แบ็คขวาจอมบุก ดานี่ การ์บาฆาล (dani carvajal ramos)

แบ็คขวาจอมบุก ดานี่ การ์บาฆาล

ดาเนี่ยล “ดานี่” การ์บาฆาล รามอส (เกิด 11 มกราคม 1992) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวสเปน เขาลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาให้กับสโมสร เรอัล มาดริด และทีมชาติสเปน

เขาเติบโตขึ้นมากับระบบทีมเยาวชนของ เรอัล มาดริด และเคยย้ายไปเล่นให้กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น หนึ่งฤดูกาล ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด ได้ในปี 2013 รวมทั้งมีส่วนร่วมในการพาทีมประสบความสำเร็จทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถึง 4 สมัย

ในระดับทีมชาติชุดเยาวชน การ์บาฆาล คว้าแชมป์ยูโร รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในปี 2009 และยังคว้าแชมป์รายการนี้ในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ในปี 2013 นอกจากนี้เขามีโอกาสลงประเดิมสนามให้กับทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2014 และมีส่วนร่วมกับทีมในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2018 อีกด้วย

เส้นทางอาชีพ

เส้นทางอาชีพของดานี่

เรอัล มาดริด เบ

การ์บาฆาล เกิดที่ เลกาเนส ชานกรุงมาดริด เขาเข้าร่วมระบบทีมเยาวชนของ เรอัล มาดริด ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และไต่เต้าขึ้นมาในระดับต่างๆ จนเข้าสู่ทีม เรอัล มาดริด กาสตีญ่า ในปี 2010

ในฤดูกาลแรกของเขาในฐานะนักเตะอาชีพ เขาได้เป็นผู้เล่นตัวจริงให้กับทีมสำรอง รวมถึงได้เป็นกัปตันทีมด้วย ในระหว่างการแข่งขันดิวิชั่น เซกุนด้า เบ ฤดูกาล 2011-12 ซึ่งเขามีส่วนร่วมกับทีมอย่างมาก โดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 38 นัดและทำได้ 2 ประตู รวมทั้งมีส่วนในการเล่นรอบเพลย์ออฟอีกด้วย ท้ายที่สุดเขาสามารถพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น เซกุนด้าได้สำเร็จ หลังห่างหายไปนานถึง 5 ปี

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

วันที่ 11 กรกฎาคม 2012 หลังจากพลาดการเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด การ์บาฆาล เซ็นสัญญายาว 5 ปีย้ายไปร่วมทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในเยอรมัน โดยมีค่าตัวการย้ายทีม 5 ล้านยูโร นอกจากนี้ในสัญญายังระบุเงื่อนไขการซื้อตัวกลับด้วยราคา 6.5 ล้านยูโรหากซื้อกลับในฤดูกาลถัดไป และเพิ่มเป็น 7 ล้านยูโรหากผ่านไปสองซีซั่น และ 8.5 ล้านยูโรหากผ่านไปสามซีซั่น

การ์บาฆาล มีโอกาสลงประเดิมสนามในบุนเดสลีก้า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2012 ซึ่งเป็นเกมเปิดบ้านเอาชนะ ไฟร์บวร์ก ไปได้ 2-0 และเขายังมีชื่อติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์อีกด้วย จากนั้นเขายิงประตูแรกของตัวเองให้กับทีมใหม่ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน โดยเป็นประตูชัยในเกมเอาชนะ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 2-1

การ์บาฆาล ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสามแบ็คขวาที่ดีที่สุดของฤดูกาล หลังจากจบฤดูกาลแรกซึ่งเป็นฤดูกาลเดียวของเขากับทีม โดยมีคะแนนตามหลัง ฟิลิป ลาห์ม ของ บาเยิร์น มิวนิค และ อัตซึโตะ อูชิดะ ของ ชาลเก้ 04 ซึ่งเขาได้รับการโหวตจากแฟนบอลไปทั้งสิ้น 16%

เส้นทางอาชีพ เรอัล มาดริด

เรอัล มาดริด

วันที่ 3 มิถุนายน 2013 เรอัล มาดริด ได้ใช้เงื่อนไขของสัญญาในการซื้อตัวกลับ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ย้ายเข้าสู่ทีมในซีซั่น 2013-14 โดยเชื่อกันว่าค่าตัวของเขาอยู่ที่ 6.5 ล้านยูโร ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้ได้รับการยืนยันจาก รูดี้ โฟลเลอร์ ผู้อำนวยการฟุตบอลของ เลเวอร์คูเซ่น ว่า “เรอัล มาดริด ได้สังเกตเห็นการลงเล่นอันโดดเด่นของ ดานี่ ในซีซั่นนี้ และมันเป็นเพียงเรื่องของเงื่อนไขเวลา ก่อนที่พวกเขาจะซื้อกลับคืนไปเท่านั้น” จากนั้นไม่นานหลังการย้ายทีม การ์บาฆาล ได้กล่าวถึงความรู้สึกของเขาที่ได้ย้ายกลับมา อีกทั้งเขายังกล่าวขอบคุณประธานสโมสร แฟนบอล รวมถึงสโมสรในงานแถลงข่าวย้ายทีมอีกด้วย

การ์บาฆาล ลงประเดิมสนามในลา ลีก้า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2013 ซึ่งเป็นเกมเปิดบ้านเอาชนะ เรอัล เบติส 2-1 จากนั้นในอีกหนึ่งเดือนต่อมา เขาลงเล่นในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกนัดแรก โดยลงเล่นครบ 90 นาทีในเกมที่บุกเอาชนะ กาลาตาซาราย 6-1 ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม

การ์บาฆาล ลงเล่นไปทั้งสิ้น 45 นัดในฤดูกาลแรกของเขากับทีมและทำได้ 2 ประตู ซึ่งเป็นเกมกับ ราโย่ บาเยกาโน่ และ โอซาซูน่า นอกจากนี้เขายังลงเล่น 120 นาทีเต็มในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ซึ่งเอาชนะ แอตเลติโก้ มาดริด ไปได้ 4-1

การ์บาฆาล เริ่มต้นฤดูกาลต่อมา โดยลงเล่นในรายการยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2014 พบกับ เซบีย่า และลงเล่นในรายการชิงแชมป์สโมสรโลกพบกับทีมจากอาร์เจนติน่าอย่าง ซาน ลอเรนโซ่ เด อัลมาโกร หลังจากนั้นในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2015 เขารับหน้าที่สังหารจุดโทษจากการทำฟาล์วของ คาร์ลอส เตเวซ ศูนย์หน้าของ ยูเวนตุส ส่งผลให้ทีมเอาชนะไปได้ 2-1

วันที่ 8 กรกฎาคม 2015 เขาต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปถึงปี 2020 นอกจากนี้เขายังลงสนามไปทั้งสิ้น 8 นัดและทำได้ 1 ประตูในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งจบลงด้วยการคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ โดยต้องพบกับ แอตเลติโก้ มาดริด อีกครั้งในเกมนัดชิงชนะเลิศ ในเกมนี้เขาถูกเปลี่ยนตัวออกหลังได้รับอาการบาดเจ็บในช่วงต้นครึ่งเวลาหลัง ก่อนจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1 และคว้าแชมป์หลังเอาชนะในการดวลจุดโทษ

วันที่ 9 สิงหาคม 2016 การ์บาฆาล เริ่มต้นซีซั่นด้วยการลงเล่นในรายการยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ พบกับ เซบีย่า อีกครั้งที่ ธรอนด์ไฮม์ และเฉือนเอาชนะไปได้ 3-2 โดยประตูชัยเกิดขึ้นในนาทีที่ 119 นอกจากนี้ในฤดูกาลนี้เขายังลงสนามไปทั้งสิ้น 23 นัดรวมทั้งมีส่วนในการช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมีอาการบาดเจ็บในระหว่างซีซั่นหลายครั้งก็ตาม ต่อมาวันที่ 3 ธันวาคม 2016 หลังจากที่ เซร์คิโอ รามอส ทำประตูตีเสมอ บาร์เซโลน่า ได้ในนาทีสุดท้ายที่คัมป์ นู เขาฉลองประตูด้วยการยกนิ้วกลางให้แฟนบอลคู่แข่ง แต่ภายหลังเขาออกมาขอโทษต่อการกระทำดังกล่าว จากนั้นในอีกเกือบหนึ่งเดือนต่อมา เขากลับมาเป็นตัวจริงให้กับทีมในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะและคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จอีกครั้ง โดยเป็นการคว้าแชมป์รายการนี้ได้ถึง 3 ครั้งในรอบ 4 ปี

วันที่ 17 กันยายน 2017 เขาขยายสัญญากับทีมออกไปถึงปี 2022 จากนั้นในช่วงต้นเดือนถัดมา เขาถูกตรวจพบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานหัวใจ แต่เขาก็สามารถลงเล่นได้ถึง 8 นัดในแชมเปี้ยนส์ ลีกและเป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 13 และเป็นสมัยที่ 3 ของเขาเอง โดยในเกมนัดชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล เขาถูกเปลี่ยนออกหลังจากได้รับอาการบาดเจ็บ ซึ่งท้ายที่สุดทีมของเขาเอาชนะไปได้ 3-1 ที่ เคียฟ

การ์บาฆาล ทำประตูแรกในเกมลีกของฤดูกาลใหม่ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2018 ในเกมเปิดบ้านเอาชนะ เกตาเฟ่ ไปได้ 2-0

เส้นทางทีมชาติของดานี่

เส้นทางทีมชาติ

การ์บาฆาล เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรองของ มาร์ติน มอนโตย่า ของ บาร์เซโลน่า ในศึกยูโร 2013 ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี โดยได้ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มซึ่งเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ไปได้ 2-1 ก่อนจบลงด้วยการเป็นแชมป์ จากนั้นเขาถูกเลือกเป็นนักเตะ 30 คนสุดท้ายโดยกุนซือ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ สำหรับสู้ศึกฟุตบอลโลก 2014 และยังได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติ โบลิเวีย เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติสเปนของทั้ง เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก้ มาดริด ที่ต้องลงเล่นเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม แต่หลังจากนั้นหนึ่งวันเขาถูกตัดออกจากรายชื่อ 23 คนสุดท้าย

วันที่ 29 สิงหาคม 2014 เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติอีกครั้ง ในเกมกับทีมชาติ ฝรั่งเศส และ มาซิโดเนีย โดยมีโอกาสลงสนามนัดแรกในวันที่ 4 กันยายน ซึ่งพ่ายไปด้วยสกอร์ 0-1 ในเกมนัดอุ่นเครื่อง แต่เขาได้ลงเล่นครบ 90 นาที นอกจากนี้เขายังถูกเลือกเป็นหนึ่งในขุนพลชุดสู้ศึกยูโร 2016 แต่ต้องถอนตัวออกไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บจากการลงเล่นให้กับสโมสร

การ์บาฆาล กลับมามีชื่ออยู่ในทีมชุดฟุตบอลโลก 2018 โดยหลังจากเป็นเพียงตัวสำรองในเกมแรกกับทีมชาติ โปรตุเกส เนื่องจากยังฟิตไม่สมบูรณ์ เขามีโอกาสลงสนามนัดแรกในเกมนัดที่สองเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเฉือนชนะทีมชาติ อิหร่าน ไป 1-0