ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของทัพอสูรแดง

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของทัพอสูรแดง

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ในช่วงเวลา 45 นาทีของเกมครึ่งหลัง แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเล่นห่วยแถมพ่ายแพ้ 4-1 ให้กับ วัตฟอร์ด แต่ว่าเขาสมควรได้รับการยกย่องที่สุด และควรที่จะได้เริ่มต้นออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับทีมมาตั้งแต่แรก หลังจากที่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำผลงานได้ดีกว่านักเตะคนอื่นในสนาม ในขณะที่นักเตะรายอื่นๆนั้นเล่นแย่อย่างกับโดนไวรัสแพร่ระบาดกันยกทีมการแข่งขันที่สนาม วิคาราจ โร้ด มันคือหาย อย่างแท้จริงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่คนที่ยังพอเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้กับพวกเขาได้ก็เห็นจะเป็นจอมทัพหุ่นอวบอั๋นชาวดัตช์นี่เอง

ฟาน เดอ เบค

ฟาน เดอ เบค

ได้รับโอกาสลงเล่นในครึ่งหลัง เพื่อทำหน้าที่ในแดนกลางในฐานะตัวปั้นเกมแทนที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่นับวันยิ่งเล่นก็ยิ่งออกทะเลไปเรื่อย แถมตอนนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ตามหลัง 2-0 ไปแล้วด้วย และนี่ยังเป็นเพียงเกมที่สามในพรีเมียร์ลีกของเขาเท่านั้นที่ได้ลงเล่นในฤดูกาลนี้ โดยสองเกมก่อนหน้านั้น ถ้ารวมเวลาที่เขาลงเล่น มันรวมสถิติได้เพียง 16 นาทีเท่านั้น แต่เขาก็ยังเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมเช่นเดิมด้วยการซ้อมก่อนแมตช์อัปยศนัดดังกล่าว ฟาน เดอ เบค มีสถิติในการซ้อมที่ดีกว่าใคร เขาพยายามจูนตัวเองให้เข้ากับระบบของทีมเสมอ พยายามพิสูจน์ตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าคนที่หูหนวกตาบอด ก็เห็นจะเป็นรายของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่กว่าจะรู้ตัวว่ามิดฟิลด์ที่ฝีเท้าดีที่สุดรองจาก บรูโน่ เฟร์นานเดส ก็มีแต่ ฟาน เดอ เบค เท่านั้นที่เข้าข่าย ก็ดูจะสายเกินไปจริงๆเชื่อได้เลยว่า โซลชาร์ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากตัวของ ฟาน เดอ เบค มาตั้งแต่แรกด้วยเช่นกันเขากลับทำผลงานได้ดีแบบตรงกันข้ามกับที่ โซลชาร์ คิดไว้เลย เขาทำประตูได้ภายในห้านาทีเท่านั้น หลังจากลงสนามในครึ่งหลัง ทำให้ยูไนเต็ดมีลุ้นที่จะกลับมาได้ ทั้งๆที่ในเกมนี้พวกเขาไม่สมควรได้แม้แต่ประตูเดียว ถ้าวัดจากฟอร์มการเล่นของทั้งทีมในยามที่ บรูดน่ เล่นไม่ออกในเกมนี้ ก็มี ฟาน เดอ เบค นี่เองที่เป็นศูนย์กลางของทีมในการสร้างโอกาสที่จะทำให้ทีมของเขากลับมาอยู่ในจุดที่พอจะพลิกเกมได้ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่เป็นผล แถมวัตฟอร์ดเองก็ยังเครื่องร้อนไม่เลิกด้วยยิ่งเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ วัตฟอร์ด เหมือนยังไม่ยอมจบแค่นี้ เพราะพวกเขารัวสกอร์รวดเดียว 2 ประตูได้อีก เป็นการฝังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงหลุมแบบกลบให้มิดเป็นของสัมนาคุณเลยทีเดียวตามสถิติแล้ว ฟาน เดอ เบค สามารถสร้างโอกาสได้ราวๆ 3 ครั้งจากในช่วงเวลา 45 นาทีที่เขาอยู่ในสนาม มากกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ที่เล่นอยู่ในสนามนานกว่าเขาด้วยซ้ำคุณภาพของเขาน่ะเหรอ ก็ไม่ต้องสงสัยเลย เขามีความสำคัญต่อทีมอาแจ็กซ์ชุดที่สามารถทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกได้ในปี 2019 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ในปีนั้นด้วย แต่เพลย์เมกเกอร์ชาวดัตช์ ไม่เคยมีโอกาสที่จะกลับไปอยู่ในจุดนั้นได้เลย ในช่วงเวลาเกือบ 18 เดือนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

การเปิดตัวเป็นนักเตะ “ผีแดง”

การเปิดตัวเป็นนักเตะ “ผีแดง”

ครั้งแรกของเขา ก็เกิดขึ้นในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้ให้กับ คริสตัล พาเลซ ในเดือนสิงหาคม 2020 แถมเขายังทำประตูได้ตั้งแต่เกมแรกด้วย มันแสดงให้เห็นสัญญาณมากมายว่าจะเป็นเขานี่แหละ ที่จะพาทีมไปได้ไกล แต่จากนั้นเขากลับไม่ได้รับโอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเลยจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน และเมื่อถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาล ก็มีการนับสถิติ ปรากฏว่าเขาลงเล่นเป็นตัวจริงเพียง 4 ครั้งในลีก – และกว่าครึ่งหนึ่งของการได้ลงเล่น ก็อยู่ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้จะปิดซีซั่น ต้องถามเลยว่าโซลชาร์มัวคิดอะไรอยู่ในเวลานั้นแต่จากนี้ไป ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฟาน เดอ เบค จะได้เจอกับชีวิตใหม่เสียที หลังจากที่โซลชาร์ เจ้ากรรมนายเวรของเขาได้จากทีมไปแล้ว ก็ขอแค่ว่าผู้จัดการทีมคนใหม่ จะไม่หมางเมินเขา และจะใช้งาน ฟาน เดอ เบค เป็นจอมทัพตัวหลักของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบจริงๆจังๆ และเมินใช้งานคู่หูบรรลัยจักรอย่าง เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ ได้เสียที