บัลเบร์เด้ จะรอดจากการโดนปลดจากตำแหน่งกุนซือ บาร์ซ่า หรือไม่

บัลเบร์เด้ จะรอดจากการโดนปลดจากตำแหน่งกุนซือ บาร์ซ่า หรือไม่

ในเกมลีกเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา หากคุณเห็นโปรแกรมการเดินทางของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน ไปเยือนที่ กรานาด้า คุณอาจคาดการณ์ได้ดีว่า ใครจะเป็นฝ่ายเก็บ 3 แต้มไปครองได้สำเร็จ ซึ่งคงหนีไม่พ้น “เจ้าบุญทุ่ม”

แต่ทุกสิ่งกับตรงกันข้าม หลังจากที่ กรานาด้า โชว์ฟอร์มเหนือความคาดหมายด้วยการเอาชนะ บาร์เซโลน่า ไปได้อย่างสบาย 2-0 พร้อมกับปล่อยให้ “เจ้าบุญทุ่ม” จมอยู่ในอันดับ 8 ของตารางคะแนนลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ โดยมีเพียง 7 แต้ม จาก 5 เกม

มันเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดของ บาร์เซโลน่า ในรอบ 25 ปี แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผลลัพธ์จากการทำงานที่น่าผิดหวังของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กุนซือ “เจ้าบุญทุ่ม” หลังจากที่เขาไม่สามารถพาลูกทีมสร้างผลงานได้ตามที่แฟนบอลคาดหวังเอาไว้

เกิดอะไรขึ้นกับ บาร์เซโลน่า และพวกเขาจะทำอะไรต่อไปในวิกฤตช่วงต้นฤดูกาลอย่างเต็มตัวที่ คัมป์ นู สิ่งแรกที่ควรทราบเกี่ยวกับรูปแบบการเล่นที่ไม่ดีของ “เจ้าบุญทุ่ม” คือ ปัญหาของพวกเขาถูกปกปิดไว้มาหลายเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกไปเป็นทีมเยือน

คัมป์ นู นั้น ยังคงเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง บาร์เซโลน่า ที่ชนะเกมเหย้า 12 เกมล่าสุด และแพ้แค่ 2 นัดเท่านั้น นับตั้งแต่ บัลเบร์เด้ เข้ามาทำหน้าที่เทรนเนอร์เมื่อปี 2017 อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังนักเตะ “เจ้าบุญทุ่ม” โชว์ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานอยู่หลายนัดจนน่าแปลกใจ

ลูกทีมของ บัลเบร์เด้ ไม่ชนะในการเล่นเป็นทีมเยือนติดต่อกันนานถึง 8 เกม รวมถึงนัดล่าสุดที่พ่าย กรานาด้า อีกด้วย ขณะที่ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พลพรรค “เจ้าบุญทุ่ม” โชคดีอย่างยิ่งที่บุกไปยันเสมอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ 0-0 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา จากฟอร์มการเซฟประตูของ มาร์ค อังเดร แตร์ สเตเก้น นายทวารชาวเยอรมัน

หลังจากพ่ายแพ้ในเกมวันเสาร์ ต่อ กรานาด้า บัลเบร์เด้ กล่าวว่า “ผมเป็นห่วงเกมนอกบ้านของเราอย่างมาก เราไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีนัก และเมื่อมันเกิดขึ้น 2-3 เกมติดต่อกันเช่นตอนนี้ มันเป็นอาการของทีมที่ฟอร์มตก เราไม่ดีมีเกมที่ดีนัก”

ด้วยเหตุผลหลายประการ เมื่อใดก็ตามที่ บาร์เซโลน่า ออกไปเป็นทีมเยือน และอยู่ห่างจากความเคยชินในสภาพแวดล้อมของตัวเอง เขาพวกเขาดูอึดอัด ดังนั้นเหตุผลเหล่านั้นคืออะไร การเตรียมตัวไม่ดี นักเตะบาดเจ็บ หรือปัญหาในการป้องกัน

ผู้เล่น บาร์เซโลน่า หลายคนพลาดช่วงพรีซีซั่น เนื่องจากการเข้าร่วมแข่งขันในศึกโคปา อเมริกา ในขณะที่นักเตะแกนหลักที่เหลือต้องลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องในเชิงธุรกิจ ซึ่งต้องตระเวนไปแข่งถึง 3 ทวีป ในรอบ 13 วัน

บางทีอาจเป็นผลให้นักเตะ บาร์ซ่า ได้รับบาดเจ็บหลายครั้งตั้งแต่เริ่มซีซั่นอย่างจริงจัง ในเกมนัดเปิดฤดูกาลที่บุกไปพ่าย แอธเลติก บิลเบา นั้น ลิโอเนล เมสซี่ จอมทัพตัวเก่ง ได้รับบาดเจ็บหมดสิทธิ์ลงสนาม แม้จะมีผู้เล่นอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงอุรุกวัย และ อุสมาน เดมเบเล่ ปีกชาวฝรั่งเศส ลงเป็นตัวจริงในแนวรุกก็ตาม

ดังนั้น บัลเบร์เด้ จึงถูกบังคับให้ต้องสับเปลี่ยนผู้เล่นซ้ำๆ และนักเตะหลายคนถูกส่งลงเล่นในตำแหน่งที่หลากหลาย ส่วนนักเตะใหม่อย่าง อองตวน กรีซมันน์ หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส และ แฟรงค์กี้ เดอ ยอง กองกลางชาวดัตช์ เหมือนถูกซื้อเข้ามาทับตำแหน่งนักเตะเก่าที่อยู่ในทีม ซึ่งแทบจะไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา

นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าสนใจคือ ข่าวลือเกี่ยวกับการคว้าตัว เนย์ม่าร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กลับมาเล่นในถิ่นคัมป์ นู อีกครั้ง ซึ่งข่าวดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งวันกำหนดเส้นตายของตลาดนักเตะสเปนในต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนในทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” ไขว้เขวอย่างหนัก

บรรดานักเตะอย่าง เดมเบเล่, ซามูเอล อุมติตี้ กองหลังเฟรนช์แมน, เนลสัน เซเมโด แบ็คขาวทีมชาติโปรตุเกส และ อิวาน ราคิติช กองกลางโครแอต ต่างถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในข้อเสนอซื้อตัว เนย์ม่าร์ แต่สุดท้ายการย้ายทีมไม่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน เมสซี่ กำลังเผชิญกับข้อกล่าวหา ซึ่งคล้ายกับที่เขาเผชิญอยู่เป็นประจำว่า เขามีอิทธิพลเหนือโค้ชในการเลือกทีม และลำดับนักเตะตัวจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาต้องการให้ ซัวเรซ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาลงสนามด้วยกันทุกเกมเหมือนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

พลังที่มากเกินไปที่มอบให้กับ เมสซี่

พลังที่มากเกินไปที่มอบให้กับ เมสซี่ นั้น อาจไม่ได้รับการนึกถึง มันเป็นผลข้างเคียงโดยธรรมชาติของความคาดหวังที่วางอยู่บนไหล่ของเขา และมันยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับความคิดที่ว่า ดาวเตะอาร์เจนตินา อยู่เหนือผู้จัดการทีมอย่าง บัลเบร์เด้

ปัญหาทางแท็คติกก็เป็นส่วนหนึ่ง และมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทีมที่มีคุณภาพเชิงลึก และคุณภาพฝีเท้านักเตะอย่าง บาร์เซโลน่า ยังคงเกินความสามารถในการเอาชนะคู่ต่อสู้อย่าง เออิบาร์, โอซาซูน่า และ กรานาด้า หรือไม่

สำหรับแฟนบอลหลายคนความจริงที่ว่า บาร์เซโลน่า ล้มเหลวในการทำเช่นนั้น สามารถถูกตำหนิได้อย่างเป็นธรรม และตรงตามแนวทางทางแท็คติกที่ บัลเบร์เด้ ใช้ ซึ่งตำแหน่งของเขาตกอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากที่ล้มเหลวในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ปีติดต่อกัน

บัลเบร์เด้ ถูกกล่าวหาว่าเป็นโค้ชที่ระมัดระวังมากเกินไป และสำคัญที่สุดคือ เขาทำทีมเพื่อหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ในลักษณะที่ห่างไกลจากหลักการเล่นบอลที่ บาร์ซ่า เป็นมาตั้งแต่สมัย โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานกุนซือชาวดัตช์

หลักการโจมตีของ บัลเบร์เด้ นั้น นักวิจารณ์มองว่า เขาวางทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่เท้าของ เมสซี่ เพียงคนเดียว มันเป็นการเชื่อมั่นในตัว ดาวเตะวัย 32 ปีเกินไป ซึ่งสื่อมวลชนสเปนมองว่า มันเป็นปัญหาของ บาร์ซ่า แน่นอน หาก เมสซี่ ไม่สามารถลงสนามได้

บางทีความกังวลมากขึ้นก็คือ ตอนนี้ บาร์ซ่า มีสถิติการป้องกันที่เลวร้ายที่สุดในลา ลีกา โดยเสียไป 9 ลูก จาก 5 เกม ของพวกเขา แม้แต่เกมในบ้านที่พวกเขาชนะด้วยสกอร์ 5-2 กับทั้ง เรอัล เบติส และ บาเลนเซีย ก็ตาม

การเสียประตูมากมายเช่นนั้น ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างชัดเจนจากมุมมองของการป้องกัน และมันชัดเจนอย่างยิ่งว่า ในแนวรับของ บาร์ซ่า มีพื้นที่มากมายให้คู่ต่อสู้สร้างโอกาสทำประตูยกตัวอย่างในเกมกับ กรานาด้า เป็นต้น

บัลเบร์เด้ แสดงให้เห็นถึงความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับกองกลาง 3 คนของเขา ซึ่งเราเห็นได้จากการที่เขาใช้นักเตะแตกต่างกันถึง 4 เกม จาก 6 นัดหลังสุด และพยายามเปลี่ยนตัวสำรองอยู่หลายครั้ง มันหมายความว่า เขายังหาจุดที่ลงตัวไม่ได้

ความล้มเหลวเหล่านั้น ได้สร้างบางสิ่งบางอย่างที่ว่างเปล่า ซึ่งนำไปสู่การขาดการสนับสนุนอย่างเพียงพอต่อแนวรับ 4 คน และการไร้ความสามารถในการจัดหาโอกาสที่จะโจมตีด้วยการสร้างสรรค์บอลจากแดนกลางอีกเช่นกัน

ขณะเดียวกัน นักเตะในตำแหน่งกองกลางที่ถูกเลือกโดย บัลเบร์เด้ ยังคงต้องแสดงประสิทธิภาพออกมา เพราะมันเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดที่ กุนซือ บาร์ซ่า ต้องแก้ไข และมันเป็นสิ่งที่เขายังคงทำไม่สำเร็จจนถึงตอนนี้

บัลเบร์เด้ อยู่บนความเสี่ยงหรือไม่ การเริ่มต้นฤดูกาลที่ไม่ดีของ บาร์ซ่า ในปีนี้ และเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมในปีที่ผ่านมา ยังคงทำให้ โค้ชวัย 55 ปี ตกอยู่ในความกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเขาก็ยอมรับหลังจบเกมที่แพ้ กรานาด้า ว่าตัวเองต้องรับผิดชอบต่อฟอร์มของทีม

ปัจจัยสำคัญสองประการที่ยังคงทำให้ บัลเบร์เด้ ได้อยู่ในตำแหน่งกุนซือ บาร์ซ่า ต่อไป คือ ประการแรกเขายังเชื่อว่าตัวเองจะได้รับการสนับสนุนจาก เมสซี่ และประการที่สอง เขายังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนบอล

แม้ว่าในโลกโซเชียลมีเดียจะหันมาต่อต้าน บัลเบร์เด้ อย่างดุเดือด โดยการพูดถึงชื่อของเขาใน Twitter นั้น ตามมาด้วยคำว่าออกไป แต่ก็แทบจะไม่เกิดความขุ่นเคืองใดๆ ต่อเขาที่คัมป์ นู อาจเป็นผลมาจากแฟนๆ ในสนามที่ยังให้โอกาสเขาในการพาทีมกลับมาสู่ฟอร์มที่ดีอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว บางทีความอดทนกำลังหมดลง และมันจะเป็นที่น่าสนใจที่ได้เห็นปฏิกิริยาที่ บัลเบร์เด้ ได้รับจากแฟนบอลในเกมลีกคืนวันอังคารที่ บาร์ซ่า จะเปิดคัมป์ นู รับการมาเยือนของ บียาร์เรอัล

หากสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้น มีหลายสิ่งที่อาจเป็นไปได้ กุนซือที่ว่างอยู่ในปัจจุบัน อาทิ โชเซ่ มูรินโญ่, โรล็อง บล็องก์ และ มัสซีมีเลียโน อัลเลกรี ต่างก็พร้อมจะรับงานอยู่แล้ว ขณะที่ โรนัลด์ คูมัน โค้ชทีมชาติออลแลนด์ และเป็นอดีตนักเตะ บาร์ซ่า ก็อยู่ในข่ายเช่นกัน

สุดท้ายหาก บัลเบร์เด้ โดนปลดจริง ชื่อของ ชาบี เอร์นานเดซ อดีตตำนานจอมทัพ บาร์ซ่า ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นกับการเป็นกุนซือ ก็น่าสนใจเช่นกัน แต่ในบางประเด็นคำถามเดียวก็คือ ตอนนี้จะเร็วเกินไปสำหรับ อดีตดาวเตะ “เจ้าบุญทุ่ม” หรือไม่

บัลเบร์เด้ โดนปลดจริง ชื่อ