ย้อนรอยประวัติศาสตร์ เอ็มโปลี อัซซูร์รี่ออฟกัลโช่

Empoli Football Club

สโมสรฟุตบอลเอ็มโปลี (Empoli Football Club) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม เอ็มโปลี เป็นทีมที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ใน เมืองเอ็มโปลี ใจกลางมณฑลฟลอเรนซ์ แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี นอกจากนี้พวกเขายังมีชื่อเล่นว่า อัซซูร์รี่ (Azzurri) หรือ The Blues ที่ใกล้เคียงกับ ทีมชาติอิตาลี อีกด้วย

เอ็มโปลี เป็นหนึ่งในสโมสรที่ไม่ได้เป็นตัวแทนที่มาจากเมืองหลวงของแต่ละแคว้นที่ได้ลงเตะอยู่ใน เซเรีย อา ลีกสูงสุดของประเทศ หลังพึ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาแบบหมาดๆเมื่อสามารถคว้าแชมป์ เซเรีย บี ได้ในฤดูกาล 2017-18

เกียรติประวัติโดยรวมที่ผ่านมาของพวกเขาคือการได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการระดับประเทศมาทั้งหมด 83 ฤดูกาล ซึ่งประกอบไปด้วยการแข่งขันในระดับ ดิวิชั่น 3 50 ครั้ง, เซเรีย บี 20 ครั้ง และ เซเรีย อา ที่รวมถึงในซีซั่นนี้ 13 ครั้ง ผลงานในเวทียุโรปที่ดีที่สุดของทีมคือการได้มีส่วนร่วมในรอบคัดเลือก ยูฟ่า คัพ 2007-08

ไทม์ไลน์ประวัติสโมสร

1920 – ในเดือนสิงหาคมปีนั้น Foot Ball Club Empoli และ Unione Sportiva Empoli ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยหลังจากที่เข้ารวมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ที่จัดขึ้นใน เมืองซาน มินิอาโต ทั้ง 2 ฝ่ายก็จัดการรวมตัวกันจนกลายเป็นสโมสรฟุตบอลประจำท้องถิ่น
1921 – แม้พวกเขาจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (FIGC) ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการแคว้นทัสคานี เพื่อลงเตะในกลุ่ม A ของลีกประจำภูมิภาคในฤดูกาล 1921-22 แต่ด้วยปัญหาทางด้านการเงินจึงทำให้ทีมตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันในลีกสมัครเล่นก่อนจะคว้าอันดับที่ 2 ของกลุ่ม A
1923 – ทีมคว้าอันดับที่สองของกลุ่ม A ในลีกสมัครเล่นได้อีกในซีซั่นถัดมา และได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายหลังเอาชนะในเกมเพลย์ออฟที่ ฟลอเรนซ์ ในเดือนเมษายนปีนั้น ก่อนจะรั้งอันดับที่สามในการแข่งขันรอบสุดท้าย
1927 – หลังลงเตะอยู่ในลีกระดับล่างมานานหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็ได้เข้าร่วมใน ดิวิชั่น 3 ของประเทศในเวลานั้น
1928 – มีการก่อตั้ง พรีม่า ดิวิซิโอเน่ ขึ้นมาตีคู่กับลีกสูงสุดดั้งเดิมของ FIGC โดยที่ เอ็มโปลี เลือกปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมลงแข่งขันเนื่องงบประมาณที่จำกัด และแม้จะมีการปรับลดสถานะลีกการแข่งขันที่พวกเขาลงเตะในปัจจุบันไปเป็นระดับ ดิวิชั่น 4 แต่หลังจบฤดูกาล 1928-29 พวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์ ทัสคานี แชมเปี้ยนชิพ และขยับขึ้นไปสู่ ดิวิชั่น 3 ได้อีกครั้ง
1935 – หลังลงเตะอยู่ใน เซเรีย ซี มาอย่างต่อเนื่อง จู่ๆกลางฤดูกาล 1935-36 ทีมก็ต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันเนื่องจากมีผู้เล่นเป็นจำนวนมากที่ถูกเรียกตัวเข้าสู่กองทัพ
1936 – ในปีต่อมาจากความพยายามรวมทีมขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อ OND Empoli พวกเขาคว้าแชมป์ในระดับแคว้นทัสคานีและได้สิทธิ์รีเทิร์นกลับไปเล่นอยู่ใน เซเรีย ซี อีกครั้ง
1941 – นับตั้งแต่ปี 1938 เป็นต้นมาได้มีการเปลี่ยนชื่อทีมมาเป็น OND Interaziendale Italo Gambaccioni Section Soccer ก่อนจะเปลี่ยนให้สั้นลงอีกครั้งเป็น Associazione Calcio Empol
1944 – หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มสงบลง ในที่สุดทีมได้หันกลับมาใช้ชื่อเดิม Empoli Football Club หลังจากที่ถูกเรียกว่า Sports Group Azelio Landi อยู่เป็นระยะเวลาสั้นๆตอนช่วงปลายปีนั้น
1946 – เอ็มโปลี ไต่เต้าขึ้นไปสู่ เซเรีย บี ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกหลังสามารถคว้าอันดับที่ 3 มาครองได้ภายในฤดูกาล 1945-46
1950 – หลังสร้างผลงานได้ดีที่สุดจากการรั้งอยู่ในอันดับที่ 3 ภายในปีแรกของการลงเตะใน เซเรีย บี แต่แล้วพอหลังจบฤดูกาล 1949-50 พวกเขาก็ร่วงตกชั้นลงไปสู่ เซเรีย ซี อีกครั้ง
1955 – ด้วยปัญหาภายในทำให้ อัซซูร์รี่ ต้องยอมขายผู้เล่นส่วนใหญ่ออกไปในช่วงหน้าร้อนปีนั้น ก่อนจะส่งผลกระทบให้ทีมต้องตกชั้นลงไปอยู่ใน เซเรีย ดี หลังจบซีซั่น 1955-56
1960 – เอ็มโปลี อยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้นลงไปยังลีกระดับภูมิภาคแต่ก็กระเสือกกระสนเอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
1961 – แต่แล้วในซีซั่นถัดมาพวกเขาก็สามารถขยับคืนสู่ เซเรีย ซี ได้สำเร็จ
1962 – แต่อยู่ได้เพียงแค่ปีเดียวก็ร่วงตกชั้นลงมาเหมือนเดิม
1963 – ทีมดิ้นรนกลับคืนสู่ เซเรีย ซี ได้อย่างทันควันหลังเอาชนะทีมคู่แข่งในเกมเพลย์ออฟในเดือนมิถุนายน
1983 – หลังใช้เวลาวนเวียนอยู่ในระดับดิวิชั่น 3 ของประเทศมานานร่วม 20 ปี หลังจากจบฤดูกาล 1982-83 พวกเขาก็สามารถคว้าอันดับที่ 1 และกลับขึ้นสู่ เซเรีย บี ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี
1986 – แม้จะจบฤดูกาล 1985-86 ในอันดับที่ 4 แต่เนื่องจาก วิเซนซ่า ทีมอันดับ 3 ถูก FIGC ตรวจพบการทุจริตล็อคผลการแข่งขัน จึงทำให้ เอ็มโปลี เป็นฝ่ายเสียบแทนในการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
1987 – จากการที่ อูดิเนเซ่ ถูกตัดแต้มไปถึง 9 คะแนนจากคดีล้มบอลอื้อฉาว “โตโตเนโร่” ที่ตามมาด้วยบทลงโทษกับ 9 สโมสรรวมถึงบรรดานักเตะและสตาฟฟ์โค้ชร่วม 50 ราย จึงทำให้พวกเขารอดพ้นการตกชั้นในซีซั่นออกสตาร์ท เซเรีย อา ไปแบบหวุดหวิด
1988 – แต่จากการทำผิดกฎของสหพันธ์บางอย่างก็ทำให้ เอ็มโปลี ถูกตัดแต้ม 5 คะแนนในซีซั่นต่อมา ซึ่งก็ส่งผลให้พวกเขากลายเป็นทีมบ๊วยหลังจบฤดูกาล 1987-88 และตกชั้นลงไปสู่ เซเรีย บี
1989 – สถานการณ์ของทีมยังไม่ดีขึ้นเมื่อพวกเขาร่วงตกชั้นลงไปอีกขั้นหลังจบฤดูกาล 1988-89
1996 – หลังใช้เวลาอยู่ในระดับ ดิวิชั่น 3 นานหลายปี ในที่สุด อัซซูร์รี่ ก็เลื่อนชั้นกลับคืนสู่ เซเรีย บี ได้สำเร็จ
1997 – และภายในระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียว เอ็มโปลี ก็สามารถคว้าตำแหน่งรองแชมป์ และหวนคืนสู่ เซเรีย อา เป็นครั้งที่สอง
1998 – หลังพาทีมขยับขึ้นมาได้ 2 ระดับภายในระยะเวลา 2 ปี ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ก็ช่วยให้ เอ็มโปลี อยู่รอดปลอดภัยใน เซเรีย อา จากการจบในอันดับที่ 13 ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่กับ ซามพ์โดเรีย หลังจบฤดูกาล 1997-98
1999 – แต่แล้วในซีซั่นถัดมาพวกเขาก็กลับมาทำผลงานได้ย่ำแย่อีกครั้ง ก่อนจะตกชั้นลงไปจากการจมอยู่ในอันดับบ๊วยและมีแต้มน้อยกว่าทีมรองบ๊วยถึง 13 คะแนน

เอ็มปลี

2002 – ด้วยการสร้างทีมใหม่จากการฟูมฟักเหล่านักเตะดาวรุ่ง ในที่สุด อัซซูร์รี่ ก็สามารถกลับคืนสู่ เซเรีย อา ได้อีกครั้งหลังเข้าป้ายในอันดับที่ 4 ในฤดูกาล 2001-02
2004 – ครั้งนี้พวกเขาอยู่ในลีกสูงสุดได้ 2 ปีก่อนจะร่วงตกชั้นลงไปอีกครั้งเมื่อจบฤดูกาล 2003-04 ด้วยอันดับรองบ๊วย
2005 – แต่คราวนี้ เอ็มโปลี สามารถเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วหลังคว้าแชมป์ เซเรีย บี ซีซั่น 2004-05 ได้สำเร็จ
2006 – แม้ในทีแรกทีมจะจบฤดูกาล 2005-06 ในอันดับที่ 10 แต่จากผลพวงของคดีทุจริตอื้อฉาว “กัลโช่โปลี” ก็ทำให้พวกเขามีอันดับขยับขึ้นจนได้โควตาไปลงเตะรอบคัดเลือก ยูฟ่า คัพ แต่สุดท้ายทีมก็ไม่ได้ลงแข่งขันในถ้วยยุโรปเนื่องจากติดปัญหาในการยื่นเอกสารให้กับทาง ยูฟ่า
2007 – ในที่สุด เอ็มโปลี ก็มีโอกาสได้ลงเล่นใน ยูฟ่า คัพ สมดั่งใจ เมื่อจบในอันดับที่ 7 ในซีซั่นถัดมาและทำเรื่องเอกสารผ่านเป็นที่เรียบร้อย
2008 – จากความพยายามที่จะสร้างชื่อในเวทียุโรป ทำให้สโมสรตัดสินใจดึงตัวสตาร์ดาวรุ่งใน เซเรีย อา เข้ามาเสริมทีมมากมายทั้ง รินคอน จาก อินเตอร์ มิลาน, อิกนาซิโอ อาบาเต้ และ ลิโน่ มาร์ซอราติ จาก เอซี มิลาน, เซบาสเตียน โจวินโก้, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ และ เรจ์ โวลปาโต้ จาก ยูเวนตุส แต่ทีมกลับกระเด็นตกรอบไปอย่างรวดเร็วหลังพ่ายให้กับ เอฟซี ซูริค ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-2 ในขณะที่ผลงานในลีกก็ไม่ค่อยสู้ดีเช่นกัน แม้จะมีการปลด ลุยจิ คานญี่ กุนซือที่ช่วยกรุยทางสู่ ยูฟ่า คัพ มาเป็น อัลแบร์โต้ มาเลซานี่ แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น และแม้จะมีการดึงตัว คานญี่ กลับมาอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคมแต่ก็ไม่ทันการเมื่อสุดท้ายทีมจอดป้ายในอันดับที่ 18 และตกชั้นลงสู่ เซเรีย บี ไปแบบงงๆ
2009 – ซิลวิโอ บัลดินี่ ก้าวเข้ามารับตำแหน่งแทน คานญี่ ที่ตัดสินใจลาออกไป แต่เขาก็พาทีมได้แค่เกือบจะเลื่อนชั้นขึ้นมาเมื่อดันไปพ่ายให้กับ เบรสชา ด้วยผลรวม 4-1 ในเกมเพลย์ออฟ
2012 – หลังการปลด บัลดินี่ ที่ไม่สามารถพาทีมกลับขึ้นไปได้ เอ็มโปลี สับเปลี่ยนหมุนเวียนเฮดโค้ชไปอีกถึง 4 รายจนกระทั่งฤดูกาล 2011-12 ที่ทีมอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมต่อการตกชั้นหลังอยู่ในอันดับที่ 18 ซึ่งก็ทำให้พวกเขาต้องไปเล่นเกมเพลย์ออฟเพื่อเอาตัวรอดกับ วิเซนซ่า ซึ่งหลังจากเกมแรกจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ ในนัดถัดมา วิเซนซ่า ก็กุมความได้เปรียบเมื่อเป็นฝ่ายออกนำไปก่อนถึง 2-0 ในขณะที่ยังเหลือเวลาอีก 30 นาที แต่แล้วจากการทำ 2 ประตูภายใน 2 นาที ก็ทำให้ อัซซูร์รี่ ตามตีเสมอได้ก่อนที่ มัสซิโม่ มัคคาโรเน่ จะกลายเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยในนาทีที่ 90+4 และช่วยเซฟให้ทีมยังคงอยู่รอดปลอดภัยใน เซเรีย บี
2013 – ทีมสามารถพลิกฟอร์มกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นในซีซั่นถัดมา ก่อนจะจบในอันดับที่ 4 และมีลุ้นที่จะได้เลื่อนชั้นจากการลงเตะเกมเพลย์ออฟนัดชิงกับ ลิวอร์โน่ แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 2-1
2014 – พวกเขาสามารถเลื่อนชั้นกลับสู่ เซเรีย อา ได้สำเร็จเมื่อเป็นฝ่ายคว้าอันดับที่ 2 รองจาก ปาแลร์โม่ หลังจบฤดูกาล 2013-14
2017 – หลังประคองตัวอยู่ในลีกสูงสุดได้ใน 2 ปีแรกจนมาถึงเกมนัดปิดฤดูกาล 2016-17 ที่ เอ็มโปลี มีแต้มนำหน้า โครโตเน่ ที่อยู่ในโซนตกชั้น 1 คะแนน แต่ทว่าพวกเขากลับเป็นฝ่ายที่ต้องร่วงลงสู่ เซเรีย บี หลังพ่ายแพ้ให้กับ ปาแลร์โม่ ในขณะที่ โครโตเน่ กลับฮึดเอาชนะ ลาซิโอ ได้ถึง 3-1
2018 – ทีมปิดฤดูกาล 2017-18 ด้วยการเข้าป้ายเป็นที่ 1 โดยทิ้งห่าง ปาร์ม่า ทีมอันดับ 2 ไปไกลถึง 13 คะแนน และเลื่อนชั้นกลับคืนสู่ เซเรีย อา ได้อย่างรวดเร็ว
เอ็มโปลี 2018