สืบค้นประวัติ แอชลีย์ ไซม่อน ยัง [Ashley Young]

สืบค้นประวัติ แอชลีย์ ไซม่อน ยัง [Ashley Young]

แอชลีย์ ไซม่อน ยัง เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 1985 เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษซึ่งเล่นในตำแหน่งปีกและสามรถเล่นในตำแหน่งวิงแบ็กที่สามารถเติมเกมส์รุกได้ดี รวมไปถึงการเล่นแบ็กทั้งสองฝั่งให้กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษ เขาเกิดและเติมโตในเฮิร์ทฟอร์ดเชียร์ โดยเขาเริ่มเล่นฟุตบอลที่สโมสรวัตฟอร์ด และเป็นหนึ่งในขุมกำลังหลักของทีมในปี 2003 ภายใต้การคุมทีมของเรย์ ลิฟวิงตัน แอชลีย์ ยังก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2004-05 และเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในความสำเร็จของทีมช่วงฤดูกาล 2005-06 เขายังเล่นได้ดีอย่างต่อเนื่องในพรีเมียร์ลีก และในช่วงเดือนมกราคม 2007 เขาได้ย้ายไปร่วมทีมแอสตัน วิลล่าด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ โดยรวมส่วนเสริมอื่นๆเพิ่มขึ้นเป็น 9.65 ล้านปอนด์ เขาเริ่มต้นกับต้นสังกัดอย่างแอสตันวิลล่าได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA วันที่ 23 มิถุนายน 2011 แอชลีย์ ยังได้ตกลงย้ายไปร่วมทีมกับสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโดยไม่มีการเปิดเผยค่าตัว เขาเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ต่างๆในเกาะอังกฤษ เช่นการได้แชมป์ FA คอมมูนิตี้ชิลด์ในปี 2011 แชมป์พรีเมียร์ลีกปี 2013 และในเดือนพฤษภาคม 2017 เขาเป็นส่วนหนึงที่ช่วยให้ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีกได้สำเร็จ โดยในฝั่งของทีมชาติอังกฤษนั้น เขาเริ่มต้นในชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี และลงเล่นให้กับชุดใหญ่ไป 39 นัด ยิงไป 7 ประตู

สโมสรที่เคยค้าแข้ง

วัตฟอร์ด

แอชลีย์ ยังเริ่มเล่นฟุตบอลกับศูนย์ฝึกเยาวชนของวัตฟอร์ดตอนเขาอายุ 10 ปี

แอชลีย์ ยังเริ่มเล่นฟุตบอลกับศูนย์ฝึกเยาวชนของวัตฟอร์ดตอนเขาอายุ 10 ปี เขาได้ฝึกฝนจากที่นั่นจนถึงช่วงปี 2001 มีการแจ้งมาจากสโมสรว่าเขาจะไม่ได้รับทุนการศึกษาเต็มรูปแบบจากสโมสรโดยสามรถย้ายไปฝึกที่อื่นได้หากเขาต้องการ ถึงแม้ว่าทางสโมสรจะไม่ได้ให้ความสนใจเขาเท่าไหร่แต่เขาก็ยังคงเข้าไปฝึกฝนในสโมสรช่วงนอกเวลาและพยายามพัฒนาตัวเองในฐานะผู้เล่น เพื่อพิสูจน์ว่าเขาสามารถที่จะเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ โดยเขาเขาได้ลงเล่นกับชุดต่ำกว่า 18 ปีแต่ในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปี และได้ลงสนามในช่วงท้ายฤดูกาล พัฒนาการของเขาเริ่มเห็นได้ชัดในช่วงที่เขาเริ่มเล่นในชุดต่ำกว่า 21 ปีและในที่สุดเขาก็ได้รับข้อเสนอให้ร่วมทีมจากสโมสร ในช่วงเดือนกันยายนปี 2003 ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุ 18 ปีได้มีโอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรองภายใต้การคุมทีมของเรย์ ลิฟวิ่งตันและสามารถทำประตูให้ทีมในนัดที่เจอกับมิลวอลล์ได้ โดยในฤดูกาลนั้นเขาได้รับโอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรอง 5 นัดและยิงไป 3 ประตู ซึ่งการลงสนามนัดแรกให้กับวัตฟอร์ดเป็นบอลรายการลีกคัพ เขาเริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้นในช่วงฤดูกาล 2004-05 ซึ่งได้ลงเล่นให้ทีมถึง 34 เกมส์ลีก พร้อมกับการช่วยให้ทีมที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้นสามารถอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพได้ แต่เขายังไม่สามารถทำประตูได้เลย ซึ่งจากฟอร์มการเล่นของเขานั้นทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมในฤดูกาลของสโมสร

ในช่วงฤดูกาล 2005-06 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เอ็ดดี้ บู้ทรอยด์เข้ามาคุมทีม เขาได้เล่นในตำแหน่งตัวรุก หรือปีกขวา ซึ่งได้เล่นให้ทีมไป 41 นัดและในลีกยิงไป 15 ครั้ง ทั้งในนัดเพลย์ออฟที่เจอทีมคริสตัล พาเลซ และนัดสุดท้ายพบกับลีดส์ ยูไนเต็ดและเอาชนะไปได้ 3-0 พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ซึ่งตลอดฤดูกาลนั้นลูกยิงของยังเป็นที่ชื่นชมของแฟนบอลอย่างแพร่หลายเช่น ลูกฟรีคิ๊กที่ยิงใส่พลีมัธและลีดส์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงลูกยิงจากระยะ 30 หลาบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปในนัดที่พบกับโคเวนทรี่ ซิตี้ และลูกยิงไซร้โค้งหนีมือผู้รักษาประตูในนัดที่พบกับควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ ซึ่งตลอดทั้งฤดูกาล มีเพียงนัดเดียวที่เขาถูกเปลี่ยนออกคือนัดที่พบกับลูตั้น ทาวน์ ยังเริ่มต้นกับทีมวัตฟอร์ดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2006-07 ได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงประตูไปได้สามลูกในลีก ในนัดที่พบกับฟูแล่มและเสมอกันไป 3-3 เขายิงไปได้สองประตูในนัดนั้นโดยลูกสุดท้ายเป็นการยิงในช่วงนาทีสุดท้ายของเกมส์ รวมไปถึงการยิงประตูได้ในนัดที่พบกับมิดเดิ้ลสโบรห์ โดยนัดนั้นเป็นชัยชนะครั้งแรกในฤดูกาลช่วงเดือนตุลาคม และเขายังยิงประตูในลีกคัพได้อีกด้วย ในช่วงที่ตลาดซื้อขายนักเตะเปิดในเดือนมกราคมปี 2007 วัตฟอร์ดได้ปฏิเสธข้อเสนอจากสโมสรเล็กๆต่างๆมากมายโดยยื่นมาตั้งแต่ห้าล้านปอนด์ไปจนถึงเจ็ดล้านปอนด์ รวมไปถึงข้อเสนอจากทีมเวสต์แฮมที่เกือบๆ 10 ล้านปอนด์แต่เป็นฝ่ายของนักเตะเองที่ปฏิเสธการย้ายไปร่วมทีมในข้อเสนอดังกล่าวกับเวสท์แฮม โดยมองว่าเขาสามรถรอข้อเสนอจากทีมอื่นได้โดยไม่มีปัญหา

แอสตัน วิลล่า

แอสตันวิลล่าได้ทำการเซ็นสัญญากับยัง ได้สำเร็จ

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2007 แอสตันวิลล่าได้ทำการเซ็นสัญญากับยัง ได้สำเร็จด้วยค่าตัวที่ 8 ล้านปอนด์ รวมโบนัสอีกเป็น 9.65 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดที่ทางสโมสรเคยจ่ายไป วันที่ 31 มกราคม 2007 เขายิงประตูแรกให้วิลล่าได้สำเร็จที่สนามเซนต์ เจมส์ปาร์คนัดที่วิลล่าพลาดท่าแพ้ให้กับนิวคาสเซิ่ลไป 3-1 ช่วงฤดูกาล 2007-08 ยังทำผลงานกับทีมได้ยอดเยี่ยมและได้รับตำแหน่งแมน ออฟเดอะ แมทช์อยู่บ่อยครั้ง และทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติอังกฤษในฤดูกาลนั้นอีกด้วย ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2007-08 ยังได้อันดับสองเป็นรองเชส ฟราเบกัสในการผ่านบอลให้เพื่อนทำประตู และเขายังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีกและเดวิด เจมส์จากปอร์ทสมัธ โดยทั้งสองคนไม่ได้มากจากทีมใหญ่ทั้ง 4 ในลีกคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชลซี อาเซน่อล และลิเวอร์พูล

วันที่ 20 เมษายน 2008 ยังยิงไปสองประตูและผ่านบอลให้เพื่อนยิงอีกสองครั้งช่วยให้วิลล่าเอาชนะเบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ที่สนามวิลล่าปาร์คไป 5-1 เขายังเคยทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะทีมโอเดนเซ่จากลีกเดนม์กในรายการยูฟ่า อินเตอร์โตโต้คัพรอบ 3 วันที่ 10 ตุลาคม 2008 ยังได้รับตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก จากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2008-09 ทำให้เขาคว้ารางวัลในเดือนเมษายนไปครอง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เคยได้รับรางวัลโดยก่อนหน้านี้มีทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ,เวย์น รูนี่,และสตเว่น เจอร์ราร์ด วันที่ 7 ธันวาคม 2008 ในนัดที่เอาชนะเอฟเวอร์ตันไปได้ 3-2 เขายิงไปสองประตูโดยหนึ่งในนั้นเป็นลูกยิงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บหลังจากที่โจเลออน เลสคอตต์ของเอฟเวอร์ตันยิงให้ทีมเสมอก่อน 2-2 ในไม่กี่วินาที โดยผู้จัดการทีมอย่าง มาร์ติน โอนีล ได้ออกมากล่าวว่าการเล่นของยังกำลังจะเป็นระดับโลกในไม่ช้าซึ่งเป็นคำแถลงหลังจากจบการแข่งขัน โดยยังได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมอีกสี่ปีไปจนถึงปี 2012 ในวันที่4พฤศจิกายน 2008

วันที่ 10 มกราคม 2009 ยัง ได้รับนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนอีกครั้งในเดือนธันวาคม พร้อมกันกับที่โอนีลได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมในเดือนนั้นเช่นกัน ซึ่งเขาเป็นนักเตะคนแรกที่ได้รับรางวัลถึงสามครั้งในปีเดียวกัน โดยในนัดถัดมาที่พบกับซันเดอร์แลนด์ในวันที่ 18 มกราคม 2009 เขาได้รับใบแดงจากการเข้าบอลอันตรายใส่ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามอย่างดีน ไวท์เฮด วันที่ 26 เมษายน 2009 เขาได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปีของ PFA

วันที่ 24 สิงหาคม 2009 ยังยิงลูกโทษพาทีมวิลล่าเอาชนะทีมลิเวอร์พูลไป 3-1 ที่สนามแอนฟิลด์ แต่อย่างไรก็ดีอีกสามวันถัดมาเขาพลาดในการยิงจุดโทษในเกมส์ที่เปิดบ้านพบกับทีมราปิดเวียนนาในรายการยูโรป้าลีก ซึ่งยังช่วยให้ทีมได้จุดโทษถึงสองครั้งในครึ่งเวลาแรก โดยเขายิงลูกแรกพลาด จึงเปลี่ยนให้เจมส์ มิลเนอร์เป็นผู้ยิงแทนในลูกที่สอง แต่น่าเสียดายที่วิลล่าต้องตกรอบไปจากกฎประตูทีมเยือน

ช่วงฤดูกาล 2010-11 เขาได้เป็นรองกัปตันทีมและได้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำ ซึ่งในตำแหน่งนี้ทำให้เขาสามรถเคลื่อนที่ได้จากฝั่งหนึ่งไปยังฝั่งหนึ่งรวมไปถึงการเล่นในพื้นที่ตรงกลางได้อย่างอิสระ เขายิงประตูแรกในฤดูกาล 2010-11 ด้วยการยิงฟรีคิ๊กในนัดที่บ้านพบกับโบลตัน วันเดอร์เรอร์ในเกมส์พรีเมียร์ลีกของวันที่ 18 กันยายน 2010 หลังจบฤดูกาลเขาทำไปได้ทั้งหมด 9 ประตู และเปิดบอลอีก 14 ครั้งใน 39 นัดรวมทุกรายการ ด้วยระยะเวลาที่เหลือในสัญญาอีกหนึ่งปี เขาได้กล่าวว่าเขาจะยังไม่ตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเขาจนกว่าจะจบฤดูกาล ซึ่งในวันที่ 20 มิถุนายน 2011 ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างอเล็กซ์ แม็คลิชได้ออกมายอมรับว่ายังอาจจะไม่ต่อสัญญากับทีมโดยระบุว่าว่า ไม่ได้รับการยืนยันจากนักเตะในเรื่องการไม่ต่อสัญญา และมีความเป็นไปได้สูงในเรื่องดังกล่าว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แอชลีย์ ยังได้ย้ายจากแอสตัน วิลล่ามาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

2011-2014

วันที่ 23 มิถุนายน 2011 แอชลีย์ ยังได้ย้ายจากแอสตัน วิลล่ามาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโดยที่ไม่มีการเปิดเผยค่าตัวแต่มีรายข่าวว่านะจะประมาณที่ 15-20 ล้านปอนด์และผ่านการตรวจร่างกายโดยตัดหน้าทีมอย่างลิเวอร์พูลที่ต้องการตัวเขาไปร่วมทีมเช่นเดียวกัน ซึ่งระยะเวลาของสัญญานั้นถึง 5 ปี เขาได้เบอร์เสื้อหมายเลข 18 โดยก่อนหน้านี้เป็นพอลล์ สโคลล์ที่เคยสวมหมายเลขนี้ตอนที่เขาเตยเล่นกับยูไนเต็ด ยังได้ลงสนามครั้งแรกในสีเสื้อของยูไนเต็ดในนัดดาร์บี้แมทช์ของเมืองแมนเชสเตอร์ โดยการเอาชนะซิตี้ทีมคู่ปรับร่วมเมืองไปได้ 3-2 ในศึกเอฟเอคอมมูนิตี้ชิลด์ เขาได้ลงเล่นเต็มเวลาและสามารถจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้ด้วยในนัดนั้น

เขาเริ่มต้นในลีกกับแมนฯยูไนเต็ดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2011 เป็นนัดที่พบกับเวสท์บรอมวิช อัลเบี้ยนและจ่ายบอลให้กับเวย์น รูนี่ทำประตูได้ แต่เขาก็ได้ทำเข้าประตูตัวเองหลังจากผู้เล่นฝั่งตรงข้ามเปิดบอลแฉลบเขาเข้าประตูไปแต่ทีมก็สามรถเอาชนะไปได้ 2-1 แอชลีย์ ยังสามรถทำประตูแรกให้กับยูไนเต็ดได้ในวันที่ 28 สิงหาคม 2011 ในการพบกับอาเซน่อลที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดและเอาชนะไปได้ 8-2 โดยลูกยิงของเขานั้นมาจากการเลี้ยงบอลจากฝั่งซ้ายตัดเข้ากลางแล้วยิงจากระยะไกลบอลเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม เขาได้รับโอกาสลงสนามในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2011 ช่วยให้ยูไนเต็ดเสมอกับบาเซิ่ลไป 3-3 จากลูกโหม่ง โดยหลังจากที่เขาได้รับอาการบาดเจ็บและต้องพักเป็นเวลาระยะยาว เขากลับมาลงสนามอีกครั้งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2012 ในนัดที่เสมอกันไปกับเชลซีที่สนามแสตมป์ฟอร์ดบริดจ์ไป 3-3 วันทีกุมภาพันธ์ เขายิงประตูขึ้นนำอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนยูไนเต็ดจะเอาชนะไปได้ 2-0 ที่สนามอัมสเตอร์ดัม อารีน่า วันที่ 4 มีนาคม 2012 เขายิงสองประตูในนัดที่พบกับท็อทแน่ม ฮ็อทสเปอร์ที่สนามไวท์ฮาร์ทเลนและเอาชนะไปได้ 3-1 ในเกมส์พรีเมียร์ลีก วันที่ 2 เมษายน เขายิงให้ยูไนเต็ดขึ้นนำแบล็กเบิร์น โรเวอร์ 2-0 ที่สนามอีวู้ดพาร์ค

ฤดูกาล 2014-15

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2015 ยังต่อสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรไปอีก 3 ปีทำให้เขาได้เล่นให้กับยูไนเต็ดไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2018 และสามารถขยายสัญญาต่อได้ เขาเริ่มต้นในฤดูกาลนี้ไม่ค่อยดีนักโดยได้ลงสนามไปเพียงนัดเดียวจากเจ็ดเกมส์ ซึ่งเป็นเกมส์เปิดสนามเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2015 และเอาชนะสเปอร์ไปได้ 1-0 วันที่ 12 กันยายน เขาประสานงานกับอ็องโทนี่ มาเที่ยลและยิงประตูแรกให้ยูไนเต็ดเอาชนะลิเวอร์พูลไป 3-1 เขากลับมามีชื่อเป็น 11 ตัวจริงอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมนัดที่พบกับอาเซน่อล จบเกมส์เอาชนะไปได้ 2-0 โดยเขาได้เล่นในตำแหน่งแบ็กขวาแทนที่ของอันโตนิโอ วาเลนเซียที่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มกราคม ในวันที่ 2 มกราคม 2016 เขาเปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้มาเที่ยลยิงประตูขึ้นนำสวอนซี ซิตี้ แอชลีย์ ยังได้รับอาการบาดเจ็บที่บริเวณโคนขาหนีบในนัดที่พบกับลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 17 มกราคม ซึ่งทำให้เขาต้องพักเป็นเวลาหลายเดือน โดยเขากลับมาลงสนามอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 เมษายนนัดที่พบกับสเปอร์ซึ่งลงไปเป็นตัวสำรองแทนที่ของมาร์คัส แรชฟอร์ดในช่วงพักครึ่งเวลา แต่ต้องแพ้ไป 3-0 ซึ่งการตัดสินใจของหลุยส์ ฟานกัลที่ให้เขาไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าต้องเผชิญกับคำวิจารณ์อย่างหนัก อย่างไรก็ตามผู้จัดการชาวดัตช์ได้ออกมาปกป้องการตัดสินใจของเขาด้วยการอธิบายว่าต้องการที่จะเพิ่มตัววิ่งในสนามมากขึ้น ประตูของแอชลีย์ ยังเพียงหนึ่งเดียวในฤดูกาลนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมในนัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีกช่วยให้ทีมเอาชนะบอร์นมัธไป 3-1 หลังจากถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองแทนมาเที่ยล วัยที่ 21 พฤษภาคม เขาคว้าแชมป์เอฟเอคัพร่วมกับทีมในนัดที่เอาชนะคริสตัลพาเลซ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยเขาเล่นในตำแหน่งตัวรุกและแบ็คขวาในเกมส์เดียวกันแทนที่มาร์คัส แรชฟอร์ดที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 72 ซึ่งเป็นถ้วยที่สามที่เขาคว้าแชมป์กับสโมสร

ฤดูกาล 2016-17

จากการที่ทางสโมสรได้แต่งตั้งให้โจเซ่ มูรินโญ่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมยูไนเต็ดทำให้โอกาสลงสนามของยังน้อยลงไปในช่วงของครึ่งฤดูกาลแรก ซึ่งในนัดแรกที่เขาได้ลงสนามนั้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2016 ในรายการยูฟ่ายูโรป้าลีกนัดที่พบกับเฟเยนูร์ด เขาได้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนที่ของฆวน มาต้า ซึ่งผลการแข่งในนัดนั้นจบลงที่ยูไนเต็ดพ่ายแพ้ไป 1-0 นัดแรกของยังในรายการลีกคัพที่พบกับนอร์ทแธมตั้นทาวน์เมื่อวันที่ 21 กันยายน เขาลงสนามและช่วยทีมให้คว้าชัยชนะไปได้ 3-1 อีกสองนัดถัดมาที่ยังได้ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นสำรองคือนัดที่พบกับเลสเตอร์และเอาชนะไปได้ 4-1 ในเกมส์ลีกเมื่อวันที่ 24 กันยายน รวมไปถึงการเอาชนะทีมซอร์ญ่า ลูแฮงค์ส 1-0 ในยูโรป้าลีก ในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนมกราคมแอชลีย์ ยังได้ถูกส่งลงสนามไปเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น ซึ่งในช่วงนั้นเขาได้เล่นในตำแหน่งวิงแบ็ก และแบ็กขวา ถึงแม้โอกาสในการลงสนามของเขาจะถูกจำกัด หนึ่งในนั้นคือนัดที่ยูไนเต็ดพบกับทีมลิเวอร์พูลและเสมอกันไป 0-0 ที่สนามแอนฟิลด์เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ยังได้รับโอกาสลงสนามอีกครั้งในรายการเอฟเอคัพที่พบกับแบล็คเบิร์นโรเวอร์เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2017 เขาได้ลงเล่นเต็มเวลา 90 นาทีและเอาชนะไปได้ 2-1 หลังจากเกมส์ดังกล่าวเขาได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้นและช่วงโปรแกรมหนักๆในเดือนมีนาคม-เมษายนซึ่งเขาไม่ได้ลงเล่นแม้จะมีชื่อในตัวสำรองของทีม แต่ในรายการลีกคัพรอบชิงชนะเลิศนัดที่พบกับทีมเซาท์แธมตันและยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ 3-2 โดยเขาสามาถจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาลนั้น นัดต่อมาที่พบกับทีมมิดเดิ้ลสโบรห์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม เขาเปิดบอลให้กับเฟลไลนี่ใช้หัวโหม่งทำประตูขึ้นนำในเกมส์และเอาชนะไปได้ 3-1 วันที่ 16 เมษายน เขาได้รับตำแหน่งกัปตันทีมเป็นครั้งแรกและช่วยพาทีมเอาชนะเชลซีไปได้ 2-0 แต่แล้วเขาก็ต้องจบฤดูกาลก่อนหลังจากที่ได้รับอาการบาดเจ็บในนัดที่พบกับเซลต้าบีโก้เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมในรอบแปดทีมสุดท้ายรายการยูโรป้าลีกหลังจากลงมาแทนเฮนริค มาคิตายานในนาทีที่ 78

ฤดูกาล 2017-18

ยังเริ่มต้นฤดูกาลนี้ด้วยการยืนในตำแหน่งแบ็กขวานัดที่พบกับทีมบาเซิ่ลและเอาชนะไปได้ 3-0 ในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2017 เขาเปิดบอลให้กับเฟลไลนี่ทำประตูขึ้นนำได้ในนาทีที่ 35 ซึ่งเขาเป็นกัปตันทีมในนัดนั้นอีกด้วย เขายังได้รับโอกาสให้ลงเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายในนัดที่ยูไนเต็ดเอาชนะเอฟเวอร์ตันไป 4-0 เมื่อวันที่ 17 กันยายน ในวันที่ 28 พฤศจิกายนเขายิงประตูได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคมนัดที่พบกับวัตฟอร์ดอดีตทีมเก่าของเขาโดยยิงไปสองประตู หนึ่งในนั้นคือลูกยิงฟรีคิ๊กจากระยะ 30 หลาบอลพุ่งเข้าสามเหลี่ยมฝั่งซ้าย ช่วยให้ยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ 4-2 ที่สนามวิคคาราจโร๊ด

ฤดูกาล 2018-19

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 หลังจากที่เขาได้รับโอกาสในการเป็นกัปตันทีม แอชลีย์ ยังได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรไปจนถึงปี 2020

ทีมชาติ

รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีเยี่ยมกับวัตฟอร์ดในช่วงฤดูกาล 2005-06 ทำให้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2006 เขามีชื่อติดทีมชาติรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปีของปีเตอร์ เทย์เลอร์ โดยเขาได้เล่นกับเพื่อนร่วมทีมชาติอย่างคริส อีเกิ้ลส์ โดยทั้งสองได้เล่นร่วมกันในตำแหน่งตัวรุกและเอาชนะไปได้ 1-0 ด้วยฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวามาจนถึงฤดูกาล 2006-07 ทำให้เขามีชื่อติดทีมชาตินัดที่พบกับทีมชาติสวิสเซอร์แลนด์ช่วงเดือนกันยายน 2006 เขาได้ลงสนามในช่วง 15 นาทีสุดท้ายในนัดนั้นและยิงประตูสุดท้ายให้อังกฤษเอาชนะไปได้ 3-2 อังกฤษขึ้นนำในกลุ่มและผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายในรายการยูโรเปี้ยนคัพ ในรอบสุดท้ายเขาได้ลงสนามสามครั้ง เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบตัดเชือกแต่ต้องพลาดท่าแพ้ให้กับเนเธอร์แลนด์ในช่วงวลาดวลจุดโทษหลังจากเสมอกันในเวลาโดยแพ้ไป 13-12 ตั้งแต่ปี 2006-2007 เขาได้ลงสนามไป 10 นัด

ทีมชาติชุดใหญ่

สตีฟ แม็คลาเร็น ได้เรียกเขามาติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2007 สตีฟ แม็คลาเร็น ได้เรียกเขามาติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในนัดที่ต้องพบกับทีมชาติรัสเซีย และอิสราเอลในรายการยูฟ่ายูโร 2008 รอบคัดเลือก และติดทีมชาติอีกครั้งในรายการเดียวกันนัดที่พบกับทีมชาติเอสโตเนียและรัสเซีย วันที่6พฤศจิกายน 2007 เขาได้ลงสนามครั้งแรกโดยถูกเปลี่ยนตัวลงไปในฐานะตัวสำรองในช่วงพักครึ่งในนัดกระชับมิตรกับออสเตรีย รวมไปถึงนัดกระชับมิตรกับทีมชาติเยอรมันในเดือนกันยายน 2008 ที่ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งเวลาหลัง แอชลีย์ ยังเป็นหนึงในนักเตะ 11 ตัวจริงของฟาบิโอ คาเปลโล่ในนัดกระชับมิตรที่พบกับเนเธอร์แลนด์ที่สนามอัมสเตอร์ดัมส์ อารีน่าในวันที่ 12 สิงหาคม 2009 ตาน่าเสียดายที่เขาไม่ได้ผ่านการตัดตัวเป็นในนักเตะ 30 คนในรายการฟุตบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้

ยูโร 2012

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2010 เขาได้ลงสนามนัดแรกในยูโร 2012 รอบคัดเลือกนัดที่พบกับมอนเตเนโกรและเขาทำประตูแรกในทีมชาติได้ในนัดกระชับมิตรกับเดนมาร์กเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2011 ที่โคเปนเฮเก้น ซึ่งเป็นประตูช่วยให้อังกฤษเอาชนะไปได้ เขายิงประตูได้อีกครั้งนัดที่พบกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2011 ด้วยลูกยิงฮาล์ฟวอลเลย์จากระยะอันตรายหลังจากที่ลงสนามเป็นตัวสำรองแทนที่ของแฟรงค์ แลมพาร์ดในช่วงพักครึ่งเวลา วันที่ 6 กันยายน 2011 เขายิงประตูชัยให้อังกฤษเอาชนะทีมชาติเวลส์ไปได้1-0ในรอบคัดเลือกยูโร 2012 วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012 เขายิงประตูลูกที่ห้าในนามทีมชาติได้นัดที่แพ้ให้กับเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นการเตะกระชับมิตรที่สนามเวมบลีย์

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2012 เขายิงประตูที่ 6 ของเขาในทีมชาติซึ่งเป็นการยิงได้ 4 นัดติดต่อกันในนัดที่พบกับทีมชาตินอร์เวย์ก่อนที่จะลงเตะในรายการยูโร 2012 โดยเขาเป็นนักเตะคนถัดมาที่ยิงได้สี่นัดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เวย์น รูนี่ย์เคยทำไว้ ในนัดต่อมาที่ทีมชาติอังกฤษต้องพบกับทีมชาติเบลเยี่ยม เขาสามารถเปิดบอลให้เพื่อนทำประตูได้ ซึ่งในรายการยูโร 2012 เขาได้ลงสนามให้ทีมชาติสี่นัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปแต่ต้องแพ้ให้กับทีมชาติอิตาลีในช่วงของการดวลจุดโทษ โดยเขาเป็นหนึ่งในนักเตะสองคนที่ที่ยิงพลาดทำให้อิตาลีผ่านเข้ารอบต่อไปพบกับทีมชาติเยอรมัน

ปี 2017-ปัจจุบัน

หลังจากที่เขาไม่ได้ถูกเรียกตัวให้ติดทีมชาติถึงสี่ปีจนการเข้ามาของแกเร็ท เซาธ์เกทในฐานะโค้ช ได้เลือกแอชลีย์ ยังกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งในนัดกระชับมิตรที่พบกับทีมชาติบราซิลเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2017 โดยวันที่ 14 พฤศจิกายน ยังได้ลงสนามมาแทนไรอัน เบอร์ทรานด์ในช่วงนาทีที่ 80 ก่อนผลการแข่งขันจะจบด้วยการเสมอกันไป 0-0 เขามีชื่อเป็นหนึ่งใน 23 คนของแกเร็ธ เซาท์เกตที่จะไปร่วมในรายการฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โดยเขาเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็กซ้าย โดยได้ลงสนามในสองเกมส์แรกของรอบแบ่งกลุ่มที่พบกับทีมชาติตูนิเซียและปานามา ซึ่งอังกฤษสามารถเอาชนะไปได้ทั้งสองนัด ทให้ทางโค้ชได้ตัดสินใจพักยังในนัดสุดท้ายของนรอบแบ่งกลุ่มนัดที่พบกับทีมชาติเบลเยี่ยม ก่อนที่เขาจะกลับมาลงสนามอีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายทีเอาชนะแชมป์กลุ่มจากกลุ่มเอชอย่างทีมชาติโคลัมเบียไปได้ โดยในนัดนั้นเกมส์ได้ยืดเยื้อไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ยังถูกเปลี่ยนตัวออกและได้ส่งแดนนี่ โรสลงมาแทนเขา ทำให้เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการดวลลูกโทษหลังจากที่เสมอกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-1 ทางฝั่งทีมชาติอังกฤษยิงได้แม่นกว่าทำให้เอาชนะไปได้ 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบแปดทีมสุดท้ายที่ต้องพบกับทีมชาติสวีเดน โดยนัดถัดมายังได้ลงสนามเต็มเวลา 90 นาทีช่วยให้อังกฤษเอาชนะทีมชาติสวีเดนไปได้ 2-0 โดยยังเปิดบอลให้กับเฮนรี่ แม็คไกวร์ทำประตูได้จากลูกเตะมุม ในรอบก่อนรองชนะเลิศนัดที่ทีมชาติอังกฤษพบกับทีมชาติโครเอเชีย เขายังคงได้ลงสนามอีกครั้งแต่ถูกเปลี่ยนออกในช่วงต่อเวลาพิเศษพร้อมกับส่งแดนนี่ โรสลงมาแทน นัดนั้นในช่วงเวลาปกติเสมอกันที่ 1-1 แต่ต้องมาแพ้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และในรอบชิงอันดับสาม เทางเซาท์เกตเลือกที่จะไม่ส่งยังลงสนามซึ่งเป็นนัดที่พบกับเบลเยี่ยม อังกฤษต้องแพ้อีกครั้งได้เพียงแค่อันดับสี่แต่ก็เป็นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษนับตั้งแต่ปี 1990

สไตล์การเล่น

แอชลีย์ ยังถือได้ว่าเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่สามรถเล่นได้หลายตำแหน่ง แต่ส่วนใหญ่เขาจะได้ยืนในตำแหน่งตัวริมเส้น โดยเขาเคยผ่านการเล่นมาในตำแหน่งกองหน้ำตัวต่ำทั้งที่วัตฟอร์ดและอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ฟานกัลที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นเดียวกับตำแหน่งตัวเคลื่อนที่อิสระซึ่งยืนอยู่หลังตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่แอสตัน วิลล่า

ในช่วงหลายๆปีที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เขาได้รับตำแหน่งใหม่ในฐานะตัวรับของทีมทางฝั่งซ้ายซึ่งได้ทั้งฟูลแบ็คและวิงแบ็ค ในรายการWhoScord’s มาร์ติน ลอร์เรนซ์เคยกล่าวไว้ในปี 2018 ว่า”เมื่อลุค ชอว์ไม่สามรถลงเล่นให้ทางยูไนเต็ดได้มันทำให้ฟอร์มการเล่นของแอชลีย์ ยังโดดเด่นขึ้น” ซึ่งเขาสามารถปรับตัวในตำแหน่งใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นกองหลังที่ดุดันและชาญฉลาด ซึ่งเขาสามารถพาบอลขึ้นไปถึงประตูฝั่งตรงข้ามและเปิดบอลได้บ่อยครั้ง ซึ่งปัจจุบันในวัย 32 ปีของเขา เขายังคงเป็นกำลังหลักให้ทีมชาติอังกฤษที่ไม่สามารถตัดออกจากตัวหลักและเขายังคงเป็นตัวเลือกแรกๆอยู่บ่อยครั้ง นอกเหนือจากตำแหน่งแบ็กซ้ายแล้ว แบ็กขวาเขาก็ยังทได้ดีไม่แพ้กัน โดยในวันที่ 12 กันยายน 2017 ยังได้ลงเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาช่วยพายูไนเต็ดเอาชนะทีมบาเซิ่ลไป 3-0 ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกด้วยการเปิดบอลข้ามมาให้กับมารูยาน เฟลไลนี่ในนาทีที่ 35 ซึ่งเขาได้เป็นกัปตันทีมในนัดนั้นอีกด้วย แอชลีย์ ยังเคยมีปากเสียงกับหลายคน ทั้งอดีตเจ้านายเก่าอย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และเดวิด มอยส์ในเรื่องการพุ่งล้มเรียกฟาวล์จากกรรมการอยู่บ่อยครั้ง

ชีวิตส่วนตัว

ยังเกิดทีเมืองสตีฟเนจในเฮิร์ทฟอร์ดเชียร์ เขามีพี่ชายหนึ่งคนและมีน้องอีกสองคนซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกันคือลูอิสที่ลงเล่นในทีมวัตฟอร์ดในปี 2008 และไคลน์ ที่เคยไปฝึกซ้อมกับศูนย์ฝึกเยาวชนของอาเซน่อลในเดือนเมษายน 2009 เขาเริ่มศึกษาที่โรงเรียนจอห์น เฮนรี่ นิวแมนในเมืองสตีฟเนจ และเล่นฟุตบอลในโรงเรียนกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่างลูอิส แฮมิลตันซึ่งเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน พ่อของแอชลีย์ ยังเป็นชาวจาไมกันที่ชื่นชอบทีมท็อทแน่มฮ็อทสปอร์ แต่ส่วนตัวเขาเองชอบเหมือนพี่ชายของเขาที่เชียร์ทางฝั่งอาเซน่อลคู่ปรับร่วมเมืองลอนดอน ซึ่งต้นแบบทั้งในและนอกของยังนั้นคือ เอียน ไรท์