แกะรอยประวัติศาสตร์ ไฟร์บวร์ก ทีมจิ้งจอกแห่งป่าดำ

SC Freiburg

สโมสรกีฬาไฟร์บวร์ก (Sport-Club Freiburg e.V.) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม เอสซี ไฟร์บวร์ก หรือที่มีฉายาในบ้านเราว่า จิ้งจอกแห่งป่าดำ เป็นทีมฟุตบอลที่มีถิ่นฐานตั้งอยู่ใน เมืองไฟร์บวร์กอิมไบรส์เกา รัฐบาร์เดน-เวิร์ทเทนแบร์ก ประเทศเยอรมนี

ปัจจุบัน ไฟร์บวร์ก ลงเตะอยู่ใน บุนเดสลีกา หลังสามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาจาก บุนเดสลีกา 2 ได้เมื่อปี 2016 ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาเป็นทีมที่มักจะคอยวนเวียนอยู่ระหว่าง 2 ลีกระดับสูงสุดของประเทศ

นับตั้งแต่ปี 1954 ไฟร์บวร์ก ปักหลักฟาดแข้งอยู่ในสนามเหย้า ชวาร์ซวัลด์ สตาดิโอน ที่ล่าสุดสามารถรองรับผู้ชมในเกมลีกได้ 24,000 ที่นั่ง โฟลเคอร์ ฟิงเค่ คือผจก.ทีมที่ทำหน้าที่อยู่กับพวกเขามาตั้งแต่ปี 1991 จนถึง 2007 และกลายเป็นสถิติของกุนซือที่อยู่ในตำแหน่งได้ยาวนานที่สุดของวงการลูกหนังอาชีพเยอรมัน ในขณะที่ โยอาคิม เลิฟ เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมันคนปัจจุบัน ก็คือเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรจาก 81 ประตูในการลงเตะรวมกัน 252 เกม
ไทม์ไลน์ประวัติสโมสร

FC Schwalbe Freiburg 1954

1904 – จุดกำเนิดของสโมสรมีที่มาจากการรวมตัวกันของ 2 ทีมในท้องถิ่น เริ่มจากในเดือนมีนาคมปีนั้นมีการก่อตั้ง Freiburger Fußballverein 04 ขึ้นมาก่อนที่ FC Schwalbe Freiburg จะเปิดตัวตามมาในอีกสองเดือนให้หลัง
1905 – FC Schwalbe Freiburg ได้เปลี่ยนชื่อเป็น FC Mars
1906 – FC Mars เปลี่ยนชื่ออีกครั้งไปเป็น Union Freiburg
1909 – Freiburger Fußballverein 04 ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเลยเปลี่ยนชื่อไปเป็น Sportverein Freiburg 04 กับเขาบ้าง
1912 – ทั้งสองสโมสรตัดสินใจรวมตัวกันเป็น เอสซี ไฟร์บวร์ก และหันมาใช้สัญลักษณ์เป็นรูปหัวของ กริฟฟิน
1918 – หลังจาก สงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลง ไฟร์บวร์ก ตัดสินใจรวมตัวชั่วคราวกับ Freiburger FC เพื่อให้มีกำลังคนเพียงพอที่จะลงสนามแข่งขันภายใต้ชื่อเฉพาะกิจ KSG Freiburg
1919 – พวกเขาสถาปนาตัวเองขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อ FT 1844 Freiburg โดยทีมดำรงสถานะอยู่ในส่วนของแผนกฟุตบอล
1928 – ทีมตัดสินใจแยกตัวออกไปเพื่อไปทำสัญญาใช้สนามร่วมกันกับ PSV Freiburg 1924 โดยลงเตะอยู่ในลีกระดับสูงสุดภายในเวลานั้น
1934 – ทีมตกชั้นลงไปอยู่ในลีกระดับรอง
1938 – จากความล้มเหลวของทีมพาร์ทเนอร์ที่มาแชร์สนามร่วมกันเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้บวกกับสถานะที่ไม่ค่อยสู้ดีของตนเองในเวลานั้น ทำให้พวกเขาตัดสินใจย้อนกลับไปตายรังที่ FT 1844 Freiburg
1946 – หลังเปลวไฟจาก สงครามโลกครั้งที่ 2 มอดดับลงไปได้ราว 1 ปี ด้วยกฎระเบียบจากฝ่ายสัมพันธมิตรที่ไม่อนุญาตให้องค์กรส่วนใหญ่ในเยอรมันยังคงสถานะต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีการดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องกับสมัยที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของพวกนาซี จึงทำให้มีความพยายามรื้อฟื้นทีมขึ้นมาอีกครั้งภายใต้ชื่อใหม่และกลายเป็นที่รู้จักกันในนาม เฟาเอสแอล ไฟร์บวร์ก ภายในช่วงเวลานั้น
1950 – ด้วยความเห็นชอบจากฝ่ายปกครองของ ฝรั่งเศส ก็ทำให้สโมสรสามารถกลับมาใช้ชื่อและอัตลักษณ์เดิมของตนเองได้อีกครั้ง
1952 – ไฟร์บวร์ก ตัดสินใจตีจาก FT 1844 Freiburg เป็นรอบที่สอง และพยายามเริ่มต้นไต่เต้าอยู่ในดิวิชั่นระดับ 3 นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
1978 – แม้จะเป็นเพียงสโมสรเล็กๆ แต่พวกเขาก็มีชื่อเสียงในเรื่องของใจสู้และทีมสปิริตอันแรงกล้า จนกระทั่งทีมสามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ บุนเดสลีกา 2 ได้หลังจบฤดูกาล 1977-78
1993 – หลังการรอคอยอันยาวนานหลายทศวรรษ ในที่สุด ไฟร์บวร์ก ก็สามารถคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 ประจำฤดูกาล 1992-93 และผงาดขึ้นมายังลีกสูงสุดของประเทศได้สำเร็จ
1994 –ซีซั่นเปิดตัวใน บุนเดสลีกา ภายใต้การคุมทีมของ โฟลเคอร์ ฟิงเค่ ที่พึ่งช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นไปอย่างน่าหวาดเสียว เมื่อพวกเขาสามารถรอดพ้นการตกชั้นไปได้อย่างหวุดหวิดหลังมีแต้มเท่ากับ เนิร์นแบร์ก ทีมหัวแถวในพื้นที่สีแดงแต่โชคดีตรงที่มีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า
1995 – ฟิงเค่ สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับวงการ บุนเดสลีกา ด้วยการพาทีมจบในอันดับที่ 3 ในซีซั่นถัดมา โดยเก็บแต้มเป็นรอง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมแชมป์ และ แวร์เดอร์ เบรเมน เพียงแค่ 3 และ 2 คะแนนตามลำดับ พร้อมกับการคว้าโควตาไปลงเตะใน ยูฟ่า คัพ ฤดูกาลหน้า
1997 – แต่แล้วหลังจบฤดูกาล 1996-97 ในอันดับที่ 17 พวกเขาก็ร่วงตกชั้นกลับไปสู่ บุนเดสลีกา 2 อีกครั้ง
2003 – ไฟร์บวร์ก สามารถรั้งอยู่ในอันดับที่ 1 หลังจบฤดูกาล 2002-03 และคว้าสิทธิ์กลับขึ้นไปเล่นใน บุนเดสลีกา ได้อีกครั้ง
2005 – แม้จะประคับประคองเอาตัวรอดได้ในฤดูกาลที่แล้ว แต่ในที่สุดพวกเขาก็จมลงสู่ก้นตารางหลังจบซีซั่น 2004-05 จนต้องหล่นลงไปเล่นอยู่ใน บุนเดสลีกา 2 ฤดูกาลถัดไป
2007 – แม้ทีมจะเดินหน้าคว้าชัยชนะได้ 12 จาก 16 เกมสุดท้ายของซีซั่น 2006-07 แต่ก็ยังทำได้เพียงรั้งอยู่ในอันดับที่ 4 โดยมีแต้มเท่ากับ ดุ๊ยส์บวร์ก และมีผลต่างประตูได้เสียที่เป็นรองจนทำให้พวกเขาพลาดโอกาสเลื่อนชั้นไปอย่างน่าเสียดาย โดยหลังจากฤดูกาลสิ้นสุดลง โฟลเคอร์ ฟิงเค่ ก็ตัดสินใจลาออกและยุติชีวิตการทำงานที่มีระยะเวลานาน 16 ปีร่วมกับสโมสร
2009 – โรบิน ดุตต์ ที่เข้ามาสานงานต่อจาก ฟิงเค่ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 ได้สำเร็จและกลับเลื่อนชั้นขึ้นไปหลังจบฤดูกาล 2008-09
2011 – ตลอดช่วงเวลา 2 ปีภายใต้การคุมทีมของ ดุตต์ เขาช่วยให้ทีมจบในอันดับที่ 14 และ 9 ตามลำดับ ก่อนจะตัดสินใจลาออกหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2010-11 เพื่อย้ายไปอยู่กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
2012 – ทีมตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น จนกระทั่งทางสโมสรตัดสินใจปลด มาร์คุส ซอร์ก ที่มารับงานต่อจาก ดุตต์ และแต่งตั้งให้ คริสเตียน สไตรช์ เข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็สามารถช่วยประคับประคองให้ทีมจบในอันดับที่ 12 ได้อย่างปลอดภัย
2013 – ภายในฤดูกาลแรกของการคุมทีมอย่างเต็มตัว สไตรช์ ก็ช่วยให้ทีมทำผลงานแล่นฉิว จนมีสิทธิ์ลุ้นโควต้าไปเล่นเกมเพลย์ออฟในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกหากสามารถเอาชนะ ชาลเก้ 04 ทีมที่อยู่เหนือพวกเขาไปหนึ่งอันดับในนัดปิดฤดูกาล แต่สุดท้ายทีมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 2-1 จนทำให้ ชาลเก้ คว้าสิทธิ์นั้นไปครองในขณะที่พวกเขาก็ปิดฉากซีซั่นนั้นด้วยการรั้งอยู่ในอันดับที่ 5 นอกจากนี้แล้วทีมยังสามารถทะลุเข้าไปจนถึงรอบตัดเชือกในรายการ เดเอฟเบ โพคาล แต่ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ สตุ๊ตการ์ท 2-1 จนพลาดโอกาสเข้าชิงกับ บาเยิร์น มิวนิค
2015 – หลังมีโอกาสโลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุดของประเทศติดต่อกันยาวนาน 6 ปี ไฟร์บวร์ก ก็ต้องหวนคืนกลับสู่ บุนเดสลีกา 2 เมื่อจบซีซั่น 2014-15 ในตำแหน่งรองบ๊วย
2016 – แต่พวกเขาก็ใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวสำหรับการเลื่อนชั้นกลับขึ้นมา หลังสามารถคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 ได้ในขณะที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 นัดในมือ
2017 – ทีมทำผลงานในการกลับมาได้ไม่เลวเมื่อสามารถคว้าอันดับที่ 7 และได้รับสิทธิ์ลงเตะใน ยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบคัดเลือก เนื่องจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล สามารถตีตั๋วผ่านเข้าไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
2018 – ไฟร์บวร์ก รอดพ้นการตกชั้นในซีซั่น 2017-18 ไปแบบจวนเจียนหลังรั้งอยู่ในอันดับที่ 15 ซึ่งก็ต้องขอบคุณผลงานการถล่มประตูของ นีลส์ ปีเตอร์เซ่น ที่ช่วยซัดในลีกให้ทีมไปถึง 15 ลูก

freiburg fußball