เพราะอะไรนักเตะสารประโยชน์ถึงชอบนั่งสำรอง !

เพราะอะไรนักเตะสารประโยชน์ถึงชอบนั่งสำรอง

คุณเคยได้ยินเรื่องราวของนักเตะจำพวกที่สามารถทำได้ทุกอย่างตามที่โค้ชสั่งได้หรือไม่ นักเตะประเภทนี้ต่อให้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองไม่เคยเล่น ไม่เคยลิ้มลองมาก่อนในชีวิตก็ไม่มีปัญหา พวกเขาพร้อมเสียสละเพื่อทีมเสมอ จะเล่นดีเล่นแย่ยังไงก็ไม่ว่า ขอให้ลงไปช่วยทีมได้ก็พอ จนไปๆมาๆ พวกเขาก็เริ่มปรับตัวเข้ากับแผนการเล่นที่หลากหลายได้ แถมยังเล่นได้มากมายมากกว่า 2 ตำแหน่งด้วยซ้ำแต่กระนั้นแล้ว นักเตะเหล่านี้กลับมีสถิติในการลงสนามที่น้อยนิดไปด้วยนั่นเอง เพราะอะไรที่เหล่าแข้งจำพวก “สารพัดประโยชน์” ถึงมักจะโดนมองว่าเป็นแค่แข้งสำรอง !

สารพัดประโยชน์มากเกินไป ก็ควรเก็บไว้เป็นอะไหล่

นักเตะสารพัดประโยชน์ในอดีตเช่น เคร็ก จอห์นสตัน ตำนานแข้งออสซี่ของ ลิเวอร์พูล ในยุค 80 แม้ว่าเจ้าตัวจะเอ่ยปากบอกอยู่ว่าเขาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์เป็นหลัก แต่ว่าโดยรวมแล้วนั้น จอห์นสตัน ไม่ได้ลงเล่นในบทบาทมิดฟิลด์มากเท่าไหร่นัก แต่เขามักจะนั่งสำรองและรอลงไปช่วยพลิกเกมมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นตอนเพื่อนร่วมทีมบาดเจ็บหรือว่าโค้ชต้องการที่จะเปลี่ยนแทคติกบางอย่างกลางเกม และการที่พวกเขาจะส่งนักเตะสไตล์ไดนามิกที่สามารถยืดหยุ่นการเล่นได้แบบ จอห์นสตัน ลงไปช่วยทีมตอนที่ต้องเปลี่ยนแผน น่าจะดีซะกว่า เพราะหากมีการปรับเปลี่ยนแผนกลางคันเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างเกม นักเตะแบบจอห์นสตัน ก็สาสามารถปรับบทบาทตัวเองไปเล่นในตำแหน่งอื่นได้แค่นี้ก็เห็นชัดเจนแล้วว่า นักเตะแบบนี้ส่วนใหญ่นั้นโค้ชมักจะเก็บไว้เป็นตัวสำรองไว้ช่วยยืดหยุ่นแผนการเล่นซะมากกว่า

กรณีนักเตะบาดเจ็บและตัวสำรองไม่พอ

กรณีนักเตะบาดเจ็บและตัวสำรองไม่พอ

บางครั้งในแต่ละเกม โค้ชก็ไม่สามารถใส่ชื่อตัวสำรองลงไปได้เพียงพอเท่าไหร่นัก อย่างเช่นบางเกม โค้ชไม่ได้มีการใส่นักเตะตำแหน่งฟูลแบ็กลงไปในตัวสำรองเลยแม้แต่คนเดียว เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีการบาดเจ็บของฟูลแบ็กตัวจริงในสนามเกิดขึ้น และครั้นจะถอย “ปีก” ลงไปเล่นเป็นฟูลแบ็กที่ต้องเล่นเกมรับด้วยนั้น มันอาจจะลดทอนประสิทธิภาพในเกมรุกลงไปแต่กลับกัน ถ้าในซุ้มม้านั่งสำรองที่ไม่มีฟูลแบ็กตัวสำรอง แต่มีนักเตะประเภท “สารพัดประโยชน์” ที่พร้อมลงเล่นเพื่อช่วยทีมในทุกตำแหน่ง จะให้เล่นตรงไหนก็เอา พร้อมรบ โค้ชก็สามารถติวแทคติกเพิ่มเติมได้ก่อนส่งลงสนาม และนักเตะประเภทนี้เราก็เห็นมาแล้วกับ ลูคัส บาซเกวซ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ของ เรอัล มาดริด ที่โดนส่งลงเล่นเป็นแบ็กขวาบ้าง แบ็กซ้ายบ้าง หรือตำแหน่งในแนวรับสารพัดประเภทมาแล้ว (แม้ว่าผลงานจะไม่ได้ยอดเยี่ยมจนน่าชื่นชมก็ตาม)การสแตนด์บายนักเตะสไตล์นี้ไว้ข้างสนาม เลยเป็นสิ่งที่โค้ชเลือกจะทำมากกว่าจะส่งลงเล่น

แข้งสารพัดประโยชน์โดยมาก ฟอร์มการเล่นจะไปไม่สุดสักตำแหน่ง

แข้งสารพัดประโยชน์โดยมาก ฟอร์มการเล่นจะไปไม่สุดสักตำแหน่ง

ว่ากันว่านักเตะระดับตัวจริงนั้นโดยส่วนมาก พวกเขาจะเล่นในตำแหน่งอื่นนอกจากตำแหน่งหลักของตัวเองได้ไม่เกิน 1-2 ตำแหน่ง อย่างเช่นคนที่เล่นเป็น เพลย์เมกเกอร์ หรือ มิดฟิลด์ตัวรุกที่ยืนสูงจนเกือบจะใกล้เคียงกับไลน์กองหน้าอยู่แล้ว ถ้าหากว่ามีการปรับเปลี่ยนแผนให้มี “หน้าต่ำ” หรือตัว “ฟอลส์ไนน์” ผู้เล่มิดฟิลด์ตัวรุกที่ทักษะสูงๆ สามารถเอาตัวรอดเก่งๆ ก็สามารถดันตัวเองขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวต่ำได้แต่ในกลุ่มนักเตะสารพัดประโยชน์ เพราะความที่เขาเล่นได้ทุกตำแหน่งตั้งแต่แนวรับยันแนวรุก ไปได้ทุกจุด มันเลยทำให้การฝึกซ้อมของพวกเขาไม่ได้ไปสุดในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง พอซ้อมในการเล่นตำแหน่งนี้เสร็จ ก็ต้องไปซ้อมในตำแหน่ง B ตำแหน่ง C ต่อแล้วเพื่อเตรียมความพร้อมได้ทุกเมื่อเปรียบเทียบให้ชัดเจน ถ้าเป็นนักเตะจำพวกหมายเลข 10 พวกเขาก็ต้องซ้อมในด้านการจ่ายบอล การยิงจากแถวสอง การเลี้ยงบอล การเล่นลูกตั้งเตะ หรือทุกสิ่งที่จำเป็นในการไว้ใช้ทำเกมรุกแต่นักเตะจำพวกอย่าง บาซเกวซ พวกนี้ต้องฝึกทั้งการเล่นฟูลแบ็ก ปีก กองหลัง กองกลาง กองหน้า ทุกอย่างต้องเล่นได้หมด และการจะทำให้ได้เต็ม 100% ในทุกตำแหน่ง มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน !