ดาวิด ลุยซ์ (David Luiz Moreira Marinho) สตาร์หัวฟู แข้งเทพของสิงห์บลู

David Luiz Moreira Marinho

นักเตะที่รู้จักกัน David Luiz เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ.1987 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล ซึ่งในปัจจุบันเล่นให้กับสโมสร เชลซี ทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมไปถึงยังเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติบราซิล โดยตำแหน่งในการเล่นฟุตบอลของเขาคือ กองหลังตัวกลาง และยังสามรถเปลี่ยนมาเป็นกองกลางตัวรับได้อีกในกรณีฉุกเฉิน

เขาเริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลกับสโมสร วิตอเรีย ในบ้านเกิด ก่อนจะย้ายมาสู่ทีม เบนฟิก้า ในโปรตุเกส 5 ฤดูกาล ภายหลังได้เข้าร่วมกับสโมสร เชลซี ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2011 ในฤดูกาล 2011-12 ดาวิด ลุยซ์ และ เชลซี พากันคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ และในปีต่อมาก็ยังคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกมาครองอีกด้วย ก่อนจะย้ายไปร่วมทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากฝรั่งเศสในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2014 ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติค่าตัวที่สูงที่สุดของกองหลัง ดาวิด ลุยซ์ ยังช่วยทีมได้แชมป์ลีกภายในประเทศหรือลีกเอิงทั้ง2ฤดูกาล ก่อนจะย้ายกลับมาร่วมทีม เชลซี อีกครั้ง ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2016 ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์

ดาวิด ลุยซ์ ติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2010 ลงเล่นให้กับทีมชาติไปแล้วมากกว่า 50 นัด และช่วยทีมคว้าแชมป์ ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่น คัพ ในปี 2013 รวมไปถึงช่วยทีมผ่าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ในศึกฟุตบอลโลกปี 2014 และลงเล่นอีก 2 ครั้งในรายการโคปาอเมริกากับทีมชาติบราซิล

สโมสรที่ ดาวิด ลุยซ์ เคยค้าแข้งด้วย

สโมสรที่ ดาวิด ลุยซ์ เคยค้าแข้งด้วย

วิตอเรีย

ดาวิด ลุยซ์ เกิดใน เมืองเซาเปาโล พ่อและแม่ของเขาคือ Ladislao และ Regina Marinho โดยครอบครัวได้ย้ายจากเมืองเซาเปาโล มายังเมืองซัลวาดอ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสโมสร วิตอเรีย ตำแหน่งที่เขาได้เริ่มเล่นคือ กองกลางตัวรับ แต่เขายังไม่สามรถดึงศักยภาพของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ จนเกือบจะต้องเก็บข้าวของย้ายออกจากทีม ในภายหลังเขาได้รับหน้าที่ในตำแหน่งใหม่ คือกองหลังตัวกลาง ทำให้ปรับตัวได้ดีขึ้นในตำแหน่งนั้น

โดย ดาวิด ลุยซ์ เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 ซึ่งโชว์ผลงานได้ดีกับการเจอทีมอย่าง ซานตาครูซ ซึ่งผลการแข่งขันจบลงที่การเสมอกันไป 2-2 ในบอลถ้วยของบราซิล

ในช่วงแรกๆนั้นสโมสรยังอยู่ในช่วงย่ำแย่ในประวัตรศาสตร์ของสโมสร ซึ่งยังเล่นเพียงแค่ลีก 3 ของประเทศ แต่ในที่สุดสโมสร วิตอเรีย ก็สามรถเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีก 2 หลังจากจบฤดูกาลที่อันดับ 2 โดยที่เขาเองได้ทำประตูในลีกให้กับทีมไปได้ ซึ่งเป็นนัดที่สามารถเอาชนะทีม คลับ แอทแลนติโก้ เดอปอโต้ 2-0 เมื่อวันที่ 3 กันยายน ปี 2006

เบนฟิก้า เมื่อวันที่ 30 มกราคม ปี 2007 ดาวิด ลุยซ์ ได้ย้ายมาร่วมทีมกับ เบนฟิก้า สโมสรในประเทศโปรตุเกส แทนที่ของ ริคาร์โด โรช่า ซึ่งได้ถูกทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมในอังกฤษยืมตัวไป ในนัดแรกที่ ดาวิด ลุยซ์ ได้ลงสนามซึ่งเป็นนัดที่พบกับทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในศึกยูฟ่าคัพ ที่สนามปาร์ค เดอแปรงก์ โดยถือได้ว่าเป็นนัดเปิดตัวของเขาโดยที่อาจจะยังไม่เข้าระบบทีม จึงทำให้เกิดความวุ่นวายภายในทีม โดยเขาได้เล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางแทนที่ของ ลุยเซา ที่มีอาการบาดเจ็บ ปรากฎว่าในนัดนั้น เบนฟิก้า แพ้ ปารีสฯไป 2-1 แต่ก็ยังสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ โดยอาศัยกฎประตูรวม ทำให้ เบนฟิก้า เอาชนะ ปารีสฯ 4-3

ในวันที่ 12 มีนาคม ปี 2007 เป็นครั้งแรกที่เขาได้เล่นในลีกให้กับ เบนฟิก้า ซึ่งเป็นการพบกับทีม อูเนียว เดอไมร่า หลังจบฤดูกาลนั้น เขาได้รับการเซ็นสัญญากับสโมสรเป็นเวลา 5 ปี ในช่วงปลายฤดูกาล ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านยูโร เขาทำประตูแรกให้กับสโมสรได้ในรายการ กัวเดียน่า โทรฟี่ ซึ่งเป็นนัดกระชับมิตรกับทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน หลังจากนั้น ดาวิด ลุยซ์ ก็เล่นได้อีกแค่ 8 นัด เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บรบกวน จบฤดูกาลในลีก เบนฟิก้า คว้าอันดับ 4 ไปครอง

ในวันที่ 11 มกราคม ปี 2009 เขาได้ทำประตูแรกอย่างเป็นทางการให้กับสโมสรนัดที่เปิดบ้านเอาชนะ สปอร์ติ้ง บราก้า ไปได้ โดยที่เขาเล่นในตำแหน่งกองหลังฝั่งซ้าย ซึ่งแทนที่ของ จอร์จ ริเบโร่

ในช่วงฤดูกาล 2009-10 เป็นช่วงที่ทีมได้ผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ จอร์จ เฮซุส และได้มอบตำแหน่งรองกัปตันทีมให้แก่ ดาวิด ลุยซ์ ในฤดูกาลนั้นเขาได้ลงเล่นไป 49 นัด 4,206 นาที และทำไปได้ 3 ประตู ทำให้ เบนฟิก้า คว้าถ้วยในฐานะแชมป์ลีกมาคองได้สำเร็จ หลังจากรอคอยมา 5 ปี ซึ่งในรายการบอลถ้วยภายในประเทศ ในนัดที่ เบนฟิก้า ต้องไปเยือน สปอร์ติ้ง ลิสบอน นั้น ลุยซ์ ยังสามารถทำประตูในนาทีที่ 8 ของเกมส์ และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ถ้วยนี้ไปครอง แถมเขายังได้ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีในฤดูกาลเดียวกันนั้น ซึ่งได้รับคะแนนโหวตไป 38% เอาชนะเพื่อนร่วมทีมอย่าง อังเกล ดิมาเรีย ซึ่งได้รับคะแนนโหวตไปเพียง 8%

วันที่ 30 กันยายน 2009 เบนฟิก้า ได้มีเงื่อนไขข้อตกลงในการย้ายทีมในอนาคตของ ดาวิด ลุยซ์ รวมไปถึงนักเตะคนอื่นๆภายในทีม โดย ลุยซ์ ได้ถูกตั้งค่าตัวในการย้ายทีมไว้ที่ 18 ล้านยูโร และต้องเสียค่านายหน้าอีก 25% ประมาณ 4.5 ล้านยูโร ในสัญญาที่จะต้องต่อในเดือนตุลาคมโดยมีเงื่อนไขการอนุมัติที่ 50 ล้านยูโร

ดาวิด ลุยซ์ เชลซี

เชลซี

ในวันที่ 31 มกราคม 2011 ดาวิด ลุยซ์ ได้ย้ายมาร่วมทีม เชลซี ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร ในสัญญาระยะเวลา 5 ปีครึ่ง โดยทาง เบนฟิก้า ก็ได้ เนมานย่า มาติซ ที่ซื้อตัวมาจากทีม วิเทสส์ ในลีกเนเธอร์แลนด์หลังจบฤดูกาล

ดาวิด ลุยซ์ เล่นนัดเปิดตัวในพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ โจเซ่ โบซิงว่า ในเกมส์ที่ เชลซี เล่นในบ้านและให้กับ ลิเวอร์พูล 8 วันต่อมา เขาได้ลงเป็นตัวจริงในนัดที่ เชลซี เสมอกับ ฟูแล่ม ไป 0-0 ที่ คราเว่น คอทเทจจ์ รังเหย้าของ ฟูแล่ม ในนัดนั้นเขาได้เป็นฮีโร่ในหมู่แฟนบอลของ เชลซี และยังได้รับรางวัล แมนออฟเดอะแมทช์ แม้จะเสียลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 ของครึ่งหลัง แต่โชคดีที่ ปีเตอร์ เช็ค ผู้รักษาประตูเซฟไว้ได้

วันที่ 1 มีนาคม ดาวิด ลุยซ์ สามารถทำประตูแรกให้กับต้นสังกัด และเอาชนะทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 2-1 ที่แสตมป์ฟอร์ด บริดจ์

วันที่ 20 มีนาคม ดาวิด ลุยซ์ ยังคงทำประตูได้จากลูกโหม่งซึ่งเป็นประตูที่ 2 ของทีม ในนัดที่ เชลซี เปิดบ้าน เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2-0 พร้อมกับได้รับรางวัลแมนออฟเดอะแมทช์ในนัดนั้นไปครอง รวมไปถึง ลุยซ์ ยังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของเดือนมีนาคมในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย

ดาวิด ลุยซ์ พลาดโอกาสลงเล่นให้ทีมในช่วง 3 นัดแรกของต้นฤดูกาล 2011-12 โดยมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าและได้กลับมาเล่นเป็นครั้งแรกในวันที่ 13 กันยายน ในนัดแบ่งกลุ่มของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเอาชนะทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และยิงจากระยะ 15 หลา ส่งผลให้ เชลซี เอาชนะไปได้ในบ้าน 2-0

ในนัดที่ 2 ของบอลถ้วยในลีกรอบที่ 3 ดาวิด ลุยซ์ เป็นผู้ร่วมกันพาทีม เชลซี เอาชนะทีม ฟูแล่ม ไปได้ จากในเวลาเสมอกันที่ 0-0 และยิงจุดโทษ ทำให้ทีมชนะไป 4-3

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2012 ในเกมส์ลีกที่ เชลซี ต้องพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาเป็นผู้ยิงประตูช่วยให้ทีม เชลซี นำ 3-0 ในนาทีที่ 50 จากลูกฟรีคิก ที่ ฮวนมาต้า เปิดบอลมาให้ จบเกมส์เสมอกันไปที่ 3-3

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เขายิงประตูได้ในนัดที่เจอกับทีม โบลตัน วันเดอร์เรอร์ และ เชลซี ชนะไป 3-0

วันที่ 14 มีนาคม เชลซี ต้องเจอกับทีม นาโปลี ในเกมส์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายหลังจากที่ เชลซี แพ้มา 1-3 ในสนาม สตาดิโอซานเปาโล ในกรุงเนเปิ้ล อิตาลี่ ดาวิด ลุยซ์ ได้โชว์ฟอร์มอย่างน่าประทับใจ ช่วยให้ทีมเอาชนะ นาโปลี ไปได้นช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-1 จบเกมส์เขาได้รับรางวัลแมนออฟเดอะแมทช์ และในนัดต่อมาของยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เชลซี ต้องพบกับทีมเก่าของ ดาวิด ลุยซ์ อย่าง เบนฟิก้า และสามารถเอาชนะไปได้ 1-0 ในส่วนของเกมส์ เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นเกมส์ลอนดอน ดาร์บี้แมทช์ โดย เชลซี ต้องพบกับทีมร่วมเมืองอย่าง สเปอร์ ดาวิด ลุยซ์ มีอาการบาดเจ็บจากนัดที่ผ่านๆมา และยังมีนัดสำคัญที่จะต้องพบกับ บาร์เซโลน่า ในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และยังมีบอลถ้วยในลีกอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดโทษแบนของ จอห์น เทอร์รี่ ที่ไม่สามรถลงเล่นได้ แต่โชคยังดีที่ ดาวิด ลุยซ์ เองกลับมาเล่นเป็นตัวจริงจนถึงช่วงต่อเวลา และตามด้วยการยิงลูกโทษทำให้เอาชนะไป 4-3

วันที่ 22 กันยายน 2012 ดาวิด ลุยซ์ ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับ เชลซี เขาเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการยืนเป็นกองหลังคู่กับ จอห์น เทอร์รี่ หรือ แกร์รี่ เคฮิลล์ โดยประตูในฤดูกาลของเขา คือนัดที่ เชลซี กับทีม นอร์ดเจลแลนด์ เป็นการยิงฟรีคิกนอกกรอบ ช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ 4-0 ในส่วนของเกมส์ ฟีฟ่า คลับ เวิลคัพที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ทีม เชลซี ต้องแพ้ให้กับ โครินเธียนส์ ในรอบชิงชนะเลิศ แต่ ดาวิด ลุยซ์ ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดอันดับ 2 ในทัวร์นาเมนท์ และได้รับรางวัลซิลเวอร์บอล

อีกตำแหน่งที่เขามักจะเล่นได้ดีคือกองกลางตัวรับซึ่งในนัดที่ เชลซี พบกับ แอสตัน วิลล่า เขาได้เล่นในตำแหน่งนี้และพาทีมเอาชนะไปได้ 8-0 พร้อมกับได้รับเลือกให้เป็นแมนออฟเดอะแมทช์ และเป็นผู้ยิงประตูที่ 2 ในเกมส์นั้นด้วยลูกฟรีคิกที่เขาถนัด

วันที่ 17 เมษายน 2013 เขายิงประตูได้ในนัดที่ทีมพบกับ ฟูแล่ม ซึ่งเป็นเกมส์เวสท์ ลอนดอน ดาร์บี้ ซึ่งเอาชนะไปได้ 3-0 ในส่วนของเกมส์ยูโรป้าลีก รอบรองชนะเลิศ ที่ เชลซี พบกับ บาเซิ่ล เขายังสามารถทำประตูได้อีกในช่วงท้ายเกมส์ โดยการยิงฟรีคิกอ้อมกำแพงเสียมุมซ้ายของผู้รักษาประตูอย่างน่าทึ่ง ทำให้ เชลซี ได้เปรียบในการกลับมาเล่นที่สแตมป์ฟอร์ด บริดจ์

ดาวิด ลุยซ์ ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในนัดที่ เชลซี เอาชนะ แมนยูฯ ไปได้ 1-0 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 5 พฤษภาคม จากการที่เขาชักศอกใส่ ราฟาเอล แบ็กขวาของ แมนยูฯ และ ราฟาเอล สวนคืนด้วยการเตะใส่ ลุยซ์ จนทำให้ ราฟาเอล โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป โดยที่ ดาวิด ลุยซ์ นอนยิ้มหลังจากโดนเตะ แต่แกล้งทำเสแสร้งทำเป็นว่าบาดเจ็บหนัก โดยเขาเองได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขายิ้มให้กับแฟนๆของทีม แมนยูฯ ที่กำลังกรีดร้องและหัวเราะเยาะเขา

ต้นสังกัดเก่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

ในช่วงวันที่ 13 มิถุนายน 2014 ดาวิด ลุยซ์ ได้ย้ายไปร่วมทีม ปารีสฯ ยอดทีมจากฝรั่งเศส ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ถือเป็นสถิติโลกของกองหลังที่มีค่าตัวสูง โดยสัญญามีระยะเวลา 5 ปี

เขาเปิดตัวกับทีมในลีกเอิง เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งเป็นตำแหน่งกองหลังคู่กับมา ควินญอส ช่วยให้ทีม ปารีสฯ เอาชนะ บาสเตีย ไปได้ 2-0 ที่สนามปาร์ค เดอ แปร๊งก์

วันที่ 30 กันยายน ลุยซ์ ยิงประตูแรกในสีเสื้อของ ปารีสฯ ได้ในเกมส์ที่เล่นในบ้านพบกับ บาร์เซโลน่า และเอาชนะไปได้ 3-2 ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม โดยเขาได้มีชื่ออยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีในการประกาศผลบัลลงดอร์

วันที่ 19 มกราคม 2015 ดาวิด ลุยซ์ ยิงประตูแรกในลีกได้สำเร็จ แต่ทีมต้องแพ้ให้กับ เอวิยองค์ ไป 2-4

วันที่ 11 มีนาคม เขายิงประตูใส่ทีมเก่า ในนัดที่ ปารีสฯ ไปเยือน เชลซี ที่สแตมป์ฟอร์ด บริดจ์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ผลเสมอกันไป 2-2 แต่ ปารีส ได้ประตูทีมเยือน ทำให้สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ โดยทาง ดาวิด ลุยซ์ ออกมากล่าวขอโทษจากการแสดงความดีใจหลังจากยิงประตูได้ ว่ามันมาจากอารมณ์ความดีใจมากกว่าความอาฆาตพยาบาทหรือความแค้นต่ออดีตทีมเก่าของเขา

ในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร ปารีสฯ ร่วมกันคว้าแชมป์ลีกของประเทศและอีก 2 ถ้วยในบอลภายในประเทศ รวมไปถึงบอลซุปเปอร์คัพในลีกฝรั่งเศส ฤดูกาลต่อมายังคงตอกย้ำความสำเร็จจากการเอาชนะ มาร์กเซย ทีมคู่ปรับในบอลถ้วยคัพเดอฟร้องส์ ในนัดชิงชนะเลิศ

การกลับมา เชลซี อีกครั้ง

การกลับมา เชลซี อีกครั้ง

ฤดูกาล 2016-17 วันที่ 30 สิงหาคม 2016 ดาวิด ลุยซ์ ย้ายกลับมาร่วมทีม เชลซี อีกครั้งหลังจากย้ายออกไปอยู่กับสโสร ปารีสฯ ด้วยค่าตัวที่เปิดเผยคือ 34 ล้านปอนด์ และเซ็นสัญญา 3 ปีกับทีม เชลซี

วันที่ 16 กันยายน 2016 ในนัดเปิดตัวอีกครั้งกับทีม โดยเล่นในบ้านแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ไป 1-2 โดยที่ จอห์น เทอร์รี่ ถูกตัดออกจากทีมไป 10 วัน

วันที่ 31 มกราคม 2017 ดาวิด ลุยซ์ ทำประตูแรกในฤดูกาลของเขาเองได้สำเร็จ จากการยิงฟรีคิกในนัดที่พบกับ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ ซึ่งประตูดังกล่าวนับเป็นประตูแรกนับตั้งแต่เดือนเมายน 2013

วันที่ 20 เมษายน 2017 ดาวิด ลุยซ์ มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของ พีเอฟเอ ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016-17

ฤดูกาล 2017-18

ทีม เชลซี เลือกให้ ดาวิด ลุยซ์ ลงสนามตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาลซึ่งพบกับทีม เบิร์นลี่ย์ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2017 แต่ก็ต้องแพ้ไปให้กับ เบิร์นลี่ย์ ด้วยสกอร์ 3-4

วันที่ 17 กันยายน 2017 ดาวิด ลุยซ์ ได้รับใบแดง โดยตรงจากการมีปัญหาในเกมส์ระหว่างเขากับ โคลาซิแน็ค และผลการแข่งขันจบด้วยการเสมอกันกับ อาร์เซน่อล ไป 0-0 โดยที่ ดาวิด ลุยซ์ เป็นคนที่ 3 ที่ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เปโดรเคยโดนไล่ออกในเกมส์กระชับมิตรในรายการ คอมมูนิตี้ชิลด์ และ วิคเตอร์ โมเสส ในการแข่งขันในศึกเอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศ

ฤดูกาล 2018-19

ดาวิด ลุยซ์ ยิงประตูแรกในฤดูกาล 2018-19 ได้จากการโหม่งทำประตู ซึ่งเป็นประตูที่ 2 ในเกมส์นั้น ทำให้ เชลซี สามารถเอาชนะทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2-0 ในวันที่ 8 ธันวาคม

บทบาทในทีมชาติบราซิล

บทบาทในทีมชาติบราซิล

ดาวิด ลุยซ์ เริ่มเล่นให้กับทีมชาติบราซิลตั้งแต่ชุดอายุต่ำกว่า 20 ปี ในศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ในปี 2007 โดยทีมบราซิลในเวลานั้นตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย

หลังจากที่เขาได้เล่นในทีม เบนฟิก้า ชุดใหญ่ ซึ่งสามรถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้สมาชิกรุ่นใหญ่ภายในทีมชาติบราซิลสนับสนุนให้เขาได้เข้ามาติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ โดยในนัดกระชับมิตรที่ทีมชาติบราซิลพบกับทีมชาติสหรัฐ และเอาชนะไปได้ 2-0 เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2010 เป็นนัดแรกที่ เมเนเซส ได้เข้ามาคุมทีมชาติแทนที่ของ ดุงก้า ซึ่งเปิดตัวกับทีมชาติได้ดี แต่ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งทีมชาติโปรตุเกส ก็ต้องการตัว ดาวิด ลุยซ์ เช่นเดียวกัน เผื่อให้เขาเข้ามารับใช้ทีมชาติโปรตุเกส

ดาวิด ลุยซ์ มักมีชื่อติดทีมชาติบราซิลอยู่เสมอในช่วงที่ เมเนเซส เป็นโค้ช และยังได้เรียกเขาให้ร่วมทีมไปแข่งในรายการ โคปา อเมริกา ปี 2011 แต่มี 1 นัดที่ไม่ได้เล่น อันเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บในระหว่างทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว โดยในนัดกระชับมิตรที่ทีมบราซิล พบกับทีมชาติเม็กซิโกช่วงเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน ดาวิด ลุยซ์ ได้ทำเข้าประตูตัวเอง แต่ก็สามารถเอาชนะไปได้ 2-1

ในวันที่ 7 กันยายน 2012 ดาวิด ลุยซ์ ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมเป็นครั้งแรก ในนัดที่สามารถเอาชนะทีมชาติแอฟริกาใต้ ที่แข่งในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล และเขาก็มีชื่อติดทีมชาติในศึก ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นคัพ ในปีต่อมา โดยมีชาติของตนเองเป็นเจ้าภาพ ในตำแหน่งที่ยืนคือกองกลังตัวกลางคู่กับ ดิอาโก้ ซิลวา โดยในในหลายๆนัดเขามีส่วนช่วยทีมให้คว้าชัยชนะ จนถึงในนัดชิงชนะเลิศที่ทีมชาติบราซิลต้องพบกับทีมชาติสเปน เขาสามารถสกัดลูกบอลที่กำลังจะข้ามเส้นจากลูกยิงของ เปรโด ไปได้อย่างยอดเยี่ยม

ในวันที่ 2 มิถุนายน ดาวิด ลุยซ์ มีชื่อติดทีมชาติไปเตะในฟุตบอลโลกปี 2014 เขายิงประตูแรกในนามทีมชาติได้ ในนัดที่เสมอกับ ชิลี ไป 1-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดนั้นจบด้วยการด้วยจุดโทษ บราซิลเอาชนะไปได้ 3-2 นัดต่อมาเขายิงประตูได้อีก จากลูกฟรีคิกระยะ 35 หลา เอาชนะโคลัมเบียไป 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และวิ่งไปแสดงความดีใจไปบริเวณมุมธงพร้อมกับเตะมัน นัดต่อมาพลพรรคเซเลเซาต้องเจอกับทีมชาติเยอรมัน ภายใต้กัปตันทีมอย่าง ลุยซ์ พร้อมกับที่ ดิอาโก้ ซิลวา ติดโทษแบน ทำให้พ่ายแพ้ไป 1-7 ในรอบรองชนะเลิศ บราซิลจบที่อันดับ 4 ในฟุตบอลโลกหนนั้นหลังจากในนัดชิงอันดับ 3 ต้องแพ้ให้กับเนเธอร์แลนด์ 0-3

เขายังคงมีชื่อติดทีมชาติในรายการ โคปา อเมริกา ในปี 2015 ที่ประเทศชิลี โดยได้รับการจัดตัวให้ยืนเป็นปราการหลังตัวกลางคู่กับ มิรันด้า แต่สุดท้ายทีมชาติบราซิลต้องพ่ายให้กับทีมชาติปารากวัยในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2015 ดาวิด ลุยซ์ ได้รับใบแดงจากเกมส์คัดเลือกฟุตบอลโลกที่ทีมต้องพบกับอาร์เจนติน่า ในนัดนั้นจบลงที่ผลเสมอกันไป 1-1 ที่บัวโนสไอเรส ซึ่งในปี 2016 ทั้ง ดาวิด ลุยซ์ และ ซิลวา รวมไปถึงผู้เล่นอีกหลายคนไม่ได้มีชื่อติดทีมชาติไปเล่นในศึกโคปา อเมริกา เซ็นเท็นนาริโอ ที่สหรัฐอเมริกา

รูปแบบการเล่น ดาวิด ลุยซ์

รูปแบบการเล่น

แม้ว่าส่วนใหญ่เขาจะเล่นเป็นกองหลังตัวกลาง แต่เขาก็สามารถที่จะขยับขึ้นไปเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ และมักจะได้รับคำชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง จากความแข็งแรงทางร่างกาย เทคนิคการเล่นที่แพรวพราว การคุมพื้นที่ การหาพื้นที่ รวมไปถึงบุคลิกทั้งในและนอกสนาม การควบคุมบอล การวางบอลระยะไกลจากแดนหลังก็ทำได้ดี รวมไปถึงการเล่นบอลแบบสวนกลับ และที่เป็นเอกลักษณ์คือลูกฟรีคิก รวมไปถึงลูกยิงระยะไกล ถึงแม้ว่าในอดีตเขามักจะได้คำวิจารณ์จากสื่อในเรื่องของการตบตาผู้ตัดสิน และความประมาทภายในเกมส์ ที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงการไม่มีสมาธิอยู่กับเกมส์ แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุง ซึ่งหลังจากที่ เชลซี ได้ผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ อันโตนิโอ คอนเต้ ซึ่งได้มอบบทบาทใหม่ให้ ดาวิด ลุยซ์ เป็นปราการหลังตัวกลาง ในระบบ 3-4-3 ทำให้ ดาวิด ลุยซ์ มีบทบาทขึ้นมากและทำได้ดีทั้งในเรื่องความสุขุมในเกมส์ และการมีสมาธิกับเกมส์มากขึ้น โดยที่ คอนเต้ ชื่นชมที่เขาเล่นได้ดี และถือว่าเขาเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของทีม แถมยังกล่าวอีกว่า เขาเป็นกองหลังที่ดีที่สุดในโลก

ชีวิตส่วนตัว ดาวิด ลุยซ์

ชีวิตส่วนตัว

ดาวิด ลุยซ์ เป็นชาว คริสเตียน โดยเขามี กาก้า เป็นต้นแบบและแบบอย่าง ซึ่ง ดาวิด ลุยซ์ กล่าวไว้ว่า ”ความศรัทธาของผมทำให้ผมเชื่อผมสามารถทำอะไรได้หลายสิ่ง และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองในฐานะผู้เล่น มันมอบความแข็งแกร่งให้กับผมและยังเป็นแรงบันดาลใจที่ดีอีกด้วย” ลุยซ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ทุกสิ่งในชีวิตเป็นของพระเจ้า จุดประสงค์ของเราเอง ได้ถูกพระองค์ลิขิตไว้แล้ว” และเขาได้ทำพิธีชำระบาปในเดือนพฤษภาคม ในปี 2016 ที่สระว่ายน้ำในร่มของแม็กเวลล์ เพื่อนร่วมทีมของเขา

ในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของ ลุยซ์ มักถูกเปรียบเทียบกับนักบาสเก็ตบอลชาวบราซิลชื่อ แอนเดอสัน วาเรเจา ถูกเปรียบเทียบโดยแฟนๆในประเทศ เนื่องจากมีทรงผมที่คล้ายกัน แต่ในอังกฤษเขามักถูกเรียกจากแฟนบอลฝั่งตรงข้ามว่า ไซด์โชว์ บ็อบ ซึ่งเป็นวายร้ายในการ์ตูนเรื่อง เดอะ ซิมป์สัน ซึ่งอ้างอิงมาจากลักษณะทางกายภาพที่คล้ายคลึงกัน

ดาวิด ลุยซ์ ถือว่าเป็นประชาชนชาวโปรตุเกสเช่นเดียวกัน โดยที่การได้มาของสิทธินั้นมาจากตอนที่เขายังเล่นให้กับทีม เบนฟิก้า ทางทีมชาติโปรตุเกสก็ต้องการให้เขามาติดทีมเช่นกัน แต่เขาเลือกที่จะเล่นให้กับทีมชาติบราซิลแทน