มิชาเอล บัลลัค (Michael Ballack) ตำนานดาวยิงแห่งทัพ อินทรีเหล็ก

มิชาเอล บัลลัค (Michael Ballack) ตำนานดาวยิงแห่งทัพ อินทรีเหล็ก

Michael Ballck หรือ มิชาเอล บัลลัค เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 1976 ปัจจุบันเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว ในช่วงเวลาที่เป็นนักเตะอาชีพ เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี ที่ทำประตูได้มากที่สุดตลอดกาล เขาชอบสวมเสื้อหมายเลข 13 ในทุกๆทีมที่เขาลงเล่น ในปี 2002 เปเล่เลือกให้เขาเป็น 1 ใน 125 นักเตะยอดเยี่ยมที่ยังเล่นอยู่ และ ได้รับรางวัลกองกลางยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป เขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน 3 สมัย ได้แก่ปี 2002,2003 และ 2005 เขาเป็นนักเตะที่มีการจ่ายบอลที่ดี ยิงประตูได้ทรงพลัง พละกำลังที่แข็งแกร่ง และเป็นจอมทัพในตำแหน่งกองกลาง เขาเริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลด้วยการเป็นนักเตะฝึกหัดของทีม เชมนิตเซอร์ เอฟซี ซึ่งเป็นทีมระดับท้องถิ่น และเป็นนักเตะอาชีพเต็มตัวในปี 1995 วันที่ 26 มีนาคม 1996 กองหน้าเลือดอินทรีย์ ถูกเรียดติดทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 21 ปี และแม้ว่าทีมที่เขาสังกัดอยู่ต้องตกชั้นในฤดูกาลแรกที่เขาลงเล่น แต่ด้วยฟอร์มการเล่นของเขาในฟุตบอลลีก ทำให้ทีม ไกเซอสเลาเทิร์น ตัดสินใจคว้าเขาไปร่วมทีมนีปี 1997

บัลลัค ได้แชมป์บุนเดสลีกา ในฤดูกาลแรก และเป็นแชมป์รายการใหญ่รายการแรกของเขาคือ ฤดูกาล1998-99 และเป็นช่วงเวลาที่เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเป็นครั้งแรก ในปี1999 เขาย้ายไปร่วมทีม เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัว 4.1 ล้านยูโร และช่วยให้เลเวอร์คูเซ่นได้รองแชมป์บุนเดสลีกา DFB Pokal , ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก และรองแชมป์ฟุตบอลโลก2002 ต่อมา บาร์เยิร์น มิวนิค ซื้อเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 12.9 ล้านยูโร ที่นี่เขาได้แชมป์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บุนเดสลีกา, DFB Pokal ในปี2003, 2005 และ2006 เขาเป็นกองกลางจอมทำประตู โดยทำได้ 58 ประตูระหว่างที่เล่นให้บาร์เยิร์น มิวนิค ในปี 2002-2006 และย้ายไปร่วมทีมเชลซี ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลแรกของเขา ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักทั้งฤดูกาล หลังจากหายกลับมาลงเล่นได้ในปี2008 เขาก็ช่วยให้เชลซี เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และปี2009 ก็ช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในปี2010 ด้วยการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ลีกคัพ ในทีมชาติเยอรมัน เจ้าตัว ลงเล่นให้กับทีมในรายการ ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน ฟุตบอล แชมป์เปี้ยนชิพ ในปี 2002, 2004, 2008 และฟุตบอลโลกปี 2002 และ2006 เจอเก้น คลิ้นส์แมนน์ ตั้งเขาเป็นกัปตันทีมชาติ และเขาช่วนนำทีมชาติเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลกปี 2002 ,รอบรองชนะเลิศในปี2006 และเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรปี 2008

บัลลัค

ช่วงเริ่มต้น บัลลัค เกิดที่ กอร์ลิตซ์ ในเบเซิร์ก เดรสเซ่น ประเทศเยอรมนี เขาเป็นลูกคนเดียวของคู่สามีภรรยา สเตฟาน บัลลัค และ การิน ครอบครัวของเขาย้ายไป เชมมิตเซอร์ ตอนที่เขายังเด็กมากๆ และที่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นฟุตบอลของเขา

ประวัติในระดับสโมสร

เชมนิตเซอร์
หลังจากที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ เชมนิตเซอร์ บัลลัค ในวัย 7 ขวบก็ถูกส่งไปฝึกฟุตบอลกับทาง เอฟซี คาร์ล มาร์ซ สตั๊ดต์ หรือ ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น เชมนิตเตอร์ ปี1995 บัลลัคก็ได้เซ็นต์สัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีม เชมนิตเซอร์ ที่ลงแข่งในบุนเดสลีกา2 ฤดูกาลนั้นบัลลัคลงเล่น 15 เกมส์ และเชมนิตเซอร์ก็ตกชั้นในปีนั้น ฤดูกาลต่อมาเชมนิตเซอร์ ไม่สามารถเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้ หลังจบฤดูกาล ปี1997 ไกเซอสเลาเทิร์น ทีมในบุนเดสลีกา ตัดสินใจคว้าตัวบัลลัคไปร่วมทีม เป็นการกลับสู่ลีกสูงสุดของประเทศของทีมไกเซอสเลาเทิร์นอีกครั้ง

ไกเซอร์สเลาเทิร์น
ฤดูกาล1997-98 บัลลัคได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของประเทศอย่าง บุนเดสลีกา ทางโค้ชของทีม เรห์ฮาเกล มักให้บัลลัคลงไปในช่วง 5 นาทีสุดท้ายใน 7 เกมส์แรกของการแข่งขัน วันที่ 28 มีนาคม 1998 เขาได้ลงเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกมส์ที่พบกับ เลเวอร์คูเซ่น ฤดูกาลนั้นเขาลงเล่น 16 เกมส์ และช่วยให้ทีมของเขาที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา คว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้อย่างเหลือเชื่อ ฤดูกาลต่อมา บัลลัคได้ลงเล่นเป็นตัวหลักของทีม โดยลงเล่น 30 เกมส์ ทำได้ 4 ประตู และช่วยนำทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในแชมป์เปี้ยนลีก

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
วันที่ 1 กรกฎาคม 1999 บัลลัค ในวัย 22 ปี ย้ายไปร่วมทีมเลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัว 4.1 ล้านยูโร ที่นี่โค้ชให้เขาเล่นเป็นกองกลางตัวรุก ทำให้เขาสามารถทำประตูได้ถึง 27 ประตู เฉพาะในลีก และ อีก 9 ประตูในรายการยุโรป เขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 ฤดูกาล

ปี 2000 ในขณะที่เลเวอร์คูเซ่นต้องการแค่ผลเสมอกก็จะได้แชมป์บุนเดสลีกา แต่ปรากฏว่าทีมแพ้ 0 ประตูต่อ 2 พลาดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย ฤดูกาลต่อมาเลเวอร์คูเซ่นนำห่างอันดับสองในช่วงท้านฤดูกาลถึง 5 แต้ม ก่อนจะพลาดเอง จนได้แค่อันดับสอง และในแชมป์เปี้ยนลีกก็เข้าถึงรอบชิง แต่ก็แพ้แต่ เรอัล มาดริด ใน DFB Pokal ก็แพ้ต่อชาลเก้04 เป็นปีแห่งทริปเปิ้ลรองแชมป์ของทีม ปีนี้บัลลัคได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน และติดทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า

บาร์เยิร์น มิวนิค
ปี 2002 บาร์เยิร์น มิวนิค ตัดสินใจซื้อตัวบัลลัคมาร่วมทีม ในราคา 12.9 ล้านยูโร ฤดูกาลแรกกับบาร์เยิร์น บัลลัคก็นำทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา และ DFB Pokal แต่ฤดูกาลที่สองก็ได้รองแชมป์ทั้งสองรายการ ฤดูกาลที่สาม เป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม บาร์เยิร์นคว้าแชมป์บุนเดสลีกา และDFB Pokal ฤดุกาลที่สี่ บัลลัคได้แชมป์บุนเดสลีกาครั้งที่สาม และDFB Pokal

เชลซี
บัลลัคย้ายมาร่วมทีมเชลซี ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2006 แบบไม่มีค่าตัว โดยลงเล่นนัดแรกในพรีเมียร์ลีกกับทีมเชลซีในวันที่ 27 สิงหาคม 2006 ที่พบกับทีม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และทำประตูแรกทีมในการแข่งขันฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีก ที่เจอกับ แวร์เดอร์ เบรเมน ตลอดเวลาที่ค้าแข้งอยู่ที่เชลซี เขาโดนใบแดง 1 ครั้ง ในนัดที่เชลซี ชนะลิเวอร์พูล 1-0 ในวันที่ 17 กันยายน 2006 ประตูแรกในพรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นนัดที่พบกับทีม พอร์ตสมัธ ฤดูกาลแรกของเขากับเชลซี ทำได้ 8 ประตูรวมทุกรายการ วันที่ 29 เมษายน 2007 เชลซีประกาศทางเว็บไซต์สโมสรว่าบัลลัคต้องเข้ารับการผ่าตัดข้อเท้า ทำให้ไม่ได้เล่นรอบชิงชนะเลิศที่จะพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปรากฏว่าเชลซีได้แชมป์ด้วยการชนะ 1 ประตูต่อ 0

ฤดูกาล2007-08
ช่วงต้นฤดูกาลบัลลัคต้องเข้ารับการรักษาอาการที่ข้อเท้า ทำให้เขาไม่มีชื่อลงเล่นให้กับทีม และในรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก จนกระทั่งวันที่ 19 ธันวาคม 2007 บัลลัคกลับมาลงสนามและแอสซิซต์ให้เชฟเชนโก้ทำประตู ให้เชลซีชนะลิเวอร์พูลไป 2 ประตูต่อ 0 ในฟุตบอลลีกคัพ ก่อบจบฤดูกาล เชลซีได้รองแชมปื 3 รายการคือ ลีกคัพ, พรีเมียร์ลีก และ แชมป์เปี้ยนลีก ก่อนที่เขาจะมาได้รองแชมป์ในฟุตบอยูโร 2008 ด้วย ทำให้ปีนั้นเป็นปีที่เขาได้แต่รองแชมป์อย่างเดียว

ฤดูกาล 2008-09
บัลลัคเริ่มต้นได้ดีหลังแอสซิศต์ให้ โจ โคล ทำประตูได้ในเกมส์แรก แต่หลังจากนั้นเขาก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บทีมมาๆหายๆ จนได้ลงเล่นไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามท้ายฤดูกาลเขาก็มีส่วนช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ก่อนที่เดือนมิถูนายน 2009 เขาก็ได้รับการขยายสัญญาออกไปอีก 1 ปี

ฤดูกาล2009-10
เป็นฤดูกาลที่เชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และเป็นการได้แชมป์ฟุตบอลลีกอังกฤษครั้งแรกของบัลลัคอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้แชมป์เอฟเอ คัพ กับเชลซี ถึงแม้เขาจะถูกไล่ออกในเกมส์นี้ก็ตาม จากปัญหาอาการบาดเจ็บที่รบกวนมาตลอดทำให้เขาพลาดการร่วมทีมชาติเยอรมัน ไปแข่งฟุตบอลโลก2010 วันที่ 9 มิถูนายน 2010 บัลลัคหมดสัญญากับเชลซี และกลายเป็นนักเตะที่สามารถย้ายไปร่วมทีมไหนก็ไดกลับมา เลเวอร์คูเซ่น วันที่ 25 มิถูนายน 2010 บัลลัคตัดสินใจเซ็นต์สัญญากับทีมเลเวอร์คูเซ่น 2 ปี และใช้เวลาตลอดสองปีลงเล่นให้ต้นสังกัด ท่ามกลางปัญหาอาการบาดเจ็บที่มาเยือนตลอดจนทำให้ได้ลงเล่นไม่กี่เกมส์ตลอด 2 ปีนี้ วันที่ 2 ตุลาคม 2012 บัลลัคตัดสินใจ ประกาศแขวนสตั๊ค แม้จะมีทีมจาก เมเจอร์ ลีก เอ ลีก สนใจก็ตาม

มิชาเอล บัลลัค เยอรมัน

ประวัติในระดับทีมชาติ

บัลลัค ติดทีมชาติครั้งแรกในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ในเกมส์พบกับ เดนมาร์ก และขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ แต่ไม่มีโอกาสลงเล่น จนได้รับโอกาสในวันที่ 28 เมษายา 1999 เขาลงมาแทน ดีทมาร์ ฮามันน์ ในเกมส์พบกับสก๊อตแลนด์ ในฟุตบอลยูโร2000 เขาได้ลงเล่น 63 นาที และในฟุตบอลโลก 2002 เขาช่วยให้เยอรมัน ได้เข้าชิงชนะเลิศไปพบกับบราซิล และเป็นบราซิลได้แชมป์ในปีนั้น อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองก็มีชื่อติดในทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน ยูโรปี2004 บัลลัคได้แต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติ ฟุตบอลโลกปี2006 แม้เขาจะไม่ได้เล่นนัดแรก แต่เขาก็ช่วยทีมในอีก 5 นัดที่เหลือ และทำให้เยอรมัน ได้อันดับ 3 ส่วนตัวเขาก็ติดทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ยูโร2008 พวกเขาเอาชนะ ตุรกีได้ในรอบรอง 3 ประตูต่อ 2 แต่นัดชิงชนะเลิศ พวกเขาก็แพ้สเปน 0 ประตูต่อ 1 โดยบัลลัคก็ติดทีมยอดเยี่ยมของรายการเช่นเคย ฟุตบอลโลก2010 เขาก็ไม่ถูกเรียกติดทีมชาติ และสูญเสียตำแหน่งกับตันทีมให้กับ ฟิลิปป์ ลาห์ม เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ หลังจากนั้นบัลลัคก็ประกาศเลิกเล่นทีมชาติ

ประวัติส่วนตัว

บัลลัค เป็นลูกชาย และลูกคนเดียวของครอบครัวมีพ่อชื่อ สเตฟาน บัลลัค เป็นวิศวกร และเล่นฟุตบอลในดิวิชั่น 3 ส่วนแม่ชื่อ การิน เป็นนักว่ายน้ำ วันที่ 14 กรกฎาคม 2008 เขาแต่งงานกับ ซิโมเน่ แลมบ์ และมีลูกด้วยกัน 3 คน คือ หลุยส์, อีมิลีโ, จอร์ดี้ ทั้งคู่หย่ากันในปี2012 ปัจจุบันเขากำลังคบกับ สาวชาวเลบานอน นาธาช่า แทนนูส์ ในช่วงฟุตบอลยูโร 2012, ฟุตบอลโลก 2014 และยูโร2016 บอลลัคทำหน้าที่เป็นกูรูให้กับทางช่อง ESPN

Michael Ballck