บุสเกตส์ แม้จะถูกลดบทบาทกับ บาร์ซ่า แต่ก็ยังเป็นคนสำคัญของสเปน

บุสเกตส์ แม้จะถูกลดบทบาทกับ บาร์ซ่า แต่ก็ยังเป็นคนสำคัญ

โรแบร์โต โมเรโน่ ผู้จัดการทีมชาติสเปนประกาศรายชื่อทีมของเขาเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมาในเกมที่พบกับนอร์เวย์ และสวีเดน แต่มันน่าตกใจ คือกุนซือ “กระทิงดุ” เรียกตัวผู้เล่นจาก บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา มาติดทีมเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือ เซร์คิโอ บุสเกตส์ ห้องเครื่อง “เจ้าบุญทุ่ม”

แน่นอนว่า ในช่วงที่ผ่านมา นักเตะของ บาร์เซโลน่า เป็นแกนหลักของทีมชาติสเปนมาโดยตลอด และพวกเขาเคยติดทีมชาติพร้อมกันหลายคน อาทิ บิคตอร์ บัลเดส,การ์เลส ปูโยล,ชายี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสตา, เปโดร, เซอร์จิโอ โรแบร์โต้, ฆอร์ดี้ อัลบา และ เคราร์ด ปิเก้

อย่างไรก็ตาม ในทีมชาติสเปนชุดล่าสุดกลับมีชื่อของ บุสเกตส์ เพียงคนเดียว และมันก็เป็นเหมือนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอาชีพของ ดาวเตะวัย 31 ปี ด้วยเช่นกัน รวมถึงยังเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเป็นเวลาแห่งผู้เล่นสายเลือดใหม่แห่งทัพ “กระทิงดุ” .

บุสเกตส์ กลายเป็นกำลังหลักในแดนกลางของ บาร์เซโลน่า มาโดยตลอดนับตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่ทีมชุดแรกในปี 2008 ซึ่งเป็นยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่ในยุคของ เอร์เนสโต บัลเบร์เด้ กุนซือคนปัจจุบันนั้น บุสเกตส์ โดนดร็อปไปแล้ว 3 เกม และเขาเป็นเพียงผู้เล่นอันดับ 8 จาก 11 คน ของ “เจ้าบุญทุ่ม” ที่ได้ลงสนามมากที่สุดในลา ลีกา และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ในเกมที่ บาร์เซโลน่า พลิกกับมาชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-1 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 9 ตุลาคมผ่านมานั้น บุสเกตส์ โดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 53 และ อาร์ตูโร่ วิดัล ลงมาทำหน้าที่แทน ซึ่งดาวเตะชิลี เป็นคนแอสซิสต์ให้กับ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกชาวอุรุกวัย ทำประตูตีเสมอ

การที่ วิดัล ลงมาแทน บุสเกตส์ นั้น มันทำให้จังหวะการเล่นของ บาร์เซโลน่า เปลี่ยนไปมีความกระตือรือร้นมากขึ้น และเขาเปลี่ยนรูปแบบของเกมอย่างแนบเนียน โดยดาวเตะชาวชิลี วัย 32 ปี กำลังอยู่ในช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง แต่ทัศนคติ, ร่างกาย, ความเป็นนักกีฬา, ความก้าวร้าว, การไล่กดดันคู่แข่ง และจังหวะของพวกเขานั้น แสดงให้เห็นถึงการเป็นนักเตะระดับท็อปให้กับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่าง บาร์ซ่า

บางสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลง บัลเบร์เด้ สูญเสียความเชื่อมั่นในตัว บุสเกตส์ หรือไม่ ในเกมลีกที่ บาร์เซโลน่า บุกไปพ่าย กรานาด้า 2-0 และเกมล่าสุดที่เปิดรังคัมป์ นู ถล่ม เซบีย่า 4-0 นั้น บุสเกตส์ มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรอง และไม่ได้ลงสนาม

การสูญเสียความเชื่อมั่นใน บุสเกตส์ ของ บัลเบร์เด้ นั้น เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างมาก ในฤดูกาลที่แล้วขณะที่ บาร์ซ่า คว้าแชมป์ลา ลีกา เป็นครั้งที่ 8 นับตั้งแต่ บุสเกตส์ เข้ามาสู่ทีมชุดแรกของ “เจ้าบุญทุ่ม” เมื่อ 11 ปีก่อน

บัลเบร์เด้ ใช้ดาวเตะ “กระทิงดุ” เป็นห้องเครื่องในแดนกลางของ บาร์ซ่า ทุกๆเกมตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงกลางเดือนเมษายน ก่อนที่เขาจะได้พักในเกมกับ อวยส์ก้า เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมในการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ในฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากแชมป์ลา ลีกา แล้ว บาร์เซโลน่า ได้เข้าชิงฯในศึกโคปา เดล เรย์ แต่ก็ต้องพ่ายให้กับ บาเลนเซีย 1-2 โดยเกมนั้น บุสเกตส์ ก็ได้ลงสนามด้วย แต่ในเกมลีกตลอดทั้งซีซั่นที่แล้ว บุสเกตส์ ไม่ได้ลงสนาม 3 เกม “เจ้าบุญทุ่ม” ก็ไม่สามารถเก็บ 3 แต้มได้เลย

จากนั้น ความพ่ายแพ้ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองฯ ที่แอนฟิลด์ ต่อ ลิเวอร์พูล 4-0 นั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บัลเบร์เด้ ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการจับคู่กันในแดนกลางของ บุสเกตส์ และ อิวาน ราคิติช มิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชีย

การแข่งขันส่วนใหญ่ของฤดูกาลที่ผ่านมา ราคิติช จะเป็นพาร์ตเนอร์ให้กับ บุสเกตส์ และเขาเป็นนักแก้ปัญหาที่ดีให้กับ บาร์เซโลน่า อย่างไรก็ตามล่าสุด “เจ้าบุญทุ่ม” แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการปล่อย ดาวเตะโครแอต ออกจากสโมสร และเห็นได้ชัดว่า เมื่อ ราคิติช ไม่ได้อยู่บนสนาม บุสเกตส์ ก็ฟอร์มตกตามไปด้วย

ในช่วงวัยของ บุสเกตส์ การลงสนามติดต่อกันมันอาจไม่เป็นผลดีกับเขา และทีม เมื่อคุณนึกภาพว่า ปิเก้ ซึ่งแก่กว่าเขา 1 ปี อาจรู้สึกโล่งใจอย่างมากที่ได้รับอิสระในการพักหลายวันโดยไม่มีการแข่งขัน หรือซ้อมในช่วงโปรแกรมฟุตบอลทีมชาติ

ปิเก้ อาจใช้เวลาในการล้างสมองจากความเครียดบนสนาม และผ่อนคลายร่างกายของเขา รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการเดินทางนานหลายชั่วโมงบนเครื่องบินและรถไฟ และฟื้นฟูตัวเองให้ทันเวลาสำหรับช่วงเวลาสำคัญ 2-3 เดือนระหว่างนี้ และอาจมีวันหยุดคริสต์มาสสั้นๆ

ดูเหมือนว่ามันจะดีไม่น้อย และมันก็น่าสนใจไม่แพ้กันที่โค้ชของทีมชาติสเปนยังคงเชื่อมั่นในตัว บุสเกตส์ เมื่อ โมเรโน่ ให้เหตุผลว่าเขาเลือกนักเตะจากผลงานปัจจุบัน โดยระบุว่า “ผมเชื่อว่า ผู้เล่นที่ได้อยู่ในทีมนี้เพราะสิ่งที่พวกเขาทำบนสนาม ไม่ใช่ว่า เพราะพวกเขาเป็นใคร หรือมาจากสโมสรใด”

คำพูดของ โมเรโน่ มันเป็นความยุติธรรมอย่างสมบูรณ์ แต่แน่นอน เราได้พิสูจน์แล้วว่า ตั้งแต่การพักเบรคโปรแกรมฟุตบอลทีมชาติครั้งล่าสุดนั้น บุสเกตส์ ไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอเหมือนอย่างที่เขาเคยเป็นตัวหลักของ บาร์เซโลน่า ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้

บุสเกตส์ ไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ

หากเปรียบเทียบกับ ดานี ปาเรโฆ่ กองกลางกัปตันทีม บาเลนเซีย ที่ได้ลงเล่นในรอบคัดเลือกศึกยูโร 2020 มาแล้ว และทำไป 2 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ นั้น ดาวเตะ “ไอ้ค้างคาว” ฟอร์มดีกว่า บุสเกตส์ อย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม ในรายชื่อทีมชาติสเปนชุดล่าสุดนั้น ปาเรโฆ่ ก็ไม่ติดทีม ขณะที่ อัลวาโร โมราต้า หัวหอก ของ แอตเลติโก้ มาดริด ซึ่งกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว ก็ยังถูกตัดออกจากทีมเช่นกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ดาวยิง “ตราหมี” เป็นตัวหลักในแนวรุกมาตลอด

คอลัมน์นี้ไม่เกี่ยวกับ ปาเรโฆ่ หรือ โมราต้า แต่พวกเขาแสดงให้เห็นว่าสำหรับ โมเรโน่ แล้วนั้น บุสเกตส์ ยังคงเป็นคนพิเศษ ไม่ว่าเขาจะโดนดร็อปที่ บาร์เซโลน่า หรือฟอร์มการเล่นตกลง กองกลาง “เจ้าบุญทุ่ม” ยังคงมีโอกาสกับทีมชาติสเปนอยู่เสมอ

โมเรโน่ ต้องการผู้เล่นที่เป็นมันสมองในแดนกลางเพื่อรับมือกับการเพรสซิ่งของนอร์เวย์ และสวีเดน ซึ่งเป็นสิ่งที่ บัลเบร์เด้ ไม่เชื่อใจให้ บุสเกตส์ ทำหน้าที่ตรงนั้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปในเกมที่ บาร์เซโลน่า เอาชนะ บียาร์เรอัล ในปี 2008 ซึ่ง บัลเบร์เด้ ยังเป็นโค้ชให้กับ “เรือดำน้ำสีเหลือง” ถูกขอให้ประเมินฟอร์มของ บุสเกตส์ หลังจบเกม เขาระบุว่า “เขามีความมั่นใจในตัวเอง และเขารู้ดีว่าจะต้องทำอะไรในทุกสถานการณ์ เขาเพิ่มความสมดุล และควบคุมแดนกลางของ บาร์เซโลน่า ได้อย่างยอดเยี่ยม”

แต่เมื่อ บัลเบร์เด้ ถูกถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัว วิดัล ลงมาแทน บุสเกตส์ ในเกมกับ อินเตอร์ เขาตอบว่า “วิดัล นำความดุดันและความกระตือรือร้นที่เราต้องการมาสู่สนาม ถ้าเราต้องการการควบคุมเกม และครอบครองบอล เรามีนักเตะอย่าง อาเธอร์ และ แฟรงค์กี้ เดอ ยอง”

จากคำสัมภาษณ์ของ บัลเบร์เด้ ไม่มีการกล่าวถึง บุสเกตส์ แต่อย่างใด ทั้งในเรื่องของการควบคุมและการครอบครองบอล มันเป็นสิ่งที่เราคิดไม่ถึงหากมองย้อนกลับไปในช่วง 2-3 ซีซั่นที่ผ่านมา

สไตล์ฟุตบอลที่เน้นการครอบครองบอลมักอยู่ในทีมที่ชอบเล่นเกมรุกทั่วยุโรป อาทิ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ กวาร์ดิโอล่า, เชลซี ในยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือชาวอิตาลี และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า โค้ชชาวอาร์เจนตินา

เรากำลังพยายามหาว่า สูตรที่ทำให้ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์มามากมายนั้น ยั่งยืนหรือไม่ หากไม่มีผู้ครอบครองบอลอย่าง ชาบี้ และ อิเนียสตา อย่างไรก็ตาม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ ยูเวนตุส ก็เคยเอาชนะ บาร์เซโลน่า มาแล้วเช่นกัน

เปแอสเช และ ยูเวนตุส เป็นทีมที่มีนักเตะตัวใหญ่กว่า เร็วกว่า อัดแน่นไปด้วยความแข็งแกร่ง ไม่ขาดความเป็นเลิศทางเทคนิค และมีสมาธิในเกมตลอดเวลา แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เล่นฟุตบอลในแบบฉบับของ บาร์เซโลน่า

บุสเกตส์ เป็นนักเตะที่มีสไตล์ใกล้เคียงที่สุดกับ กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของทีมในยุค โยฮัน ครัฟฟ์ ยอดกุนซือขาวดัตช์ ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เขามีความคิดที่ ทักษะ เทคนิค และวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน รวมไปถึงความกล้าหาญในการเล่นกับลูกบอล

กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจเดินออกจากถิ่นคัมป์ นู เพราะเขาเบื่อหน่าย และต้องการแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในอาชีพนักฟุตบอลของตัวเอง เมื่อเขาอายุ 30 ปี ในขณะที่ บุสเกตส์ ยังเป็นเหมือนไอคอนของ บาร์เซโลน่า จนถึงเวลานี้

กวาร์ดิโอล่า เคยกล่าวว่า “ผมคิดว่าผู้เล่นอย่างผมได้สูญพันธุ์ไปแล้ว เนื่องจากเกมฟุตบอลยุคนี้ ใช้แท็คติค และใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพมากขึ้นกว่าที่ผู้เล่นในสโมสรส่วนใหญ่จะได้รับบทบาท และความคิดสร้างสรรค์”

“ทุกวันนี้หากคุณต้องการเล่นเป็นกองกลางตัวรับด้านหน้ากองหลัง 4 คน คุณต้องตัดบอลมาให้ได้ และถ้าตอนนี้ผมเป็นดาวรุ่งอายุ 20 ปี ที่ บาร์เซโลน่า ผมคงไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนที่เคยเป็น บางทีผมอาจไปเล่นในดิวิชั่น 3 ที่ไหนสักแห่ง”

สถานการณ์ของ บุสเกตส์ ใน บาร์เซโลน่า อาจไม่สู้ดีนัก อาเธอร์ และ เดอ ยอง กำลังก้าวขึ้นมา แต่บางครั้ง เขาก็ยังสามารถมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อ “เจ้าบุญทุ่ม” ได้ในเกมที่เหมาะสม การครอบครองบอล และคุมจังหวะของเขายังคงมีประโยชน์

วันหนึ่งข้างหน้า ชาบี้ อาจจะเป็นผู้จัดการทีม บาร์เซโลน่า และ บุสเกตส์ อาจได้เป็นผู้ช่วยของเขา นั่นคือ ระบบ 4-3-3 กับตำแหน่งการครอบครอง และการควบคุมเกมจะเป็นเวทมนต์ที่ไม่สามารถแตะต้องได้ที่ คัมป์ นู อีกครั้ง

สถานการณ์ของ บุสเกตส์ ใน บาร์เซโลน่า