พลิกประวัติ ราโย บาเยกาโน่ สายสะพายสีแดงแห่งลีกกระทิง

พลิกประวัติ ราโย บาเยกาโน่ สายสะพายสีแดงแห่งลีกกระทิง

ราโย บาเยกาโน่ เด มาดริด (Rayo Vallecano de Madrid) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม ราโย บาเยกาโน่ หรือถูกเรียกกันสั้นๆว่า ราโย เป็นทีมฟุตบอลที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในย่านบาเยกาส กลางกรุงมาดริด ประเทศสเปน สโมสรถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1924 ปัจจุบันลงเตะอยู่ใน ลา ลีกา นับตั้งแต่ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากการคว้าแชมป์ เซกุนด้า ดีบีซีออน ในฤดูกาล 2017-18 พวกเขาลงเล่นเกมเหย้าต่อหน้าแฟนๆในสนาม กัมโป เด ฟุตบอล เด บาเยกาส ที่รองรับความจุได้ 14,708 ที่นั่ง

ไทม์ไลน์ประวัติสโมสร

1924 – ทีมถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมภายใต้ชื่อ Agrupación Deportiva El Rayo ในเมืองที่เป็นบ้านเกิดของ พรูเดนเซีย พริเอโก้ ภรรยาของ ฆูเลียน อูเอร์ต้า ประธานสโมสรคนแรกที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างทีมมาจาก ริเวอร์ เพลท หนึ่งในสโมสรลูกหนังชั้นนำของ อาร์เจนติน่า

ทีมถือกำเนิดขึ้น

1947 – มีการปรับเปลี่ยนชื่อสโมสรมาเป็น Agrupación Deportiva Rayo Vallecano
1949 – หลังสามารถตกลงกับทาง แอตเลติโก มาดริด ได้ลงตัว ลายพาดสีแดงแนวขวางก็ถูกแต่งเติมเข้าไปในชุดแข่งของทีม และภายในปีนั้นพวกเขายังสามารถไต่เต้าขึ้นมาสู่ เตร์เซร่า ดีบีซีออน หรือ ดิวิชั่น 3 ของประเทศในเวลานั้นได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
1956 – หลังจบฤดูกาล 1955-56 ด้วยการเป็น 1 ในทีมแชมป์กลุ่ม พวกเขาได้ผ่านเข้าไปเล่นในเกมเพลย์ออฟเพื่อลุ้นโอกาสในการเลื่อนชั้น ก่อนจะบรรลุเป้าด้วยการเป็น 1 ใน 4 ทีมที่ได้ขยับขึ้นไปสู่ เซกุนด้า ดีบีซีออน
1961 – แต่หลังจากลงเตะอยู่ใน ดิวิชั่น 2 ของประเทศได้ไม่กี่ปี ทีมก็ร่วงลงสู่ เตร์เซร่า ดีบีซีออน อีกครั้งหลังจบฤดูกาล 1960-61 จากการอยู่ในตำแหน่งรั้งท้ายของตาราง
1965 – หลังใช้ความพยายามอยู่ 4 ปี ราโย ก็สามารถคว้าสิทธิ์กลับคืนสู่ เซกุนด้า ดีบีซีออน ได้สำเร็จ
1977 – ในที่สุด ราโย ก็สามารถเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตนเอง หลังเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 3 ในฤดูกาล 1976-77 พร้อมตามหลัง สปอร์ติ้ง กิฆอน และ กาดิซ ทะยานขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศ
1980 – ภายในซีซั่นเปิดตัวกับ ลา ลีกา ทีมสามารถประคองตัวจนจบด้วยอันดับที่อยู่กลางตาราง ก่อนจะเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิดในซีซั่นถัดมา แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องร่วงลงสู่ เซกุนด้า ดีบีซีออน หลังพาตัวเองหนีออกจากพื้นที่สีแดงไม่พ้นในช่วงท้ายฤดูกาล 1979-80
1982 – ในฤดูกาลนั้นพวกเขาสามารถผ่านเข้าไปจนถึงรอบรองชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ ก่อนจะพ่ายให้กับ สปอร์ติ้ง กิฆอน ด้วยสกอร์รวม 4-0 ซึ่งถือเป็นการเดินทางที่มาไกลที่สุดในรายการนี้ของทีม
1984 – ไปๆมาๆ ราโย กลับสาละวันเตี้ยลงจนร่วงลงสู่ ดิวิชั่น 3 ภายใต้ชื่อใหม่ว่า เซกุนด้า ดีบีซีออน เบ จากการตกไปอยู่อันดับบ๊วยในฤดูกาล 1983-84
1985 – เพียงแค่ฤดูกาลทีมก็สามารถคว้าแชมป์กลุ่มและกลับคืนสู่ ดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จ
1989 – จากการโชว์ฟอร์มดุและกลายเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดภายในฤดูกาลนั้น พวกเขาก็สามารถกลับคืนสู่ ลา ลีกา ได้สำเร็จจากการรั้งอยู่ในอันดับที่ 2 รองจาก กาสเตยอน แต่แล้วในช่วงซัมเมอร์ปีนั้นก็เกิดเหตุน่าสลดขึ้นเมื่อ ลอรี่ คันนิ่งแฮม อดีตแข้งทีมสิงโตคำรามคนแรกที่ได้ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนก่อนจะจบชีวิตลงด้วยวัยเพียง 33 ปีหลังจากมีส่วนช่วยให้ทีมเลื่อนขึ้นมาจากการลงสนามไป 19 นัดและยิงได้ 1 ประตูจากซีซั่นที่ผ่านมา
1990 – แต่ทีมก็ผุดขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศเบื้องบนได้ไม่นาน ก่อนจะร่วงตกชั้นลงไปภายในฤดูกาลต่อมาจากการจมอยู่ในตำแหน่งบ๊วยของตารางคะแนน
1992 – ราโย สามารถพาตัวเองกลับสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งหลังจบฤดูกาล 1991-92 ด้วยการตามหลัง เซลต้า บีโก้ ทีมแชมป์ เซกุนด้า ดีบีซีออน ขึ้นไป
1994 – คราวนี้ทีมอยู่ใน ลา ลีกา ได้นาน 2 ปี ก่อนจะจบฤดูกาล 1993-94 ด้วยอันดับที่ 17 จนต้องไปลุ้นเกมเพลย์ออฟชี้ชะตากับ กอมโปสเตล่า โดยหลังจากเสมอกันไปด้วยสกอร์รวม 1-1 ใน 2 เลกที่ผ่านมา ทีมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปด้วยผลลัพธ์ 1-3 ในนัดตัดสิน
1995 – แต่แฟนๆก็ใช้เวลารอคอยไม่นาน เมื่อ ราโย สามารถทำคะแนนเป็นรองเพียงแค่ เมริด้า ทีมแชมป์จนเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้ภายในซีซั่นถัดมา พร้อมๆกับที่มีการเปลี่ยนชื่อสโมสรมาเป็น Rayo Vallecano de Madrid เหมือนดังเช่นในปัจจุบัน
1996 – ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่อีกครั้งหลังเข้าป้ายในอันดับที่ 19 จนต้องไปลุ้นเอาตัวรอดในเกมเพลย์ออฟ ก่อนที่พวกเขาจะยังดวงแข็งเมื่อพลิกกลับมาเอาชนะ มายอร์ก้า ได้ในเลกที่สองโดยเป็นฝ่ายเฉือนไปด้วยสกอร์รวม 2-1
1997 – ราโย จบฤดูกาลถัดมาด้วยการติดอยู่ในโซนท้ายตารางอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขาเอาตัวไม่รอดเมื่อถูก มาร์ยอก้า คู่ต่อสู้ในรอบเพลย์ออฟซีซั่นที่แล้วตามกลับมาล้างแค้น โดยผลรวม 2 นัดในเกมชี้ชะตาจบลงด้วยการเสมอกัน 2-2 แต่พวกเขาเป็นฝ่ายที่ต้องพ่ายแพ้ไปเนื่องจากกฎอเวย์โกล
1999 – แม้ทีมจะจบฤดูกาล 1998-99 ในอันดับที่ 5 แต่เนื่องจาก แอตเลติโก มาดริด เบ ที่เข้าป้ายเป็นที่ 2 ไม่มีสิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นมาเนื่องจากเป็นทีมสำรอง จึงทำให้พวกเขาได้โควตาไปเล่นเกมเพลย์ออฟก่อนจะเอาชนะ เอ็กซ์เตรมาดูร่า ไปด้วยผลรวม 4-0 และหวนคืนกลับสู่ ลา ลีกา อีกครั้ง

rayo vallecano 1999

2001 – หลังสามารถประคองตัวในฤดูกาลแรกที่เลื่อนชั้นขึ้นมาด้วยการจบในอันดับที่ 9 แต่ทีมกลับคว้าสิทธิ์ไปลงเตะในรอบคัดเลือก ยูฟ่า คัพ ได้จากกฎแฟร์เพลย์ หลังจากนั้นภายในซีซั่น 2000-01 ก็กลายเป็นปีที่พวกเขาสร้างผลงานในเวทียุโรปได้ดีที่สุดจากการฝ่าฟันเข้าไปจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย และพ่ายให้กับ อลาเบส ที่ทะลุเข้าไปเป็นคู่ชิงของ ลิเวอร์พูล ที่ฝ่ายหลังเป็นผู้คว้าแชมป์ได้ในปีนั้น
2003 – แต่หลังจากนั้นไม่นานทีมก็ร่วงลงสู่ เซกุนด้า ดีบีซีออน อีกครั้งเมื่อจบฤดูกาล 2002-03 ด้วยอันดับท้ายของตาราง
2004 – เท่านั้นยังไม่พอในซีซั่นถัดมาทีมตกชั้นลงไปอีกระดับ หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังและจบด้วยอันดับรองบ๊วย
2008 – ราโย ใช้เวลากระเสือกกระสนอยู่นานหลายปี จนในที่สุดก็สามารถหนีจาก เซกุนด้า ดีบีซีออน เบ ได้สำเร็จหลังจบฤดูกาล 2007-08
2009 – ภายในปีแรกหลังกลับมาลงเตะอยู่ใน ดิวิชั่น 2 แม้ทีมจะยังไม่สามารถกลับคืนสู่ ลา ลีกา ได้แต่พวกเขาก็สามารถทำคะแนนจนจบอยู่ในอันดับท็อป 5 ในขณะที่ทีมฟุตบอลหญิงของ ราโย กลับสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรก จนได้สิทธิ์ไปลงเตะใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รายการหญิงฤดูกาลถัดไป
2011 – และแล้วทีมก็เลื่อนชั้นไปยัง ลา ลีกา ได้สำเร็จ หลังรั้งอันดับที่ 2 รองจาก เรอัล เบติส ในฤดูกาล 2010-11
2012 – ระหว่างซีซั่นแรกของการกลับคืนสู่ ลา ลีกา ในรอบ 8 ปี ในช่วงปลายเดือนมีนาคมท่ามกลางการประท้วงครั้งใหญ่ภายในประเทศเพื่อต่อต้านรัฐบาลสเปนอันเป็นที่รู้จักกันในนาม “อินดิกนาดอส” ทางสโมสรได้ตัดสินใจยกเลิกโปรแกรมฝึกซ้อม 1 วันเพื่อเปิดโอกาสให้นักเตะได้เข้าร่วมการชุมนุม
2015 – ในช่วงเตรียมตัวออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ ราอูล มาร์ติน เปรซ่า เจ้าของสโมสรได้จัดการซื้อ โอกลาโฮม่า ซิตี้ เอฟซี ทีมฟุตบอลใน นอร์ท อเมริกัน ซอคเกอร์ ลีก (NASL) ที่เป็นลีกอันดับ 2 รองจาก เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ เพื่อหวังจะขยายธุรกิจลูกหนังไปยัง สหรัฐอเมริกา ก่อนจะเปิดตัวทีมสาขาภายใต้ชื่อใหม่ว่า ราโย โอเคซี
2016 – แต่แล้วแผนการของนักธุรกิจชาวสเปนก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อ ราโย ดันทำผลงานได้ย่ำแย่ก่อนจะร่วงตกชั้นลงไปหลังจากจบฤดูกาล 2015-16 ซึ่งส่งผลกระทบให้ ราโย โอเคซี ที่พึ่งเปิดตัวได้เพียงแค่ซีซั่นเดียวก็จำต้องปิดตัวไปอย่างรวดเร็ว
2018 – จากการนำทัพของ มิเชล ตำนานแข้ง เรอัล มาดริด ที่เข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของทีมภายในซีซั่นก่อนหน้านี้ ในที่สุด ราโย ก็สามารถคว้าแชมป์ เซกุนด้า ดีบีซีออน ได้เป็นสมัยแรกพร้อมโอกาสกลับมาวาดลวดลายใน ลา ลีกา ได้อีกครั้ง
rayo vallecano 2018