ปืนใหญ่ เริ่มแผ่วอย่างน่าใจหาย

หรือ เอเมอรี่ หมดมุกจะแก้เกมแล้ว

เกมพรีเมียร์ลีก ที่ผ่านมาในการลงสนาม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดรังลอนดอน สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล ซึ่งเกมนี้ถือว่าเป็นลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ที่ศักดิ์ศรีต่างไม่มีใครยอมใครแน่ ๆ ผลสุดท้ายปรากฏว่าเป็นเจ้าบ้านสามารถเฉือนเอาชนะไปได้อย่างสุดมัน 1-0 นั่นหมายถึงลูกทีมของ อูไน เอเมอรี่ ยังมีแต้มอยู่เท่าเดิมอีกครั้งและโอกาสลุ้นติดท็อปโฟร์เริ่มเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อย ๆ

หรือ เอเมอรี่ จะหมดมุกแก้เกมแล้ว

จุดสังเกตที่เห็นได้ชัดมาก ๆ หลังจากที่พวกเขาเริ่มเสมอและแพ้บ้างประปรายในช่วงหลายแมตช์มานี้ เหมือนว่ากุนซืออย่าง เอเมอรี่ เริ่มหมดมุกในการแก้เกมคู่แข่งยังไงก็บอกไม่ถูก จากที่เคยเป็นกุนซือจอมแก้เกมคนหนึ่ง กลายเป็นเวลานี้เขาแทบไม่ได้ช่วยให้ อาร์เซน่อล ทำผลงานได้ดีขึ้นเลยแม้ทีมจะตามอยู่ในครึ่งแรก ยกตัวอย่างเกมกับ “หงส์แดง” ที่เห็นชัดเจนเลยว่าการแก้เกมของเขาไม่มีประโยชน์และช่วยให้ลูกทีมทวงคืนประตูไล่ตีตื้นไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย รวมถึงเกมล่าสุดที่ดวลแข้งกับ เวสต์แฮม ด้วย มันแทบไม่มีจังหวะดี ๆ ให้เราได้เห็นเท่าไหร่นักแม้มีเกมรุกหวือหวา แต่ประเด็นคือทำไม่ได้ทุกอย่างก็จบ

ฟุตบอลไม่ได้นับกันที่เรื่องของเปอร์เซ็นต์การครองบอลหรือนับที่จังหวะเข้าทำแต่เขานับกันที่ประตู ต่อให้ อาร์เซน่อล มีสไตล์การเล่นสวยงาม ครองบอลได้เยอะกว่า โอกาสยิงประตูเยอะแต่ถ้ายิงนกตกปลาไปหมดแพ้ยังไงมันก็คือแพ้ ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ มาหักล้างได้ทั้งสิ้น เข้าใจว่าการเข้ามาของ เอเมอรี่ อาจต้องใช้เวลาในการปรับทัพกันใหม่ แต่การที่เขาทำผลงานได้ดีในช่วงแรก ๆ มันทำให้แฟน อาร์เซน่อล แอบหวังเล็ก ๆ ว่าพวกเขาจะผ่านพ้นเงาในยุคของ อาแซน เวนเกอร์ ได้เสียที กระนั้นคงต้องให้โอกาส เอเมอรี่ ในการทำทีมต่อแม้ช่วงนี้ฟอร์มอาจไม่ค่อยสวยงามดังที่คาดเอาไว้เท่าไหร่

โปรแกรมหนักที่พวกเขาจะต้องเจออีกเกมคือการพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกเอฟเอ คัพ ที่ดันจับสลากมาเจอกันพอดิบพอดี อาจเป็นการวัดกึ๋นของสองกุนซือที่น่าสนใจมาก ๆ ถือว่าเป็นเกมน่ารักน่าลุ้นที่ควรค่ากับการดูอย่างยิ่ง ไม่แน่หากพวกเขาเอาชนะได้ โมเมนตั้มดี ๆ ของทีมอาจกลับมาอีกครั้งและกลายเป็นเรื่องที่ช่วยให้ทีมเริ่มต้นไล่ล่าแชมป์แรกภายใต้ยุค เอเมอรี่ อย่างเป็นทางการก็ได้

ปืนใหญ่ เริ่มแผ่วอย่างน่าใจหาย