มาร์โก ซิลวา อดีตเทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส ของ เอฟเวอร์ตัน สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดนปลดออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจบเกมที่ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” บุกไปพ่าย ลิเวอร์พูล ในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ ที่สนามแอนฟิลด์ 5-2
ย้อนกลับไปในวันที่ 31 เดือนพฤษภาคม ในปี 2018 มันเป็นวันแรกที่ ซิลวา เข้ามากุมบังเหียนในถิ่นกูดิสัน ปาร์ค ต่อจาก แซม อัลลาไดซ์ อดีตผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ ที่ทำทีมได้อย่างน่าผิดหวัง และโค้ชเลือดฝอยทองรู้ดีว่าเขาต้องแบกรับความคิดหวังมากมายจากสาวก “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน”
ซิลวา ให้สัมภาษณ์ในการเปิดตัวครั้งแรกของเขาในฐานะกุนซือ เอฟเวอร์ตัน ว่า “ผมรู้ดีถึงสิ่งที่แฟนๆคาดหวัง พวกเขาคาดหวังผลลัพธ์ที่ดี และไม่เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น ผมต้องการให้แฟนๆของเราภูมิใจเมื่อเห็นทีมของเราในสนาม”
โค้ชวัย 42 ปี ถูกนำตัวเข้ามาด้วยความหวังที่ เอฟเวอร์ตัน จะเล่นฟุตบอลที่น่าดึงดูดยิ่งกว่าเดิม แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ โดยพลพรรค “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” กำลังมองหาผู้จัดการทีมคนที่ 5 ให้เข้ามาทำหน้าที่ หลังจากที่ เดวิด มอยส์ กุนซือชาวสก็อตแลนด์ ย้ายไปคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2003
ขณะเดียวกัน การพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล ที่สนามแอนฟิลด์ 5-2 นั้น ทำให้ เอฟเวอร์ตัน ต้องตกไปอยู่ในโซนตกชั้น โดยก่อนหน้านี้ ยังมีความรู้สึกในแง่ดีที่ ซิลวา พา “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” จบด้วยอันดับ 8 ในตารางคะแนนเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
ในซีซั่นนี้ ความหวังก็คือการใช้นักเตะชุดเดิมที่ทำผลงานได้ดีจากปีก่อน และ ซิลวา พยายามจะซื้อตัว เคิร์ต ซูม่า ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ที่ยืมตัวมาจาก เชลซี เมื่อฤดูกาลที่แล้วมาร่วมทีมเป็นการถาวร แต่ มาร์เซล แบรนด์ส ผู้อำนวยการฟุตบอล “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ไม่สามารถเจรจาให้สำเร็จได้
ในวันสุดท้ายของซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซิลวา พยายามอย่างยิ่งในการมองหากองหลังตัวกลางมาเสริมแนวรับโดยมีเป้าหมายหลักคือ มาร์กอส โรโฮ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวอาร์เจนไตน์ของ แมนฯยูไนเต็ด แต่ แบรนด์ส ก็คัดค้านการเซ็นสัญญาดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้ เอฟเวอร์ตัน มีนักเตะในตำแหน่งปราการหลังเพียง 3 คนเท่านั้น
นอกจากนี้ ตำแหน่งอื่นๆที่ ซิลวา ต้องการเสริมความแข็งแกร่งคือ แนวรุก โดยมี 2 เป้าหมายหลัก คือ มาริโอ มานด์ซูคิช หัวหอกโครเอเชีย ของ ยูเวนตุส ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ วิลเฟร็ด ซาฮา ปีกตัวเก่งของ คริสตัล พาเลซ
อย่างไรก็ตาม เอฟเวอร์ตัน ต้องลงเอยกับ อเล็กซ์ อิโวบี ปีกดาวโรจน์ชาวไนจีเรีย ที่คว้ามาจาก อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัวถึง 30 ล้านปอนด์ และ มอยเซ่ คีน หัวหอกชาวอิตาลี ที่คว้ามาจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวสูงถึง 27 ล้านปอนด์
หากถามแฟน เอฟเวอร์ตัน ว่านักเตะคนใดที่จะทำให้ทีมแข็งแกร่งนั้น ชื่อของ อิดริสซ่า เกย์ มิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติเซเนกัล ต้องถูกเอ่ยถึงอย่างแน่นอน แต่สโมสรไม่สามารถเก็บเขาไว้ต่อไปได้ และขายให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมดังในศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส ด้วยค่าตัวราว 30 ล้านปอนด์
เฟเบียน เดล์ฟ กองกลางชาวอังกฤษ ถูกคว้าตัวมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อนำประสบการณ์ และความเป็นผู้นำที่ต้องการมาสู่ทีม และการทุ่มเงิน 25 ล้านปอนด์ คว้าตัว ฌ็อง-ฟิลิปป์ กบาแม็ง กองกลางตัวรับชาวไอโวรี่ โคสต์ มาจาก ไมนซ์ นั้น ก็ยังไม่เห็นว่าจะทดแทน เกย์ ได้
เอฟเวอร์ตัน เก็บคลีนชีตได้ในการแข่งขัน 2 เกมแรกของฤดูกาลนี้ และ กบาแม็ง ก็ได้ลงสนามทั้ง 2 เกม แต่น่าเสียดายที่กองกลาง “ช้างดำ” ได้รับบาดเจ็บหนัก และไม่สามารถกลับมาลงสนามให้กับ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ได้อีกแล้วในฤดูกาลนี้
ในตำแหน่งแดนกลางนั้น ตัวเลือกของ ซิลวา ก็ยังลดน้อยลงไปอีก เมื่อ อังเดร โกเมส มิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกส ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวาในเกมที่เสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-1 ในขณะที่ เบอร์นาร์ด ตัวรุกชาวบราซิล ก็เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า
ขณะเดียวกัน ปัญหานักเตะในแดนกลางบาดเจ็บนั้น ยังทำให้ ซิลวา ต้องปวดหัวในการจัดทีม และมันยังเพิ่มแรงกดดันก็ติดอยู่บนบ่าของ ทอม เดวี่ส์ กองกลางดาวรุ่งชาวอังกฤษ และ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส รวมถึง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน จอมทัพทีมชาติไอซ์แลนด์ ต้องถูกถอยมาเล่นต่ำกว่าเดิม
สำหรับปัจจัยที่คลี่คลายความกดดันทั้งหมดนั้น มันก็แทบไม่มีเมื่อ เอฟเวอร์ตัน แพ้จาก 5 ถึง 6 เกม ที่พบกับทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา และการเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ ของพวกเขานั้น พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอที่จะทำให้ ซิลวา อยู่ในตำแหน่งต่อไป
การพ่ายแพ้ นอริช ซิตี้ คาถิ่นกูดิสัน ปาร์ค 0-2 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาต้องตกไปอยู่ในอันดับที่ 15 ในตารางคะแนน โดยมันเป็นจุดเริ่มต้นที่สาวก “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” บางรายเริ่มเรียกร้องให้ ซิลวา ถูกไล่ออกในทันที
เป้าหมายของเทรนเนอร์ชาวโปรตุเกสนั้น ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนโดยคณะกรรมการของสโมสร ซึ่งระบุว่าจะต้องพา เอฟเวอร์ตัน จบซีซั่นด้วยการทำอันดับไปเล่นในศึกยูโรป้า ลีก เป็นอย่างต่ำ แต่ปัจจุบันพวกเขากลับต้องดิ้นรนหนีตกชั้น ซึ่งฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับสโมสรที่มีความทะเยอทะยานสูง
พื้นที่สำคัญที่บ่อนทำลายความพยายามของ ซิลวา คือ ความล้มเหลวอันน่าสลดใจที่อยู่เคียงข้างเขาในการป้องกัน ซึ่งมันเป็นความลุ่มหลงของอดีตนายใหญ่ เอฟเวอร์ตัน ที่ต้องการพิสูจน์ให้เห็นถึงเกมรุกที่เขาคิดว่า สามารถแก้ปัญหาได้
แน่นอน ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน เสียไปมากถึง 24 ประตู ซึ่งมันมากกว่าทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีก และหากนำสถิติที่น่าตกใจของเขามาสมัยยังคุม ฮัลล์ ซิตี้ เสียไป 11 ประตู และ วัตฟอร์ด เสียไป 12 ประตู มันก็น่าแปลกใจว่าทำไมแนวรับ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ถึงมีช่องโหว่แบบนั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ได้รับการปรับปรุงเล็กน้อยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เมื่อ ซิลวา ปรับเปลี่ยนระบบของเขาจากคุมโซนเป็นแมนมาร์ค แต่มันก็เป็นภาพของความล้มเหลวเก่าๆเหล่านั้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวให้สาวก เอฟเวอร์ตัน หลายคนเห็นข้อบกพร่อง และบทเรียนที่ไม่ได้รับการแก้ไข
มันไม่ใช่แค่การบาดเจ็บที่โชคร้ายของ โกเมซ และ กบาแม็ง ที่ ซิลวา จะชี้ให้เห็นว่าเป็นโชคร้ายที่เอื้อต่อการตกงานของเขา แต่การตัดสินของกรรมการอาทิ ในเกมที่แพ้ ไบรท์ตัน 2-3, แพ้ เลสเตอร์ 1-2 และเสมอกับ สเปอร์ส 1-1 ก็มีผลเช่นกัน
ขณะเดียวกัน เมื่อ เอฟเวอร์ตัน ตกเป็นฝ่ายตามหลังคู่แข่งไปก่อน 28 เกมในพรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทัพของ ซิลวา นั้น พวกเขาสามารถเก็บได้เพียง 5 คะแนนเท่านั้น มันอาจแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในเรื่องของจิตใจนักเตะ
ฟาร์ฮัด โมชิริ เจ้าของสโมสร เอฟเวอร์ตัน พยายามที่จะทำให้ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” รักษาสถานะในพรีเมียร์ลีก ต่อไป และมันทำให้ ซิลวา มักจะดูเหมือนจะตื่นตระหนกกับการที่คิดว่าสโมสรจะหาคนมาทดแทนที่เขาในขณะที่เขากำลังคุมทีม
ย้อนกลับไปในเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 2-5 นั้น เมื่อ จินี่ ไวจ์นัลดุม กองกลางชาวดัตช์ ของ “หงส์แดง” ยิงประตูที่ 5 นั้น มันนับเป็นลูกที่ 5 ที่ เอฟเวอร์ตัน เสียในนาทีที่ 90 ในซีซั่นนี้ มันเหมือนเป็นการปฏิเสธความเชื่อใดๆที่ว่าทีมของ ซิลวา ดีเกินกว่าจะเอาชนะได้
ซิลวา ได้สืบทอดปัญหามากมายที่ เอฟเวอร์ตัน สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดนักเตะที่มีประสบการณ์ และเป็นผู้นำทีม ฟิล จากีลก้า อดีตกองหลังกัปตันทีม ที่ถูกปล่อยตัวออกไป ส่วน เชมุส โคลแมน แบ็คขวาชาวไอร์แลนด์ กัปตันคนปัจจุบัน ก็ฟอร์มตกและมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ขณะที่ ซิกูร์ดส์สัน ก็ไม่เหมาะสมกับการสวมปลอกแขน
มสัน โฮลเกต กองหลังดาวรุ่ง เอฟเวอร์ตัน กล่าวหลังจากการพ่ายแพ้ที่แอนฟิลด์ ต่อ ลิเวอร์พูล ว่า “การมีสมาธิในเกมกับบอลยาวของ ลิเวอร์พูล เป็นสิ่งที่เราเน้นก่อนเกม แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้นเลย ผู้จัดการทีมบอกกับเราว่า เราต้องทำอะไรบ้าง แต่เรายังไม่ได้ออกไปทำอย่างนั้น”
สำหรับการยืนยันทั้งหมดของ ซิลวา ว่าเขามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร แต่เขามักจะไม่สามารถแปลข้อความของตัวเองไปยังผู้เล่นของเขาได้ เอฟเวอร์ตัน เสียไป 2 ประตูภายใน 17 นาทีที่แอนฟิลด์ มันบังคับให้พวกเขาต้องเปลี่ยนยุทธวิธีการเล่น แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นไปแล้ว
25 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ เอฟเวอร์ตัน คว้าแชมป์ครั้งล่าสุด มันเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดโดยไม่มีถ้วยรางวัลในประวัติศาสตร์ของสโมสร นอกจากนี้ มันยังเป็นเวลา 37 ปี ที่พวกเขาเสียประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ถึง 5 ลูก
โมชิริ ลงทุนเพียงไปมากในการซื้อนักเตะมาร่วมทีมนับตั้งแต่มาถึงสโมสรเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา และเมื่อ เอฟเวอร์ตัน ต้องตกไปอยู่ในโซนตกชั้นอันดับที่ 18 เขาก็ไม่รีรอที่จะทำการเปลี่ยนแปลงทันทีเหมือนสมัยที่ โรนัลด์ คูมัน กุนซือชาวดัตช์ คุมทีม
ซิลวา กล่าวหลังจบเกมกับ ลิเวอร์พูล ว่า “ผมไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่จะพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ ผมตอบคุณไม่ได้ นับตั้งแต่ผมเข้าร่วมสโมสร และจนถึงวันสุดท้ายที่ผมอยู่ที่นี่ผมจะเป็นมืออาชีพ 100 เปอร์เซ็นต์ให้ดีที่สุดของผมทุกวัน
“ผมเข้าใจว่าทำไมคำถามจะมาถึงผม ถ้าเราชนะเกมทั้งหมดคุณก็คงไม่ได้ถามผม แต่ผมไม่ชอบที่จะพูดหลังจากการแข่งขันทุกนัดเกี่ยวกับอนาคตของผมเอง” แต่ตอนนี้ ซิลวา มีคำตอบของเขาเรียบร้อยแล้ว
