ต่างคนต่างเล่น ! ปัญหาใหญ่ที่ PSG ไม่มีทางแก้ไขให้จบได้แม้มีเมสซี่

ต่างคนต่างเล่น ! ปัญหาใหญ่ที่ PSG ไม่มีทางแก้ไขให้จบได้แม้มีเมสซี่

โลกของฟุตบอล ได้จับตามองไปที่การแข่งขันในเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งสโมสร PSG สามารถเอาชนะ สต๊าด เดอ ไรมส์ ได้สำเร็จด้วยสกอร์ 2-0เพราะ 2 ประตูจากการยิงของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ มันได้ทำให้ปารีสฯ สามารถคว้าสามแต้มสำคัญกลับมาจากสนาม สต๊าด ออกัสเต้ เดเลอเน่ ได้สำเร็จ แต่กระนั้นแล้วในคืนดังกล่าว มันกลับที่ไม่มีใครจำได้ว่าใครเป็นคนยิง เพราะคนที่ดัน “แย่งซีน” คนยิงประตูทั้ง 2 ลูกแบบ เอ็มบัปเป้ ไปได้นั้น มันกลับเป็นนักเตะที่เพิ่งจะย้ายมาใหม่มากกว่าลิโอเนล เมสซี่ ไม่เพียงแต่จะได้ลงสนามเปิดตัวให้กับสโมสรใหม่ของเขา หลังจากเซ็นสัญญาย้ายจากบาร์เซโลน่า มาอยู่กับ PSG เมื่อช่วงต้นฤดูร้อนนี้ คือคนที่เรียกเสียงเฮจากแฟนบอลได้มากที่สุแล้วตัวของ เอ็มบัปเป้ ที่อุตส่าห์ยิงประตูให้กับทีมได้ในเกมนี้ล่ะ แฟนบอลกลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันอาจจะเป็นงานเลี้ยงอำลาของเอ็มบัปเป้ ที่กำลังจะย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ในตอนที่ทีมได้มีการประกาศรายชื่อผู้เล่น เมื่อชื่อของ เอ็มบัปเป้ ถูกประกาศออกมาในฐานะนักเตะที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริง ดูเหมือนว่าแฟนบอลจะไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่นัก เพราะส่วนหนึ่งแฟนบอลเองก็คิดว่าอีกไม่นาน นักเตะรายนี้ก็จะกลายเป็นอดีตกับพวกเขาแล้วแต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงหลังจากนี้ก็คือ PSG ที่อุดมไปด้วยแข้งสตาร์ระดับพระกาฬ จะสามารถเล่นฟุตบอลด้วยกันให้เข้าขากันได้มากน้อยแค่ไหน นั่นคือประเด็นหลักๆ

สตาร์ล้นทีมแต่ดันเล่นไม่เข้าขากัน !

สตาร์ล้นทีมแต่ดันเล่นไม่เข้าขากัน !

หนึ่งในคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ที่หนักที่สุด เท่าที่ PSG โดนมาตลอดในฤดูกาลที่ผ่านมาก็คือ วิธีการเล่นของพวกนักเตะในทีม ที่เหมือนอารมณ์คนที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ ต่างคนต่างเล่น ไม่ได้มีความเป็นหนึ่งเดียวกันเท่าไหร่นักและในยุคนี้ที่มี เมาริซิโอ โปเช็ตติโน เป็นคนคุมทีม เขาได้ใช้แผนเกมรุกในระบบ 4-3-3 เป็นแผนยืนพื้นหลักๆของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน โดยเมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา PSG ได้เปิดฉากบุกเข้าใส่ไรมส์อย่างหนักด้วยสูตร 4-3-3 ดังกล่าวหลังจากขึ้นนำไปก่อน 1-0 ดูเหมือนว่าเกมรับและพื้นที่ตรงกลางสนามของ PSG จะมีอยู่บ้างที่พวกเขาดูยวบๆไปหน่อย และทางตัวของ เคย์เลอร์ นาวาส ก็ต้องพยายามรับมือกับการบุกกลับใส่ของเจ้าบ้าน โดย มาร์แชล มูเนสตรี้ เกือบจะทำให้เจ้าบ้านตีเสมอได้เป็น 1-1 แต่ลูกยิงของเขาถูกริบคืนไปเพราะล้ำหน้าซะก่อนนี่เป็นเพียงชั่วพริบตาของการเล่นเกมรับอันหละหลวมของ PSG ที่ซึ่งพวกเขาพร้อมจะเสียประตูแบบเลอะเทอะได้ในทุกจังหวะ เหมือนที่พวกเขาเคยพลาดให้กับเบรสต์ สตราสบูร์ก และทรัวส์ที่มีคลาสบอลต่ำต้อยกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ

ยิ่งกว่านั้น การเล่นในแดนกลางของ PSG

ยิ่งกว่านั้น การเล่นในแดนกลางของ PSG

ยังไม่ค่อยจะสร้างสรรค์เท่าไหร่นัก ยกตัวอย่างเช่นตัวของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ที่เขาถูกวางตัวให้เป็นตัวปะทะในแดนกลาง ตรงข้ามกับบทบาทการเล่นแบบ “เพลย์เมกเกอร์กึ่งตัวบ็อกซ์ทูบ็อกซ์” ที่ตัวของเขาเคยเล่นให้กับลิเวอร์พูล นั่นคือการยืนเป็นกองกลางที่คอยเชื่อมเกมระหว่างกองหน้ากับกองกลางเข้าด้วยกันแต่ในเกมนี้เขาได้เริ่มต้นออกสตาร์ทเป็นตัวปะทะทางด้านขวาของแผงกองกลางสามคนแน่นอนว่าการโดนจับมาเล่นเกมรับเต็มตัว มันดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ แค่เขาได้บอลก็เหมือนทุกยอ่างจบสิ้นแล้ว เพราะเหมือนเขายังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดีและเมื่อผ่านครึ่งแรกไปได้สักพัก เหมือนว่าการเล่นสัญชาตญาณเดิมของเขา ก็ดันถูกปลุกให้กลับมา เขามีบทบาทมากขึ้นในการเติมเกมรุก แต่นั่นก็หมายความเขาจะต้องหลุดตำแหน่งในหลายครั้งจนแดนกลางเสียควาสมดุล แต่ก็น่าเสียดายที่เขาโดนจับไปเล่นในพื้นที่ต่ำแบบนั้น จริงๆ ตั้งแต่แรกในขณะเดียวกัน มาร์โก แวร์รัตติ ก็โดนบีบจนทำอะไรกับลูกบอลได้ไม่ถนัดนัก เขาโดนบีบเพรสซิ่งใส่ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเสียการครอบครองบอลอยู่บ่อยครั้งก่อนหน้านี้นักเตะอีกคนที่เจอปัญหาเช่นกันก็คือ เนย์มาร์ เขาไม่รู้ว่าตำแหน่งของเขาในสนามคืออะไรกันแน่ เพราะเจ้าตัวโดนจับมาเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางแบบหมายเลข 9 แทนที่เขาจะได้ทำหน้าที่ทางฝั่งซ้ายตามแบบเดิมที่เจ้าตัวถนัด ซึ่งเจ้าตัวมีพื้นที่ให้เล่นไม่มากนัก โดยเจ้าตัวได้แต่อาศัยการเข้าทำด้วยลูกตั้งเตะที่เจ้าตัวยิงได้ดีเป็นพิเศษในการหากินในช่วงนี้แม้ว่าจะเป็นแค่เกมที่ 2 แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ที่สดใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ของทาง PSG และผู้จัดการทีมจำนวนไม่น้อยเลย ที่ต้องตกงานเนื่องจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้เมื่อถึงการแข่งขันรอบน็อคเอาท์ของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 2021-22 ที่ซึ่งรอบดังกล่าวจะเริ่มต้นแข่งขันในเดือนกุมภาพันธ์ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็จะทำงานให้กับสโมสรแห่งนี้เกิน 12 เดือนเข้าไปแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้น เขาน่าจะเข้าใจได้แล้วว่าควรทำทีมแบบไหน และนักเตะเองก็ควรเข้าใจในปรัชญาของเขาด้วย แต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น ก็เตรียมตัวพบกับความล้มเหลวครั้งใหญ่ได้เลย