ประวัติเอฟเวอร์ตัน ท๊อฟฟี่สีน้ำเงินแห่งเกาะอังกฤษ

Everton

สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เป็นสโมสรฟุตบอลที่อยู่ในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ซึ่งทีมเอฟเวอร์ตันในขณะนี้เล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นลีกสูงสุดของอังกฤษ ทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินนั้นอยู่ในลีกสูงสุดเป็นสถิติด้วยจำนวน 116 ฤดูกาล โดยทีมเอฟเวอร์ตันนั้นหลุดจากลีกสูงสุดเป็นเพียงแค่ 4 ครั้ง ซึ่งนั่นคือฤดูกาล 1930-31 และ 3 ปีหลังจากนั้นติดต่อกัน แล้วก็ฤดูกาล 1951-52 ตั้งแต่มีการก่อตั้งฟุตบอลลีกของอังกฤษในปี 1888 เอฟเวอร์ตันได้แชมป์ระดับเมเจอร์มากกว่า 15 รายการโดยได้แชมป์ลีก 9 ครั้งซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 4 และได้แชมป์เอฟเอคัพ 5 ครั้งมากที่สุดเป็นอันดับ 9 และได้แชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 ครั้ง

โดยสโมสรเอฟเวอร์ตันนั้นได้รับการก่อตั้งในปี 1878 และหลังจากมีการก่อตั้งก็ได้มีการก่อตั้งฟุตบอลลีกอาชีพในปี 1888 ครั้งแรก และเพียงไม่กี่ปีผ่านมาเอฟเวอร์ตันก็เข้าสู่การแข่งขันลีกอาชีพ และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้แชมป์ลีกไป 4 สมัยและได้ 2 แชมป์เอฟเอคัพ แล้วหลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งปี 1960 ได้มีการกลับมาแข่งขันฟุตบอลอีกครั้งและทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินได้ 2 แชมป์พรีเมียร์ลีก(ขณะนั้นเป็นลีกดิวิชั่น 1)และแชมป์เอฟเอ คัพในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 ซึ่งเป็นช่วงประสบความสำเร็จที่สุดของสโมสร โดยการได้ 2 แชมป์พรีเมียร์ลีก(ขณะนั้นเป็นลีกดิวิชั่น 1)และแชมป์เอฟเอ คัพอีก 1 สมัยรวมไปถึงได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพในปี 1985 และในปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่สโมสรประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สุดและภายหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้แชมป์เอฟเอคัพในปี 1995

ทางสโมสรมีผู้สนับสนุนที่เรียกขานตัวเองว่า “เอฟเวอร์โตเนี่ยน” สโมสรเอฟเวอร์ตันนั้นมีคู่ปรับตลอดกาลซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนร่วมเมืองกันอย่างทีมลิเวอร์พูล ซึ่งทั้งสองทีมอยู่ในเขตเมอร์ซี่ไซด์ด้วยกันทั้งคู่ โดยสนามของทีมเอฟเวอร์ตันนั้นมีชื่อเรียกว่ากูดิสัน ปาร์ค ตั้งอยู่ในเขตวอลตัน เมืองลิเวอร์พูลโดยสร้างสนามตั้งแต่ปี 1892 หลังจากที่ย้ายสนามมาจากแอนฟิลด์ เนื่องจากการหมดสัญญาการเช่า โดยสัญลักษณ์ของทีม อย่างชุดในการทำการแข่งขันจะเป็นเสื้อสีน้ำเงินและกางเกงสีขาวเช่นเดียวกับสีถุงเท้า

ประวัติสโมสร

สโมสรเอฟเวอร์ตันถูกก่อตั้งในชื่อเดิมคือเซนต์ โดมิงโก เอฟซี ในปี 1878 ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มสมาชิกในโบสถ์เซนต์ โดมิงโก ที่ถนนเบรกฟิลด์ทางตอนเหนือ ซึ่งสโมสรเอฟเวอร์ตันนั้นได้เล่นกีฬาแถวๆนั้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง โดยพวกเขาได้เล่นกีฬาคริกเก็ตในช่วงฤดูร้อน และการลงแข่งครั้งแรกของสโมสรพวกเขาแพ้ไป 1-0 ต่อทีมจากโบสถ์เอฟเวอร์ตันต่อมาทางสโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็นเอฟเวอร์ตันเมื่อพฤศจิกายนปี 1879 เพื่อให้มีความสอดคล้องกับชุมชนที่ทีมนั้นอยู่ และทำให้ผู้คนมีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับสโมสร สโมสรเอฟเวอร์ตันได้เข้าไปสู่การแข่งขันฟุตบอลลีกในฤดูกาล 1888-89 และได้แชมป์ลีกครั้งแรกในฤดูกาล 1890-91 เอฟเวอร์ตันได้แชมป์เอฟเอ คัพเป็นครั้งแรกในปี 1906 และได้แชมป์ลีกสูงสุดอีกครั้งในปี 1914- 15 หลังจากนั้นก็มีการหยุดแข่งขันฟุตบอลเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในช่วงปี 1914 ทำให้การแข่งขันฟุตบอลทั้งหลายต้องยุติลงซึ่งเป็นช่วงที่เอฟเวอร์ตันเป็นแชมป์อยู่ในขณะนั้น และพวกเขาสามารถทำได้อีกครั้งในปี 1939
ความสำเร็จของเอฟเวอร์ตันเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 1925 ทางสโมสรได้เซ็นสัญญากับดิซี่ ดีน ผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าชาวอังกฤษที่พึ่งซื้อมาจากทีมทรานเมียร์ โรเวอร์สในฤดูกาล 1927-28 และดีนเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูได้สูงสุดในฤดูกาลนั้น ด้วยการทำไปถึง 60 ประตูในการลงสนามในลีกทั้งสิ้น 39 นัด ซึ่งเป็นสถิติที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ซึ่งช่วยให้เอฟเวอร์ตันได้แชมป์ลีกสมัยที่ 3 ของพวกเขา อย่างไรก็ดีเอฟเวอร์ตันก็เคยตกชั้นไปสู่ดิวิชั่นที่ 2 ไป 2 ปีในช่วงที่เกิดความวุ่นวายภายในสโมสร แต่ทางสโมสรก็สามารถตั้งตัวและกลับมาได้โดยเร็ว โดยทีมกลับมายังการแข่งขันดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1931-32 ซึ่งในช่วงที่ทีมเอฟเวอร์ตันตกชั้นนั้น ฤดูกาลที่พวกเขาได้กลับขึ้นมาเล่นในศึกดิวิชั่น 1 เป็นฤดูกาลที่พวกเขาทำประตูได้มากที่สุดจากทุกทีมในศึกดิวิชั่นที่ 2 และเมื่อพวกเขาได้ปรับขึ้นมาเล่นในดิวิชั่นที่ 1 และในฤดูกาลเดียวกันนั้น ทีมก็ได้จบฤดูกาลในลำดับที่ 4 และเอฟเวอร์ตันได้แชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 2 ในปี 1933 ด้วยการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศอย่างไรก็ตามได้มีการพักหยุดการแข่งขันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้นฟุตบอลก็กลับมาเตะอีกครั้งในปี 1946 ซึ่งในช่วงที่เกิดสงคราม เอฟเวอร์ตันได้ฝึกซ้อมอยู่สม่ำเสมอแต่อย่างไรก็ตามหลังจากการกลับมาเปิดลีกแล้วพวกเขาก็ตกชั้นเป็นครั้งที่ 2 ในฤดูกาล 1950-51 และทีมไม่ได้ขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 อีกจนกระทั่งฤดูกาล 1953-54 เมื่อเขาจบอันดับที่ี 2 เป็นฤดูกาลที่ 3 ในศึกดิวิชั่นที่ 2 และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษมาจนถึงปัจจุบัน ช่วงที่ 2 ที่เอฟเวอร์ตันประสบความสำเร็จเกิดขึ้นเมื่อแฮรี่ แคทเธอริค เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในปี 1961 และในฤดูกาล 1962-63 ซึ่งเป็นการคุมทีมฤดูกาลที่สองของเขา เขาได้พาเอฟเวอร์ตันได้แชมป์ลีกและในปี 1966 สโมสรได้แชมป์เอฟเอคัพ โดยการเอาชนะต่อเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ไป 3-2 และเอฟเวอร์ตันเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้งในปี 1968 แต่ในนัดนี้เอฟเวอร์ตันได้พ่ายแพ้ต่อเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนไปในนัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ สองฤดูกาลจากถัดจากนั้นในฤดูกาล 1969-70 เอฟเวอร์ตันได้แชมป์ลีกสูงสุดโดยมี แต้มนำอันดับ 2 ซึ่งเป็นคู่ปรับที่อยู่ใกล้กันอย่างลีดส์ ยูไนเต็ดถึง 9 แต้มและในช่วงนี้เองเอฟเวอร์ตันเป็นสโมสรแรกในอังกฤษที่ได้ไปแข่งอย่างรายการยุโรปเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกันโดยเริ่มต้นตั้งแต่ฤดูกาล 1961-62 จนถึงฤดูกาล 1966-67 อย่างไรก็ดีความสำเร็จนั้นไม่ได้คงอยู่ตลอดไปเมื่อเอฟเวอร์ตันจบอันดับที่ 14,15,17 และอันดับที่ 17 อีกครั้งในฤดูกาลต่อๆมาซึ่งเป็นผลงานที่แย่ลงอย่างเรื่อยๆจนกระทั่งแฮรี่ แคทเธอริค ตัดสินใจออกจากการทำทีม ซึ่งในช่วงหลังเขาไม่สามารถทำให้ทีมประสบความสำเร็จในการได้แชมป์ใดๆเลย และในช่วงทศวรรษที่ 1970 แม้ว่าจะมีการจบในอันดับที่ 4 แต่ในฤดูกาล 1974-75 ภายใต้ผู้จัดการทีมบิลลี่ บิงแฮมเข้ามาคุมทีมต่อแต่ผลงานของทีมก็ยังไม่ดีขึ้นจนกระทั่งในฤดูกาล 1977-78 ทางสโมสรได้ตัดสินใจจะนำตัวกอร์ดอน ลีเข้ามาคุมทีมก่อนที่ลีจะถูกไล่ออกจากสโมสรในปี 1981 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในสโมสรหลังจากที่โฮเวิร์ด เคนดัลล์ เข้ามาควบคุมกิจการของสโมสรและเป็นผู้จัดการทีมซึ่งช่วยให้เอฟเวอร์ตันประสบความสำเร็จในยุคของเขา เอฟเวอร์ตันได้แชมป์เอฟเอ คัพในปี 1984 และได้ 2 แชมป์ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 1984-85 และในฤดูกาล 1986-87 ส่วนในเวทียุโรปทางสโมสรได้แชมป์เป็นครั้งแรก โดยพวกเขาได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพในปี 1985 ซึ่งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินในการเอาชนะทีมมหาวิทยาลัยดับลิน,อินเตอร์ บาติสลาวาและฟอร์ทูน่า ซิททาร์ต เอฟเวอร์ตันได้ชนะทีมยักษ์ใหญ่จากเยอรมันนีอย่าง บาเยิร์น มิวนิคไป 3-1 ในรอบรองชนะเลิศซึ่งทีมนั้นได้ตามหลังอยู่ในช่วงครึ่งแรก ซึ่งในการแข่งขันนัดนี้ถูกโหวตจากแฟนเอฟเวอร์ตันว่าเป็นการแข่งขันที่ดีที่สุดของทีมตลอดกาลและทีมได้เข้าไปเจอกับราปิด เวียนนาทีมจากประเทศออสเตรียในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทีมนั้นได้ชนะไปทำให้พวกเขาได้เป็นแชมป์ลีกในประเทศและแชมป์ยุโรปในปี 1985 และเอฟเวอร์ตันใกล้เคียงที่จะได้ 3 แชมป์ในปีเดียวกันแต่พวกเขาได้ไปแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ในฤดูกาลและ1985-86 เอฟเวอร์ตันเป็นรองแชมป์ลีกโดย

ทีมที่เป็นแชมป์ได้แก่ลิเวอร์พูลคู่ปรับร่วมเมืองอย่างไรก็ตามพวกเขาก็สามารถกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้งในฤดูกาล 1986-87
หลังจากการมีปัญหาของสนามและปัญหากับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ เอฟเวอร์ตันสูญเสียโอกาสในการเข้าไปคว้าแชมป์ยุโรปได้อีกครั้งและเนื่องจากการแข่งขันในศึกดิวิชั่น 1 มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทีมนั้นมีโอกาสน้อยลงที่จะเข้าไปสู่การเป็นแชมป์ จนกระทั่งเคนดัลย้ายจากออกไปสู่ทีมแอธเลติก บิลเบาในลีกประเทศสเปนหลังจากปี 1987 และเอฟเวอร์ตันถูกคุมทีมต่อโดยคอลิน ฮาร์วี่ ซึ่งทำให้เอฟเวอร์ตันเข้าสู่เอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศในปี 1989 แต่พวกเขาแพ้ไป 3-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บต่อลิเวอร์พูล เอฟเวอร์ตันเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรีเมียร์ลีกในปี 1992 แต่ทีมนั้นก็ไม่สามารถหาผู้จัดการทีมที่เหมาะสมได้จนกระทั่งต้องไปตามตัวโฮเวิร์ด เคนดัลกลับมาในปี 1990 แต่นั่นก็ไม่ได้สามารถการันตีความสำเร็จที่เกิดขึ้นในอดีตจากผู้จัดการทีมคนนี้ได้และเคนดัลก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมหลังจากนั้นเอฟเวอร์ตันก็มาใช้ตัวไมค์ วอล์คเกอร์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมแทน แต่นั่นก็ไม่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ จนทีมได้ใช้บริการของอดีตนักเตะของตนเองอย่างโจ รอยล์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในปี 1994 หลังจากนั้นทีมก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยในเกมแรกนั้นทีมเอาชนะต่อคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูลไป 2-0 รอยล์นั้นทำให้เอฟเวอร์ตันรอดจากการตกชั้น โดยทีมนั้นก็ได้แชมป์เอฟเอคัพ เป็นครั้งที่ 5 ของสโมสร โดยการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้ 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งทำให้เอฟเวอร์ตันนั้นมีสิทธิ์ในการเข้าไปแข่งขันในศึกฟุตบอลยุโรป ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังก้าวหน้าของเอฟเวอร์ตันอย่างแท้จริงโดยในฤดูกาล 1995-96 เอฟเวอร์ตันได้อยู่อันดับที่ 6 ของตารางการแข่งขันและหลังจากนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงของทีม โดยผู้จัดการทีมอย่างโจ รอยล์ได้ออกจากทีมไปแล้วและทางสโมสรก็ได้นำตัวเดฟ วัตสันเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมแทนเป็นการชั่วคราว โฮเวิร์ด เคนดัลได้กลับมาคุมทีมเอฟเวอร์ตันเป็นครั้งที่ 3 ในปี 1997 แต่นั่นก็ไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเอฟเวอร์ตันจบที่อันดับ 17 ของตารางการแข่งขันพรีเมียร์ลีกซึ่งโชคดีของเอฟเวอร์ตันที่ไม่ได้ตกชั้นในฤดูกาลนี้เนื่องจากผลต่างประตูได้เสียที่พวกเขานำหน้าโบลตัน วันเดอร์เรอร์ส และจากผลงานที่ย่ำแย่ของโฮเวิร์ดในครั้งที่ 3 นี้ทำให้อดีตผู้จัดการทีมเรนเจอร์สอย่างวอลเตอร์ สมิธ ได้เข้ามาคุมทีมแทนในฤดูร้อนปี 1998 แต่ผู้จัดการทีมคนใหม่นี้ก็ไม่ได้ทำผลงานได้ดีสักเท่าไรโดยใน 3 ปีที่เขาคุมเอฟเวอร์ตันนั้นทีมจบอันดับท้ายๆของตารางการแข่งขันพรีเมียร์ลีกแทบทั้งสิ้นและเหล่าผู้บริหารเอฟเวอร์ตันได้หมดความอดทนกับผู้จัดการทีมรายนี้และได้วอลเตอร์ไล่ออกในเดือนมีนาคมปี 2002 หลังจากการพ่ายแพ้ในศึกเอฟเอ คัพต่อมิดเดิลสโบรห์และในตอนนั้นเอฟเวอร์ตันเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการตกชั้นแต่การตั้งเดวิด มอยส์ เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมก็ทำให้ทีมกลับมารอดจากการตกชั้นและอยู่ในอันดับที่ 15 ของพรีเมียร์ลีกตอนจบฤดูกาล ต่อมาในฤดูกาล 2002-2003 เอฟเวอร์ตันจบการแข่งขันอันดับที่ 7 ซึ่งเป็นอันดับที่สูงที่สุดตั้งแต่ปี 1996 ภายใต้การคุมทีมของเดวิด มอยส์ และเขามีนักเตะตัวเก่งที่สามารถเป็นหัวใจหลักของทีมได้ดี นั่นก็คือ เวย์น รูนี่ย์ ก่อนที่จะถูกขายให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสถิติของการย้ายตัวในขณะนั้น ด้วยราคากว่า 28 ล้านปอนด์ในช่วงฤดูร้อนปี 2004 และในฤดูกาล 2004-2005 พวกเขาได้จบอันดับที่ 4 ของตารางการแข่งขันและได้มีสิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบคัดเลือกศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แต่ทีมนั้นก็ไม่สามารถผ่านเข้ารอบไปสู่รอบแบ่งกลุ่มของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกไปได้ แล้วหลังจากนั้นก็ตกรอบในศึกยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 2009 เอฟเวอร์ตันของเดวิด มอยส์ ก็เข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศของศึกเอฟเอคัพ แต่ทีมก็พลาดโอกาสในการได้แชมป์ ในช่วงระยะเวลานี้เองทีมได้ซื้อตัวนักเตะที่ถือว่าเป็นสถิติของสโมสรนั่นก็คือ เจมส์ เบตตี้ ด้วยราคากว่า 6 ล้านปอนด์ในเดือนมกราคมปี 2005 ,แอนดี้ จอห์นสัน ด้วยราคากว่า 8.6 ล้านปอนด์ในช่วงฤดูร้อนปี 2006 ,ยาคูบู ไอเย็กเบนี่ ด้วยราคา 11.25 ล้านปอนด์ในฤดูร้อน 2007 และมารูยาน เฟลไลนี่ ด้วยราคากว่า 15 ล้านปอนด์ในเดือนสิงหาคมปี 2008 ในช่วงท้ายของฤดูกาล 2012-13 เดวิด มอยส์ ได้ย้ายออกจากเอฟเวอร์ตันเพื่อไปเป็นผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งคนที่มาแทนที่ในการคุมทีมนั่นคือโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ซึ่งเป็นคนที่ทำให้ เอฟเวอร์ตันได้อันดับ 5 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดในฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีมแถมยังสามารถทำทีมมีแต้มที่สูงที่สุดเท่าที่สโมสรเคยทำได้ใน 27 ปี โดยได้แต้มทั้งหมดกว่า 72 แต้ม และในฤดูกาลนั้นเองมาร์ติเนซได้พาเอฟเวอร์ตันเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายของการแข่งขันยูฟ่า ยูโรป้า ลีกในฤดูกาล 2014-2015 แต่ก็ตกรอบไปหลังจากที่แพ้ให้กับดินาโม เคียฟ และในโอกาสนั้นพวกเขาได้จบอันดับที่ 11 ในพรีเมียร์ลีกและเอฟเวอร์ตันได้เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศทั้งการแข่งขันลีกคัพและในศึกเอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2015-16 แต่พวกเขาก็ได้แพ้ในทั้งสองถ้วยการแข่งขัน หลังจากผลงานการคุมทีมที่ไม่ค่อยจะดีในที่สุดโรแบร์โต มาร์ติเนซก็ได้ถูกไล่ออกหลังจากการพาเอฟเวอร์ตันจบในอันดับ 12 โดยหลังจากที่โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ได้ถูกไล่ออกคนที่เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตันแทนก็ได้แก่โรนัลด์ คูมัน ซึ่งย้ายออกจากเซาแธมป์ตันโดยเซ็นสัญญา 3 ปีกับเอฟเวอร์ตันในฤดูการแรกของคูมันในการคุมทีมเอฟเวอร์ตันนั้นเขาทำให้ทีมเข้าไปสู่การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มของศึกยูโรป้า ลีกได้หลังจากที่พาทีมจบอันดับที่ 7 อย่างไรก็ตามในฤดูกาลถัดมาเอฟเวอร์ตันก็ออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่จนทำให้ทีมไปอยู่ในโซนตกชั้นทำให้คูมันถูกไล่ออกในวันที่ 23 ตุลาคมหลังจากที่พ่ายแพ้ต่ออาร์เซน่อลไป 5-2 และหลังจากนั้นคนที่เข้ามาคุมทีมนั่นก็คือแซม อัลลาไดซ์นายใหญ่ชาวอังฏฤษซึ่งเข้ามาคุมทีมเอฟเวอร์ตันในเดือนพฤศจิกายน 2017 แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ถูกไล่ออกในช่วงท้ายฤดูกาลหลังจากที่พาทีมทำผลงานได้น่าผิดหวังและแฟนบอลของทีมก็ไม่ค่อยพอใจกับรูปแบบการคุมทีมของเขาและทำให้เอฟเวอร์ตันได้ผู้จัดการทีมคนใหม่ นั่นคือ มาร์โก้ ซิลวา ซึ่งเข้ามาคุมทีมในเดือนเมษายน 2018 จนถึงปัจจุบัน(ข้อมูลถึงวันที่ 17 มกราคม 2019)

สัญลักษณ์สโมสร

ในช่วงท้ายของฤดูกาล 1937-38 เลขานุการของสโมสรเอฟเวอร์ตันอย่างธีโอ เคลลี่ ซึ่งกลายมาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของทีมเป็นคนที่ต้องการออกแบบสัญลักษณ์ของทีมและชุดในการแข่งขันโดยตัดสินใจที่จะเลือกใช้สีน้ำเงินและสัญลักษณ์ของทีมเอฟเวอร์ตันเป็นรูปลักษณ์ที่มาจากคุกในแถบเอฟเวอร์ตันซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางละแวกของเมืองเอฟเวอร์ตันซึ่งคุกนี้เชื่อมโยงกับในแถบเอฟเวอร์ตันและได้ก่อสร้างในปี 1787 ซึ่งในคุกแบบเดิมนั้นส่วนใหญ่เอาไว้ขังผู้ที่กระทำความผิดเพียงเล็กๆน้อยๆ สัญลักษณ์บริเวณคุกนี้ ถูกเอามาสร้างเป็นโลโก้ของทีม ซึ่งมีภาษาละตินเป็นคําขวัญอยู่ข้างล่างซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “ถ้าทำดีที่สุดก็ไม่มีอะไรต้องกลัว” เสื้อที่ประกอบด้วยโลโก้นี้ถูกใส่ครั้งแรกโดยเคลลี่และผู้บริหารของทีมเอฟเวอร์ตันเป็นเมื่อฤดูกาล 1938-1939 และทางสโมสรได้ใช้สัญลักษณ์นี้มาโดยตลอดจนกระทั่งปี 2013 ได้มีการปรับปรุงการดีไซน์ให้ออกมาทันสมัยมากยิ่งขึ้นซึ่งทำให้ทีมนั้นดูมีความเป็นสมัยใหม่มากขึ้นและหลังจากเอฟเวอร์ตันได้มาใช้เสื้อไนกี้ก็ได้รับการโจมตีจากแฟนบอลว่าไม่สวยส่วนทางด้านสัญลักษณ์นั้นในปี 2014-2015 โดยมีการปรับสัญลักษณ์โดยตัดสีเหลืองออกให้เป็นสีน้ำเงินและสีขาวเพียงอย่างเดียว เอฟเวอร์ตันมีหลายชื่อเล่น หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาใส่เสื้อสีดำ เอฟเวอร์ตันก็มีชื่อว่า “กองทหารสีดำ” หลังจากที่มีกองกำลังที่ทำการสู้รบ เพื่อประเทศอังกฤษ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับผู้เล่นของทีม จนกระทั่งปี 1901 เอฟเวอร์ตันใส่เสื้อสีน้ำเงินในการลงสนามจนมีชื่อเล่นว่า The Blues แล้วหลังจากนั้นเอฟเวอร์ตันมีสไตล์การเล่นที่มีความคิดสร้างสรรค์จนทำให้ สตีฟ บลูเมอร์ อดีตผู้เล่นทีมชาติอังกฤษเรียกการเล่นแบบนี้ว่าเปรียบเสมือนนักวิทยาศาสตร์(Scientific) ในปี 1928 ซึ่งมีการตั้งฉายาว่าเป็น “โรงเรียนของนักวิทยาศาสตร์”(The School of Science) จนกระทั่งการแข่งขันเอฟเอคัพปี 1995 ทีมนั้นก็ถูกเรียกว่าเป็น “หมาแห่งสงคราม”(The Dogs of War) เมื่อเดวิด มอยส์เข้ามาคุมทีม หลังจากนั้นสโมสรก็ถูกตั้งฉายาว่า “สโมสรของประชาชน”(The People’s Club) ซึ่งชื่อนี้ได้กลายมาเป็นชื่อที่ได้การรับรองอย่างเป็นทางการ

สนามเหย้า

กูดิสัน ปาร์ก

เอฟเวอร์ตันนั้นตั้งแต่ดั้งเดิมเล่นอยู่ทางใต้ของมุมสวนสาธารณะสแตนลี ซึ่งการแข่งขันนัดแรกถูกบันทึกว่าถูกเล่นในปี 1879 และในปี 1882 เจ ครูอิท ได้บริจาคพื้นที่ถนนพิโอรี่ ซึ่งกลายมาเป็นสนามเหย้าของทีมจนกระทั่งปี 1884 เอฟเวอร์ตันได้เข้ามาเล่นที่สนามแอนฟิลด์ซึ่งเป็นเจ้าของโดยจอห์น โอแรล ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกับจอห์น เฮาดิ้ง ผู้บริหารของทีมเอฟเวอร์ตันและได้มีการเช่าสนามแอนฟิลด์เพื่อที่จะเป็นสนามเหย้าของทีมเอฟเวอร์ตันจนกระทั่งเฮาดิ้งได้ซื้อที่ดินจากโอแรลในปี 1885 ซึ่งทำให้เอฟเวอร์ตันได้เป็นเจ้าของที่ดินอย่างเต็มตัว ที่ดินแถวนั้นมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งมาพร้อมกับความแข็งแกร่งทางการเงินของทีมเอฟเวอร์ตันและหลังจากนั้นทีมเอฟเวอร์ตันได้มีการจัดตั้งบริษัทซึ่งนำไปสู่การสร้างสนามใหม่ทำให้แยกออกจากสนามแอนฟิลด์นั่นก็คือสนามกูดิสัน ปาร์ก ซึ่งเป็นสนามที่ทีมในปัจจุบันเล่นจนถึงทุกวันนี้ กูดิสัน ปาร์กเป็นสนามกีฬาฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นในอังกฤษโดยเปิดใช้งานในปี 1892 เนื้อได้ใช้เป็นสนามที่มีมาตรฐานในการแข่งขันฟุตบอลต่างๆให้กับทางสหราชอาณาจักรและยังเป็นสนามฟุตบอลสนามเดียวที่ถูกใช้ในการจัดแข่งขันฟุตบอลโลกในรอบรองชนะเลิศปี 1966 ซึ่งประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพซึ่งในสนามนั้นมีการติดตั้งเครื่องทำความร้อนทั้งสองข้างของฝั่งสนามในวันที่แข่งการแข่งขัน ซึ่งต้องกลับไปปี 1962 ผู้เล่นของเอฟเวอร์ตันเดินออกมาด้วยเพลง Johnny Todd ซึ่งเป็นเพลงเก่าแก่ของลิเวอร์พูลที่ร้องให้เด็กฟังซึ่งถูกแต่งขึ้นในปี 1890 โดยแฟรงค์ คิดสัน ซึ่งเป็นเพลงที่เล่าเกี่ยวกับความรักของเขาในท้องทะเล และในช่วงหลังก็มีการเปิดเพลงนำนักเตะลงสนามด้วยเพลงที่แตกต่างกันและหนึ่งในนั้นคือเพลง Get ready For This แม้ภายหลังจากนั้นก็ได้ใช้เพลง Bad Moon Rising ซึ่งทั้งสองเพลงเป็นเพลงที่สร้างความไม่พอใจให้แก่แฟนบอล

สนามซ้อม

ตั้งแต่ปี 1966 จนถึงปี 2007 เอฟเวอร์ตันได้ฝึกซ้อมที่แบลฟิลด์ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของลิเวอร์พูลและหลังจากนั้นทีมก็ย้ายเข้าไปสู่สนามฝึกซ้อมที่เรียกว่าฟินซ์ ฟาร์ม ซึ่งอยู่ในเฮลวูดในปี 2007 ซึ่งเป็นสนามฝึกซ้อมของทีมตัวจริงของเอฟเวอร์ตันแรวมไปถึงเป็นสนามซ้อมของเยาวชนสโมสรด้วย

เป้าหมายของทีม

ทีมเอฟเวอร์ตันมีความตั้งใจที่จะสร้างสนามใหม่ตั้งแต่ปี 1996 โดยแผนดั้งเดิมจะทำให้สนามนั้นมีความจุมากกว่า 60,000 ที่นั่งแต่ในปี 2007 จำนวนนั้นก็ได้ปรับเปลี่ยนไปและมีความตั้งใจที่จะสร้างสนามที่มีความจุประมาณ 55,000 ที่นั่ง ซึ่งอยู่ในแผนการสร้างสนามของอู่เรือคิงอย่างไรก็ตามความตั้งใจในการสร้างสนามก็ไม่สำเร็จเนื่องจากต้องใช้เงินมากกว่า 30 ล้านปอนด์ในช่วงแรกของการสร้างสนามใหม่ซึ่งทางสภาของเมืองลิเวอร์พูลได้ปฏิเสธในการสร้างสนามในปี 2003 และในช่วงท้ายของปี 2004 จากการช่วยเหลือของสภาของเมืองลิเวอร์พูลและบริษัทพัฒนาทางตอนตะวันตกเฉียงเหนือทำให้เอฟเวอร์ตันต้องไปเจรจากับสโมสรลิเวอร์พูลในการแบ่งปันการสร้างสนามในเขตสแตนลี่ย์ ปาร์ค อย่างไรก็ตามการต่อรองได้ล้มเหลวและเอฟเวอร์ตันไม่สามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายไปมากกว่า 50% ต่อมาในวันที่ 11 มกราคมปี 2005 ลิเวอร์พูลประกาศว่าการแบ่งปันสนามนั้นเป็นไปไม่ได้ เอฟเวอร์ตันได้เข้าไปพูดคุยกับสภาของเมืองในเดือนมิถุนายน 2006 ถึงความเป็นไปได้ในการสร้างสนามที่มีความจุจำนวน 55,000 ที่นั่ง ซึ่งอาจขยายไปมากกว่า 6 หมื่นที่นั่งในเคิร์กบี้ ซึ่งแผนการขยายสนามเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า เคิร์กบี้โปรเจ็ค และทางสโมสรได้ประชาสัมพันธ์สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการสร้างสนามแห่งใหม่ให้แก่ผู้คน ซึ่งผลการลงคะแนนออกมาระบุว่าผู้มีผู้คนเห็นด้วยให้สร้างสนามมากกว่า 59 เปอร์เซ็นต์และปฏิเสธจำนวน 41 เปอร์เซ็นต์ และฝ่ายที่คัดค้านต่อต้านการสร้างสนามใหม่ของเอฟเวอร์ตันอย่างห้างเทสโก้นั้นต้องการให้สโมสรเอฟเวอร์ตันไม่พยายามที่จะสร้างสนามแห่งใหม่ไปมากกว่านี้ แต่ทางด้านนักการเมืองท้องถิ่นนั้นต้องการที่จะให้ทีมเอฟเวอร์ตันสร้างสนามใหม่ โดยให้แยกออกจากสนามของทีมลิเวอร์พูล หลังจากนั้นสภาเมืองลิเวอร์พูลได้มีการจัดประชุมเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2011 และมีจุดประสงค์ในการเปิดสถานีรถไฟ เพื่อเชื่อมโยงในการเข้าสูงชุมชนฟุตบอลในเมืองลิเวอร์พูลได้ดีขึ้นด้วยการขนส่งที่รวดเร็วและในเดือนสิงหาคมปี 2014 สภาเมืองลิเวอร์พูลได้มีการจัดตั้งสนามใหม่ในเขตวอลตัน ฮอลล์ ปาร์ค อย่างไรก็ตามแผนการสร้างนี้ก็ล่าช้าจนกระทั่งเดือนมีนาคม 2016 ในการหาสถานที่ตั้งใหม่ให้แก่ทางสโมสรและมีการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมปี 2017 ว่าจะมีการสร้างสนามใหม่เกิดขึ้นโดยจะจัดตั้งใกล้กับสถานีรถไฟซึ่งได้รับการอนุมัติจากสภาของเมืองเป็นที่เรียบร้อย

ผู้สนับสนุนและคู่ปรับ

เอฟเวอร์ตันมีฐานผู้สนับสนุนที่มากมายซึ่งมีผู้ชมมากที่สุดเป็นอันดับ 8 ของการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสถิติจากฤดูกาล 2008-2009 ซึ่งแฟนบอลส่วนใหญ่ของทีมเอฟเวอร์ตันนั้นส่วนใหญ่จะมาจากตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเมอร์ซี่ไซด์,เชสเชียร์,แลงคาเชียร์ตะวันตก ซึ่งมีบางส่วนที่เดินทางมาจากเวลส์ตอนเหนือและไอร์แลนด์ซึ่งภายในเมืองที่เอฟเวอร์ตันตั้งอยู่นั้นมีทีมลิเวอร์พูลอยู่อีกหนึ่งทีมซึ่งทั้งแถบเมอร์ซี่ไซต์นั้นส่วนใหญ่จะมีทั้งแฟนบอลเอฟเวอร์ตันและแฟนบอลลิเวอร์พูลปะปนกันไป โดยสโมสรเอฟเวอร์ตันนั้นมีแฟนบอลมากมายรอบโลกมีทั้งแฟนบอลในทวีปอเมริกาเหนือ,ประเทศสิงคโปร์,ประเทศอินโดนีเซีย,ประเทศเลบานอน,ประเทศมาเลเซียและประเทศไทยรวมไปถึงประเทศอินเดียและประเทศออสเตรเลียอีกด้วยซึ่งจะคอยเดินทางตามมาดูเอฟเวอร์ตันเล่นที่สนามกันอย่างต่อเนื่อง โดยปกติแล้วในช่วงหลังเอฟเวอร์ตันขายบัตรหมดไปแล้ว ส่วนใหญ่เป็นตั๋วระยะยาวซึ่งผู้ที่จะต้องการชมเกมของเอฟเวอร์ตันส่วนใหญ่จะต้องไปซื้อจากผู้ที่มีตั๋วอยู่แล้วอีกทอดหนึ่ง ทางด้านเกมเยือน ส่วนใหญ่แล้วเกมของเอฟเวอร์ตันจะขายออกไปหมดเนื่องจากความนิยมของทีมนี้ค่อนข้างสูงโดยตั๋วของทีมเอฟเวอร์ตันส่วนใหญ่จะขายหมดในบริเวณตะวันตกตอนเหนือของประเทศอังกฤษและในเดือนตุลาคมปี 2009 แฟนฟุตบอลทีมเอฟเวอร์ตันกว่า 7,000 คนเดินทางไปที่เบนฟิก้าเพื่อชมเกมยุโรปของพวกเขา ซึ่งเป็นการเชียร์ฟุตบอลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนอกประเทศในยุโรป ตั้งแต่การแข่งขันยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพรอบชิงชนะเลิศปี 1985

ทางด้านคู่ปรับเอฟเวอร์ตันนั้นมีคู่ปรับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือทีมลิเวอร์พูลซึ่งเวลาที่ทั้งสองทีมแข่งขันกันจะถูกเรียกชื่อว่า “เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้แมตช์” โดยก่อนหน้านั้นมีความสัมพันธ์กันระหว่างทีมเอฟเวอร์ตันและเจ้าของสนามแอนฟีลด์ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็นสนามเหย้าของเอฟเวอร์ตัน ก่อนที่เอฟเวอร์ตันจะย้ายสนามไปที่กูดิสัน ปาร์ค โดยข้อพิพาทของทั้งสองทีมนั้นเกิดขึ้นเมื่อเอฟเวอร์ตันย้ายเข้าไปยังถิ่นกูดิสัน ปาร์ค ภายหลังจากการก่อตั้งสโมสรลิเวอร์พูลในปี 1892 ซึ่งทำให้เป็นประเด็นข้อขัดแย้งและเมื่อเวลาทั้งสองทีมเจอกันจะเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่คนดูเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของอังกฤษ และส่วนใหญ่เกมจะจบลงด้วยการมีใบแดงและใบเหลืองเป็นจำนวนมาก ส่วนในภายหลังมีความเป็นมิตรเกิดมากขึ้นและมีจำนวนใบเหลืองกับใบแดงลดน้อยลงเนื่องมาจากคนอยู่ในเมืองเดียวกันส่วนใหญ่จะเชียร์ทั้งลิเวอร์พูลและเอฟเวอร์ตัน โดยการใส่เสื้อทั้งสีแดงและสีน้ำเงินนั่งปะปนกันในอัฒจรรย์ในบางครั้งซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจและถูกเรียกว่าเป็นดาร์บี้แมตช์แห่งความสัมพันธ์ที่ดีแต่อย่างไรก็ตามทางประวัติศาสตร์นั้นเมื่อทั้งคู่เจอกันก็พบปรากฏการณ์ใบเหลืองและใบแดงรวมกันที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์มากกว่าการแข่งขันคู่ใดของพรีเมียร์ลีก

เจ้าของทีมและสถานะการเงิน

ในขณะนี้ทีมเอฟเวอร์ตันจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดซึ่งมีคณะกรรมการบอร์ดบริหารของทีมทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสร ในเดือนเมษายน 2014 มีการเปิดเผยว่าเอฟเวอร์ตันมีหนี้มากถึง 28.1 ล้านปอนด์ ส่วนตัวเลขผลประกอบการของสโมสรนั้นอยู่ที่ 120 ล้านปอนด์และได้กำไรกว่า 28.2 ล้านปอนด์ โดยสโมสรนั้นมีการเบิกเงินในบัญชีจากธนาคารบาร์เคลย์เพื่อใช้ในการบริหารทำทีมนอกจากนี้ทางสโมสรยังได้มีการยืมเงินกว่า 30 ล้านจากบริษัทเบียร์ สเติร์นสและบริษัทพรูเด็นเชียล ในปี 2002 เป็นระยะเวลากว่า 25 ปีเพื่อเป็นทุนในการทำทีม

สปอนเซอร์เสื้อและผู้สนับสนุน

ในฤดูกาล 2017-18 และในฤดูกาล 2018-19 ทีมเอฟเวอร์ตันใส่เสื้อที่ถูกสนับสนุนจากสปอนเซอร์อย่าง SportPesa ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ใช้ตราสัญลักษณ์เบียร์ช้างของไทยตั้งแต่ฤดูกาล 2004-17 โดยเริ่มแรกนั้นเอฟเวอร์ตันได้ใช้สปอนเซอร์คาดอกเป็น Hafnia ในฤดูกาล 1979-85,NEC ในฤดูกาล 1985-95 ,Danka ในฤดูกาล 1995-1997 ,one2one ในฤดูกาล 1997-2002 ,Keijan ในฤดูกาล 2002-04 ส่วนในฤดูกาล 2008-09 เอฟเวอร์ตันได้ทดลองขายเสื้อของทีมเยาวชนแบบใหม่โดยเสื้อของทีมนั้นมีทั้งตราโลโก้ของสโมสรและชื่อของผู้เล่นแต่จะไม่ปรากฏสปอนเซอร์อย่างเบียร์ช้างซึ่งเป็นการแนะนำจากทางบริษัทว่าไม่ควรที่จะให้แบรนด์ที่มีแอลกอฮอล์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการประชาสัมพันธ์เสื้อของเยาวชนเพราะมันไม่สมควรกับเด็ก เสื้อของสโมสรเอฟเวอร์ตันที่ใช้ในการลงแข่งขันนั้นใช้เสื้อยี่ห้ออัมโบรซึ่งเคยสนับสนุนในการทำเสื้อของทีมนี้ 3 ครั้งได้แก่ในปี 1974-83 ,ปี 1986-2000 และปี 2004 -2009 นอกจากนี้ก็ยังใช้บริการเสื้อของเลอ ค๊อค สปอร์ตทีฟในปี 1983-86 และปี 2009-12 และยังมีแบรด์ที่คุ้นเคยอย่างพูม่าในปี 2000-04 และไนกี้ในปี 2012-14 ส่วนสถานที่ขายเสื้อของทีมอย่างเป็นทางการนั้นปรากฏพบอยู่ 2 แห่ง หนึ่งคือร้านค้าที่อยู่ใกล้สนามกูดิสัน ปาร์คในแถบวอลตันมีชื่อว่าเอฟเวอร์ตัน วัน(Everton One) ในอีกที่นึงตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่าลิเวอร์พูล วันซึ่งเป็นศูนย์การค้าโดยร้านที่ขายเสื้อของทีมเอฟเวอร์ตันอย่างเป็นทางการนั้นมีชื่อว่าเอฟเวอร์ตัน ทู(Everton Two) ซึ่งเป็นร้านค้าแห่งที่ 2 ของทีม

ผู้จัดการทีม

ในปัจจุบันนั้นเอฟเวอร์ตันมีผู้จัดการทีมคือมาร์โก้ ซิลวานายใหญ่ชาวโปรตุเกสซึ่งเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 17 ตั้งแต่มีการก่อตั้งสโมสรในปี 1939 ซึ่งทีมนั้นเคยมีผู้จัดการทีมชั่วคราวอยู่ 4 คนโดยก่อนปี 1939 นั้นการที่จะเลือกผู้จัดการทีมต้องผ่านเลขานุการของสโมสรหรือไม่ก็ผ่านการประชุมมาก่อนที่จะทำการแต่งตั้งโดยผู้จัดการทีมที่ทำหน้าที่ยาวนานที่สุดในทีมเอฟเวอร์ตันนั่นก็คือแฮรี่ แคทเธอริคซึ่งเข้ามาคุมทีมตั้งแต่ปี 1961-73 รวมระยะเวลาทั้งสิ้นกว่า 594 นัด และผู้ที่ทำให้เอฟเวอร์ตันได้แชมป์มากที่สุดนั่นก็คือโฮเวิร์ด เคนดัล ซึ่งทำให้ทีมได้แชมป์ดิวิชั่น 1(ปัจจุบันเป็นพรีเมียร์ลีก) 2 สมัย ได้แชมป์เอฟเอ คัพในปี 1984 ได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพในปี 1985 และได้แชมป์เอฟเอ ชาร์ริตี้ ชิลด์ 3 สมัย

Marco Silva

สถิติที่น่าสนใจ

เนวิลล์ เซาท์ฮอล ทำสถิติเป็นผู้ที่ลงสนามมากที่สุดในทีมเอฟเวอร์ตันโดยลงสนามไปทั้งหมด 751 นัดในฐานะตัวจริงตั้งแต่ปี 1981 ถึง 1997 ส่วนอันดับที่ 2 นั้นอยู่ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค ซึ่งเคยเป็นกัปตันทีมของเอฟเวอร์ตันอย่างไบรอัน ลาโบน โดยลงสนามไปมากกว่า 534 นัด ส่วนผู้รักษาประตูที่รับใช้สโมสรนานที่สุดนั่นก็คือเท็ด ซูการ์ ซึ่งเล่นให้กับสโมสรไปมากกว่า 23 ปี ระหว่างปี 1929-1953 ซึ่งในระหว่างนั้นเป็นช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้เขาลงสนามไปมากกว่า 495 นัด ส่วนผู้รักษาประตูที่ทำคลีนชีตมากที่สุดใน 1 ฤดูกาลนั้นได้แก่เนวิลล์ เซาท์ฮอลโดยทำคลีนชีตไปทั้งหมด 15 นัดในหนึ่งฤดูกาลอย่างไรก็ตามหลังจากนั้นสถิติก็ถูกทำลายลงโดยทิม ฮาวเวิร์ดผู้รักษาประตูชาวอเมริกันซึ่งทำคลีนชีตไปทั้งหมด 17 นัดในฤดูกาล 2008-2009 ส่วนนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในทุกการแข่งขันให้กับเอฟเวอร์ตันนั้นคือ ดิซี่ ดีน ซึ่งทำไปทั้งหมด 383 ประตู ส่วนผู้ที่ทำประตูมากที่สุดอันดับ 2 ของสโมสรนั้นได้แก่แกรมม์ ชาร์ปโดยทำไป 159 ประตู ส่วนดีนนั้นยังเป็นผู้ครองสถิติการทำประตูสูงสุดใน 1 ฤดูกาลของลีกอังกฤษด้วยจำนวนทั้งหมด 60 ประตู สถิติผู้เข้าชมของเอฟเวอร์ตันที่สนามเหย้าของทีมนั้น มีผู้ชมมากที่สุดจำนวน 78,299 คน ในการเจอกับลิเวอร์พูลในวันที่ 18 สิงหาคม 1948 ซึ่งเป็นจำนวนที่น่าเหลือเชื่ออย่างไรก็ตามปรากฏพบว่ามีเหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คนในเกมนัดนั้นเมื่อ ทอม ฟลีทวู๊ด ได้รับบาดเจ็บจากการที่มีคนโยนเหรียญเข้ามาในสนามจากอัฒจรรย์แฟนบอลที่ชมเกมในขณะนั้นใส่ศีรษะของเขาซึ่งทำให้หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ได้มีการแนะนำทางสโมสรเอฟเวอร์ตันให้จำกัดที่นั่งอยู่เพียงแค่ 40,000 นั่งเพื่อไม่ให้ผู้ชมได้รับการบาดเจ็บระหว่างชมกีฬาในสนามนั่นหมายความว่าสถิติผู้ชมที่มากที่สุดของสนามเอฟเวอร์ตันจะไม่ถูกทำลายลงส่วนเอฟเวอร์ตันเคยซื้อนักเตะด้วยราคาที่แพงที่สุดในสโมสรนั่นก็คือการซื้อตัวกองกลางชาวไอร์แลนด์อย่างกิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สันด้วยราคากว่า 45 ล้านปอนด์ในปี 2017 จากสวอนซี ซิตี้ ส่วนนักเตะที่ขายได้ราคาดีที่สุดนั่นก็คือการขายโรเมลู ลูกากู ให้แก่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยราคากว่า 75 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการซื้อขายระหว่างทีมจากอังกฤษที่มีมูลค่าสูงที่สุด นอกจากนี้เอฟเวอร์ตันยังครองสถิติเป็นทีมที่อยู่ในลีกสูงสุดของอังกฤษมากที่สุด โดยทำไปทั้งสิ้น 114 ฤดูกาล จากทั้งหมด 118 ฤดูกาล และทีมเอฟเวอร์ตันเป็น 1 ใน 6 ทีมที่ได้เล่นในทุกฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกตั้งแต่มีการเปลี่ยนชื่อในเดือนกันยายน 1992 ส่วนทีมที่เหลือนั่นก็คืออาร์เซน่อล,เชลซี,ลิเวอร์พูล,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

ความสัมพันธ์กับสโมสรอื่นๆ

สโมสรเอฟเวอร์ตันนั้นเชื่อมโยงกับเครือข่ายทางสังคมอื่นๆทั่วโลกโดยทีมนั้นเป็นพันธมิตรกับสโมสรเยาวชนบัลลี่โยลสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่ในแซลบริดจ์ประเทศไอร์แลนด์ และเชื่อมโยงกับสโมสรฟุตบอลออนตาริโอในประเทศแคนาดารวมไปถึงศูนย์ฝึกเยาวชนที่ประเทศไทยซึ่งได้มีการจัดรายการการแข่งขันที่ชื่อว่าช้าง เอฟเวอร์ตัน คัพ ซึ่งเป็นการแข่งขันของเด็กและเยาวชนเพื่อจะค้นหานักเตะที่มีความสามารถในการเล่นกับสโมสรที่เป็นพันธมิตรอื่นๆของเอฟเวอร์ตัน นอกจากนี้ทางสโมสรนั้นเป็นเจ้าของและได้จัดการการแข่งขันบาสเกตบอลอาชีพซึ่งมีชื่อว่า เอฟเวอร์ตัน ไทเกอร์ส ซึ่งร่วมการแข่งขันในศึกบาสเกตบอลลีกของอังกฤษซึ่งทีมบาสเกตบอลนี้ถูกสนับสนุนและสร้างขึ้นในฤดูร้อนปี 2007 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการพัฒนาของชุมชนโดยพวกเขาเล่นเกมเหย้าที่กรีนแบงก์ สปอร์ต อะเคเดมี่ ซึ่งทีมเอฟเวอร์ตัน ไทเกอร์สนี้ก็ถือเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดทีมหนึ่งในวงการบาสเกตบอลของอังกฤษโดยได้แชมป์บีบีแอล คัพ ในปี 2009 และได้เล่นเพลย์ออฟในปี 2010 อย่างไรก็ดี เอฟเวอร์ตันได้ถอนหุ้นออกจากทีมก่อนฤดูกาล 2010-11 และหลังจากนั้นถูกบริหารใหม่อีกครั้งโดยกลุ่มเมอร์ซี่ ไทเกอร์ส และเอฟเวอร์ตันนั้นเชื่อมโยงกับสโมสรในชิลีซึ่งก็คือทีมเอฟเวอร์ตัน เดอ วีน่า เดล มาร์ ซึ่งเป็นชื่อที่ได้มาจากสโมสรจากอังกฤษทีมนี้โดยในวันที่ 4 กันยายน 2010 ทีมเอฟเวอร์ตันนั้นได้มีการแข่งขันกับทีมนี้ซึ่งเป็นการกระชับมิตรความสัมพันธ์ของทั้งสองสโมสรที่สนามกูดิสัน ปาร์ค ซึ่งเรียกว่าศึกโคปา เฮอร์มานดาด ส่วนทีมที่เป็นพันธมิตรของเอฟเวอร์ตันที่เหลือนั่นก็คือทีมโรซาริโอจากประเทศอุรุกวัย,ลา พลาต้าและริโอ ครูโต้จากประเทศอาร์เจนตินาและแอล โกรฟ ซึ่งอยู่ในแคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐอเมริกาและในคอร์กประเทศไอร์แลนด์

วัฒนธรรมที่ได้รับความนิยม

สโมสรเอฟเวอร์ตันนั้นได้มีการส่งออกวัฒนธรรมต่างๆซึ่งมีผลต่อการรับรู้ของประชาชนชาวอังกฤษอยู่มาก ซึ่งนอกเหนือจากภาพลักษณ์ทางด้านกีฬาแล้วจะพบได้ว่าเอฟเวอร์ตันนั้นได้มีการสื่อสารทางด้านบันเทิงต่อสังคมอยู่เสมอ ในปี 1997 มีโทรทัศน์มาถ่ายภาพยนตร์เรื่อง The fix ซึ่งเป็นการแอบถ่ายนักเตะใหม่ตำแหน่งปีกนั่นก็คือโทนี่ เคย์ และได้รับบทโดยเจสัน ไอแซค ผู้ซึ่งมีปัญหาในชีวิตหนีออกจากการแข่งขันระหว่างการเจอกับเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์และอิปสวิช ทาวน์ซึ่งเหตุการณ์หลักๆนั้นเกิดในช่วงฤดูกาล 1962-63 ซึ่งฤดูกาลนั้นเป็นฤดูกาลที่เอฟเวอร์ตันได้แชมป์ลีกภายใต้การคุมทีมของแฮรี่ เคทเธอริค ซึ่งได้รับการแสดงโดยคอลิน เวลแลนด์ ส่วนในปี 1969 มีภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ที่ชื่อว่า The Golden Vision ได้รับการกำกับโดยเคน โลช ซึ่งเป็นการผสมผสานเรื่องราวดราม่ากับฟุตเทจสารคดี ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องของแฟนบอลเอฟเวอร์ตันซึ่งกำลังค้นหาจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตผ่านสโมสรเอฟเวอร์ตันทีมรักของเขาซึ่งได้ประสบปัญหาหลายอย่างเช่นความไม่สบายใจในการทำงานและปัญหาแต่งงานโดยตัวละครหลักในเรื่องได้แก่อเล็กซ์ ยัง กองหน้าของทีมเอฟเวอร์ตันที่ได้เล่นเป็นตัวเองในภาพยนตร์เรื่องนี้และต่อมาในปี 2015 ภาพยนตร์เรื่อง Creed ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ของภาพยนตร์เรื่อง Rocky ก็ได้ขอใช้สนามกูดิสัน ปาร์กมาเป็นสถานที่ในการถ่ายทำหนังซึ่งเราจะเห็นสนามกูดิสัน ปาร์กจากฉากการต่อสู้ในภาพยนตร์ซึ่งในภาพยนตร์นั้นปรากฏเห็นสนามและผู้ชมซึ่งกำลังชมเกมในการแข่งขันกับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนอยู่ โดยนักมวยอย่างโทนี่ เบลลิวนั้นเป็นแฟนฟุตบอลเอฟเวอร์ตันแล้วคู่ต่อสู้ของ Creed อย่างร็อกกี้ โคนลอน นั้นสวมสัญลักษณ์ของเอฟเวอร์ตันในการฝึกซ้อมนอกจากนี้สโมสรเอฟเวอร์ตันได้เข้าไปสู่อันดับชาร์ตเพลงของประเทศอังกฤษเป็นจำนวน 4 ครั้งในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ซึ่งหลายสโมสรได้ทำเพลงและปล่อยเพลงออกมาให้แฟนบอลได้รับฟังโดยที่ทีมเอฟเวอร์ตันนั้นได้ปล่อยเพลง “The Boys in Blue” ซึ่งถูกเผยแพร่ในปี 1984 โดยอยู่ในอันดับที่ 82 ของชาร์ตเพลง ส่วนอีกเพลงที่ประสบความสำเร็จของทีมนั่นก็คือเพลง “Here We Go” ซึ่งสามารถขึ้นไปอยู่ถึงอันดับที่ 14 และในปี 1986 ทางสโมสรก็ได้ปล่อยเพลง “Everybody’s Cheering the Blues” ซึ่งสามารถไปถึงได้ลำดับที่ 83 และก็ยังมีเพลง “All together Now” ที่สามารถขึ้นไปอยู่ได้ถึงอันดับที่ 27 ซึ่งถูกปล่อยออกมาในศึกเอฟเอคัพ นัดชิงชนะเลิศปี 1995 ซึ่งทีมเอฟเวอร์ตันนั้นเป็นหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด ให้ทำให้ผู้ที่เสพติดของอังกฤษได้รู้จักทีมในแง่มุมต่างๆทั้งภาพยนตร์และเพลง

ความสำเร็จของสโมสร (ข้อมูลถึงเดือนมกราคม ปี 2019)

Everton League champion 1890

ระดับภายในประเทศ
แชมป์ลีก

-พรีเมียร์ลีก(รวมสมัยดิวิชั่น 1) (9 สมัย)
1890–91,1914–15,1927–28,1931–32,1938–39,1962–63,1969–70,1984–85,1986–87

-แชมเปี้ยนชิพ(รวมสมัยดิวิชั่น 2 ) (1 สมัย)
1930–31

แชมป์รายการถ้วย

-เอฟเอ คัพ (5 สมัย)
1906,1933,1966,1984,1995

-เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์(รวมสมัยเอฟเอ ชาร์ริตี้ ชิลด์) (9 สมัย)
1928,1932,1963,1970,1984,1985,1986,1987,1995

-เอฟเอ ยูธ คัพ (3 สมัย)
1965,1984,1998

-เซนทรัล ลีก (4 สมัย)
1913–1914,1937–38,1953–54,1967–68

-ลานแคชเชีย ซีเนียร์ คัพ (6 สมัย)
1894,1897,1910,1935,1940,1964

-ลิเวอร์พูล ซีเนียร์ คัพ (45 สมัย)
1884,1886,1887,1890,1891,1892,1894,1895,1896,1898,1899,1900,1904,1906,1908, 1910,1911, 1912,1914,1919,1921,1922,1923,1924,1926,1928,1934,1936,1938,1940,1945,1953,1954,1956, 1957,1958,1959,1960,1961,1982,1983,1996,2003,2005,2007

แชมป์ระดับยุโรป
-ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ (1 สมัย)
1984-85