มิเคล อาร์เตต้า กับบทบาทนายใหญ่แห่งทัพ เดอะ กันเนอร์ส

มิเคล อาร์เตต้า กับบทบาทนายใหญ่แห่งทัพ เดอะ กันเนอร์ส

ถ้า มิเคล อาร์เตต้า โค้ชทีมชุดแรกชาวสเปน ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเป็นอดีตนักเตะของ อาร์เซน่อล นั้น ต้องการเข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีม “ไอ้ปืนใหญ่” เขาก็ต้องเตรียมเผชิญหน้ากับปัญหาหลายอย่างในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ที่ต้องแก้ไข

อาร์เตต้า ซึ่งปัจจุบันรับบทบาทมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนฯซิตี้ นั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองในเกมที่ พลพรรค “เรือใบสีฟ้า” บุกมาถล่ม อาร์เซน่อล ขาดลอย 3-0 ในเกมลีกเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา และเขาก็ได้ข้อบกพร่องต่างๆของ “ไอ้ปืนใหญ่” เป็นอย่างดี

อดีตกองกลางชาวสเปน ได้สังเกตเห็นช่องที่เปิดกว้างเป็นพิเศษของแดนกลาง อาร์เซน่อล และดูว่ากองหลังของ “ไอ้ปืนใหญ่”ถอยห่างจากมิดฟิลด์มากเกินไป และมันเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้ เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยี่ยมของ แมนฯซิตี้ และนักเตะคนอื่นๆของ “เรือใบสีฟ้า”บุกเข้าใส่อย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน อาร์เตต้า ได้เห็นนักเตะหลายๆคนของ อาร์เซน่อล ที่เล่นแบบไร้ความมั่นใจ และได้ยินความโกรธของแฟนๆ “เดอะ กันเนอร์ส” ที่โห่ไล่ เมซุต โอซิล จอมทัพชาวเยอรมัน จากสนามในช่วงครึ่งหลังซึ่งเขาคงคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับอดีตทีมเก่า

อาร์เซน่อล อยู่ใกล้กับโซนตกชั้นเช่นเดียวกับที่อยู่ใกล้อันดับการคว้าโควต้าไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่การพ่ายแพ้ แมนฯซิตี้ ในเกมล่าสุดนั้น หลายคนยังคงสงสัยว่า พวกเขากลายเป็นทีมกลางตารางไปแล้วหรือยัง

กวาร์ดิโอล่า ให้สัมภาษณ์หลังเกมที่พาทีมบุกไปถล่ม อาร์เซน่อล โดยระบุว่า “เราเล่นได้ดีขึ้นมากจากเกมที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของ นายใหญ่ “เรือใบสีฟ้า” ขีดเส้นใต้ว่า ”ไอ้ปืนใหญ่” ตกต่ำไปมากแค่ไหน

ปัจจุบัน อาร์เซน่อล รั้งอันดับ 10 ในตารางคะแนน โดยเก็บได้เพียง 22 คะแนน จาก 17 เกม และเสียไปมากถึง 27 ประตู ทำได้ 24 ประตู ซึ่งมันเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่พลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” มีลูกได้เสียติดลบ

ย้อนกลับไปในปี 1994/95 อาร์เซน่อล จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 12 ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายอย่างมากสำหรับโค้ชคนใดคนหนึ่งที่ไม่มีประสบการณ์ แต่มันก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า ”ไอ้ปืนใหญ่” มองว่า อาร์เตต้า เป็นอย่างไร

อาร์เซน่อล เต็มใจที่จะเดิมพันอนาคตของสโมสรสำหรับการเลือก อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีม และการพิจารณาว่าความล้มเหลวอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสของพวกเขาอย่างไร ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเชื่อมั่นในตัวอดีตนักเตะรายนี้

อาร์เตต้า มีเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแน่นอน เขาเคยได้พูดเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของเขาในอดีตที่ผ่านมา แต่ถ้าเขาอยากประสบความสำเร็จในทีม อาร์เซน่อล สิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญคือ การจัดระเบียบแนวรับ และนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกลุ่มผู้เล่นที่ดูเหมือนจะมีปัญหาในการเล่นป้องกัน

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล ซึ่งรับบทกูรูให้กับ “สกายสปอร์ต” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีกล่าวว่า “ทุกครั้งที่ผมดูพวกเขาเล่น เมื่อถูกคู่แข่งบุกเข้ามาแนวรับ อาร์เซ่นอล จะถอยไปลึกมาก พวกเขาควรไล่กดดันคู่แข่งให้มากกว่านี้ มันเหมือนว่าพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”

คาร์ราเกอร์ กล่าวเสริมว่า กองหลังของ อาร์เซน่อล ไม่ได้เล่นอยู่ในระดับที่สมควรจะเป็น และเป็นการยากที่จะโต้แย้งกับหลักฐานล่าสุดของอดีตกองหลัง “หงส์แดง” แต่มันก็เป็นความจริงเช่นกันว่า พวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากช่องว่างในตำแหน่งกองกลางที่พวกเขาอยู่ ซึ่งมันเป็นอีกพื้นที่ที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

อาร์เตต้า มีความสุขในการทำงานร่วมกับ แฟร์นานดินโญ่

ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้น อาร์เตต้า มีความสุขในการทำงานร่วมกับ แฟร์นานดินโญ่ ห้องเครื่องชาวบราซิล ซึ่งเชี่ยวชาญในการเล่นเกมรับ แต่ที่ อาร์เซน่อล เขาจะได้รับมรดกกลุ่มผู้เล่นอย่าง กรานิต ชาก้า กองกลางชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่ไม่มีความเร็ว และความคล่องตัว รวมถึงนักเตะที่ยังไม่มีประสบการณ์อย่าง มัตเตโอ เก็นดูซี่ ดาวเตะชาวฝรั่งเศสวัย 20 ปี และ ลูคัส ตอร์เรร่า มิดฟิลด์ทีมชาติอุรุกวัย วัย 23 ปี

อาร์เตต้า จะต้องฝึกฝนการยืนตำแหน่ง และวินัยทางเกมรับให้กับผู้เล่นดาวรุ่งเหล่านั้น และเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อการป้องกันคู่แข่ง แต่เขาสามารถทำได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ เนื่องจากการแต่งตั้งเขานั้น เป็นโครงการระยะยาวของ อาร์เซน่อล

ตลาดนักเตะในเดือนมกราคมนี้ จะเป็นโอกาสเริ่มต้นสำหรับ อาร์เตต้า ในการเริ่มสร้างทีมในอุดมคติของเขา แต่การปรับปรุงทีมที่ไม่มีความสมดุลในปัจจุบัน มันทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับทีมงานที่สรรหาผู้เล่นที่อยู่เหนือเขา และผู้มีอำนาจตัดสินใจของสโมสรจะน่าเชื่อถือได้แค่ไหน และจะแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องหรือไม่

แผนในการให้ อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีมมีโอกาสที่ดีที่สุดที่จะประสบความสำเร็จหรือไม่? และเจ้าของสโมสรยินดีที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่า ค่าใช้จ่ายในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาไม่ใช่ครั้งเดียวที่พวกเขาต้องลงทุน แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันที่ไม่ได้ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เฟเดริก ลุงเบิร์ก โค้ชขัดตาทัพของ อาร์เซน่อล ใช้เวลาเพียง 2 เกม ในการตัดสินว่า อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ หัวหอกชาวฝรั่งเศส และ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง กองหน้าทีมชาติกาบอง ไม่สามารถเล่นร่วมกันได้ โดยระบุว่าจะขาดสมดุลในเกมรับ และยังมีคำถามว่า นิโกล่าส์ เปเป้ ปีกค่าตัว 72 ล้านปอนด์ และ โอซิล ลงเล่นพร้อมกันได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน สถานการณ์สัญญาของ ลากาแซตต์ และ โอบาเมยอง มีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากทั้งคู่เข้าสู่ปีสุดท้ายของสัญญาในฤดูร้อนหน้า และในช่วงหลังฟอร์มการยิงประตูของทั้งคู่ก็ไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งแนวรุกของ อาร์เซน่อล ก็กำลังมีปัญหาเช่นเดียวกับแนวรับ

หากมีการเปรียบเทียบแนวรุก อาร์เซน่อล จะเป็นอีกหนึ่งงานที่ อาร์เตต้า ต้องแก้ปัญหานั้น ทีม “ไอ้ปืนใหญ่” ชุดนี้ก็ขาดนักเตะที่มีความเป็นผู้นำเช่นกัน แต่สิ่งที่ดีคือพวกเขามีดาวรุ่งอย่าง โจ วิลลอค, บูกาโย่ ซาก้า, เอมิล สมิธ โรว์ และ กาเบีรยล มาร์ติเนลลี่ ที่กำลังเข้าขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่

การกลับมาของ อาร์เตต้า จะสร้างความนิยมมากมายในหมู่แฟนๆ “เดอะ กันเนอร์ส” ที่เฝ้าดูอดีตกัปตันทีมของพวกเขาอำลาสโมสรด้วยน้ำตาในเกมนัดสุดท้ายเมื่อปี 2016 ซึ่งอดีตแข้งชาวสเปน จะได้ให้เวลาและโอกาสจากแฟนบอลแน่นอน
ยุทธวิธีที่ดูสับสนในการยุคของ อูไน เอเมอรี่ อดีตเทรนเนอร์ชาวสเปน จะต้องได้รับการแก้ไข และ อาร์เซน่อล ทีมนี้อาจไม่ต้องเปลี่ยนวิธีการของพวกเขามากนัก เพราะตอนนี้ พวกเขาแค่ต้องการคนนำไปในทิศทางที่ชัดเจน

แนวคิดเหล่านั้น ได้ถูกกำหนดขึ้นในช่วงเวลามากกว่า 3 ปีในการทำงานกับหนึ่งในผู้จัดการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่าง กวาร์ดิโอล่า โดย อาร์เตต้า ต้องทำให้ อาร์เซน่อล เล่นในลักษณะเดียวกับที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มันเป็นโอกาสที่ยั่วเย้าใจ แต่ก็ยังห่างไกลจากความเป็นจริง

มิเคล อาร์เตต้า โค้ชทีมชุดแรกชาวสเปน ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้