สุดยอดวีรกรรมที่โหดแต่น่าทึ่งของ “ดิเอโก้ มาราโดน่า”

สุดยอดวีรกรรมที่โหดแต่น่าทึ่งของ “ดิเอโก้ มาราโดน่า”

แม้ว่าจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครที่อยากลืมเลือนวีรกรรมอันสุดยอดที่ตัวของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังผู้ยิ่งใหญ่ได้ทิ้งเอาไว้ให้แฟนลูกหนังได้กล่าวขานถึง หรือเล่าให้คนรุ่นต่อไป ได้รู้จักและทึ่งในตำนานของนักเตะคนหนึ่งที่ถนัดเท้าซ้ายข้างเดียว แต่กลับทำผลงานได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ บางทีมถึงขั้นยกย่องให้เขาเป็นพระเจ้า บางทีมที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูกับทีมสังกัดของมาราโดน่ายังลุกขึ้นมาปรบมือให้เกียรติเขาอย่างกึกก้องด้วยซ้ำแล้วมาราโดน่าในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่และค้าแข้งเป็นนักเตะอาชีพ เขามีวีรกรรมอะไรในสนามที่สุดยอดบ้าง !

เดาะบอลโชว์แล้วยิงครึ่งสนาม !

คนมันเทพ จะอยู่ที่ไหน อายุเท่าไหร่ก็ยังเทพ ! โดยมันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยที่ มาราโดน่า ยังเป็นดาวรุ่งที่ค้าแข้งกับทีม อาร์เจนติโนส จูเนียร์ ในบ้านเกิดของเขา หลังจากที่เกมคิ๊กออฟได้แค่ 3-4 วินาทีเท่านั้น มาราโดน่าที่ได้บอลจากการคิ๊กออฟก็โชว์ลีลาใช้เท้าซ้ายเดาะบอล 2-3 ครั้งแล้วจากนั้นก็หวดตูม เส้นครึ่งสนาม ! ส่งบอลลอยละลิ่วเข้าประตูทีมคู่ต่อสู้ไปอย่างสุดสวย !

เลี้ยงโซโล่เข้าไปยิงประตูใส่ เรอัล มาดริด จนได้รับ “สแตนดิ้ง โอเวชั่น”

เลี้ยงโซโล่เข้าไปยิงประตูใส่ เรอัล มาดริด จนได้รับ “สแตนดิ้ง โอเวชั่น”

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่แฟนบอลของทีมคู่อริตลอดกาลของ บาร์เซโลนา อย่างสโมสร “เรอัล มาดริด” จะลุกขึ้นมาให้เกียรติปรบมือในวีรกรรมบนสนามอันยอดเยี่ยมของนักเตะบาร์เซโลนา แต่ว่ามาราโดน่าทำได้  ในศึก “เอล คลาซิโก้” เมื่อปี 1983 ที่สนามเบร์นาเบว ตัวของ มาราโดน่า ได้รังสรรค์ประตูสุดสวยและคลาสสิกสุดๆลูกหนึ่ง นั่นคือจังหวะที่เจ้าตัวพาบอลกระชากและเลี้ยงหนีมือผู้รักษาประตูมาดริดไปแล้ว เหลือแต่ตาข่ายโล่งๆเท่านั้น แต่เขาไม่ยิง และยังรอจังหวะให้กองหลังมาดริดอีกราย พุ่งเข้ามาเพื่อสไลด์ แต่เขาก็ยังคลึงบอลหลอกจนกองหลังรายดังกล่าว “จั่วลม” และจากนั้นเขาก็ยิงหักข้อด้วยซ้ายเข้าไปสบายๆจากจังหวะการยิงประตูสุดเหนือชั้นนี้ทำให้แฟนบอลของฝั่ง เรอัล มาดริด ลุกขึ้นปรบมือให้เกียรติกับการทำประตูอันยอดเยี่ยมของมาราโดน่าทันที

เอาคืนอริเก่านามว่า “กอยโกเชีย”

มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่น่าชื่นชมเท่าไหร่ แต่ครั้งหนึ่ง มาราโดน่า เคยโดนกองหลังแข้งโหดของสโมสรแอธเลติก บิลเบา นามว่า “อันโดนี่ กอยโกเชีย” ทำฟาล์วหนักจนข้อเท้าหักมาแล้วในการเล่นฤดูกาลแรกของเขาให้กับบาร์ซ่า และนั่นก็ทำให้เขาแค้นกอยโกเชีย เป็นที่สุด และในฤดูกาลถัดมา เมื่อมีโอกาสเจอกับ บิลเบา อีกครั้งหนึ่ง  มาราโดน่า ไม่รอช้า เขาอัดหนักใส่ กอยโกเชีย จนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการตะลุมบอนกันอย่างหนักระหว่างนักเตะทั้งสองฝั่งเลยทีเดียว

ลูกฟรีคิกมหัศจรรย์ใส่ “ยูเวนตุส”

ในยุคที่ มาราโดน่า ย้ายไปเล่นให้กับ นาโปลี มันคือช่วงเวลาที่ นาโปลี ต้องห้ำหั่นับโคตรทีมของเซเรียอาในยุคนั้นทั้ง เอซีมิลาน ยูเวนตุส และ อินเตอร์ มิลาน และมีเกมหนึ่งที่ นาโปลี ยังตามหลังยูเวนตุสอยู่ 1-0 และมาได้ฟรีคิกชิดเขตโทษซึ่งยากที่จะยิงข้ามกำแพงเข้าไปได้แต่ผลคือ มาราโดน่า ขอเล่นฟรีคิก2จังหวะและให้เพื่อนเขี่ยบอลเข้ามาให้เขา  ถ้าหากเป็นคนอื่น ก็อาจจะยิงอัดไปเสาไกลเลยเพราะมุมค่อนข้างเปิดกว้าง แต่มาราโดน่ากลับปั่นโค้งย้อยๆ “ข้ามกำแพง” ให้บอลเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดสวยอย่างน่าเหลือเชื่อ และนั่นก็เป็นประตูตีเสมอให้กับนาโปลีทันที

เลี้ยงบอลฝ่าดงเท้านักเตะอังกฤษเข้าไปยิงประตู

เลี้ยงบอลฝ่าดงเท้านักเตะอังกฤษเข้าไปยิงประตู

มันคือประตูที่สวยสุดตลอดกาลในฟุตบอลโลก มาราโดน่า ที่ได้บอลกลางสนาม จัดการเลี้ยงบอลฝ่านักเตะอังกฤษ 5 คนจนพาบอลเข้าไปในเขตโทษได้ และจากนั้นเขาแตะบอลหลบ ปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารทีมชาติอังกฤษได้อีกคนก่อจะแปด้วยซ้ายเสียบตาข่ายโล่งๆเข้าไป มันคือประตูที่ดุจเทวดาของเขา ต่างจากประตูลูกก่อนหน้านี้ของเจ้าตัวอย่างสิ้นเชิง และมันจะไม่มีใครลืมลูกยิงอันสุดยอดแห่งศตวรรษของเขาแน่นอน