่าว เรอัล มาดริด เพิ่งจะโละ “เวสลีย์ สไนจ์เดอร์” มิดฟิลด์ตัวรุกวัยเบญจเพสออกจากทีมพอดี และตัวของ มูรินโญ่ ก็รู้จักพิษสงของจอมทัพร่างเล็กรายนี้ดี ทั้งการจ่ายบอลคิลเลอร์พาสที่คมกริบ ยิงไกลแม่นยำ วางบอลสั้นยาวแม่นยำ เล่นได้ทั้งสองเท้า และยังมีฟรีคิกที่แม่นยำอีก มูรินโญ่ ดึงตัวของ สไนจ์เดอร์ เข้ามาสวมเสื้อหมายเลข 10 ของอินเตอร์ และวางบทบาทเพลย์เมกเกอร์ให้ สไนจ์เดอร์ ลงเล่นหลังกองหน้าโดยไม่ต้องใส่ใจเกมรับ ซึ่งผลก็คือเพลย์เมกเกอร์รายนี้ ยิง 8 แอสซิสต์ 12 จากทั้งหมดทุกรายการในฤดูกาล 2009-10 เลยทีเดียว

กองหน้าต้องเสียสละและเล่นได้สารพัดบทบาท !

กองหน้าต้องเสียสละและเล่นได้สารพัดบทบาท !

หลังจากที่สโมสรอินเตอร์ ต้องปล่อยตัวของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไปอยู่กับบาร์เซโลนา พวกเขาก็ได้ตัวของ ซามูเอล เอโต้ กองหน้าดีกรีทีมชาติแคเมอรูนที่เพิ่งซัลโวประตูกระจายให้กับบาร์ซ่าและคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” มาครองได้สำเร็จในฤดูกาล 2008-09 มาเป็นนักเตะแลกเปลี่ยนของสโมสร มูรินโญ่ ชื่นชอบฝีเท้าของ เอโต้ มาเป็นเวลานานและได้ยกเสื้อหมายเลข 9 ให้กับเอโต้ได้ใส่อีกด้วย รวมถึงส่งเอโต้ลงเล่นจับคู่กับ ดิเอโก้ มิลิโต้ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินาลงเล่นในแดนหน้าอีกด้วย ที่สำคัญก็คือ เอโต้ เป็นนักเตะที่สามารถขยับไปเล่นทางปีกได้ มันเลยทำให้การจัดทัพของ มูรินโญ่ สามารถทำได้ง่ายมากขึ้นและไม่เพียงแค่นั้น มูรินโญ่ ยังซื้อใจเอโต้ได้สำเร็จ เอโต้ถือว่าเป็นนักเตะที่ภักดีต่อมูรินโญ่อย่างมากเช่นกัน ไม่ว่ามูรินโญ่จะให้เล่นแบบไหนยังไง เอโต้ก็ไม่เคยบ่นและทำได้ดีจนคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” มาครองได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แถมเอโต้ยังได้แสดงความสะใจด้วยการทำให้บาร์ซ่า ทีมเก่าของตัวเองตกรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จอีกด้วย