คูมัน … ชื่อนี้เหมาะสมกับบาร์เซโลนาจริงหรือไม่

คูมัน ... ชื่อนี้เหมาะสมกับบาร์เซโลนาจริงหรือไม่

หลังจากที่แฟนบอลได้เห็นผลงานสุดงามหน้าของ บาร์เซโลนา ที่อุตส่าห์แพ้ให้กับสโมสรที่เลเวลต่ำกว่าอย่าง กาดิซ เข้าให้ด้วยสกรอ์ 2-1 มันก็เลยเป็นเหตุที่ทำให้หลายฝ่ายนั้นเกิดความสงสัยว่า นักเตะในทีมบาร์เซโลนาก็ใช่ว่าจะไก่กา แต่ทำไมพวกเขาถึงกลับมีผลงานที่ทรงกับทรุดลงเรื่อยๆเช่นนี้ !หลายๆคนต่างได้ชี้นิ้วไปที่ตัวของ โรนัลด์ คูมัน ผู้จัดการทีมชาวดัตช์เต็มๆ และคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ บาร์เซโลนา ตกที่นั่งลำบากแบบนี้ มันเกิดจากการวางแผนการเล่นที่ไร้ซึ่งความสร้างสรรค์ของคูมันนั่นเอง และวันนี้เราจะมาแจกแจงถึงสิ่งที่คูมันทำเอาไว้กับสโมสรแห่งนี้กันก่อน

การแปลงสภาพแผนการเล่นที่ไม่คุ้นเคยของนักเตะ

การแปลงสภาพแผนการเล่นที่ไม่คุ้นเคยของนักเตะ

บาร์เซโลนา คือสโมสรที่มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนนั่นก็คือการเล่นฟุตบอลด้วยระบบ 4-3-3 ตามสไตล์ดัตช์ ที่มีตัวของ โยฮัน ครัฟฟ์ เข้ามาวางระบบเอาไว้ตั้งแต่ปลายยุค 80 หรือกระทั่งว่าพวกเขาเล่นด้วยระบบนี้มาตั้งแต่สมัยที่สโมสรมีครัฟฟ์เป็นนักเตะในยุค 70 ด้วยซ้ำไป แผนการเล่นที่เน้นเกมรุกเต็มอัตราศึกนี้เป็นแผนการเล่นแบบพิมพ์นิยมที่ใช้กันยันทีมเยาวชนในสโมสรด้วย เพื่อให้นักเตะทุกรุ่นทำความคุ้นเคยกับการเล่นในระบบ 4-3-3 ของพวกเขาก่อนที่จะมีโอกาสได้ลงเล่นในระบบนี้ตอนอยู่กับทีมชุดใหญ่แต่ทว่า คูมัน กลับเข้ามาปรับเปลี่ยนในวัฒนธรรมที่นักเตะบาร์เซโลนาแทบทุกคนคุ้นชินกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นั่นคือการนำสูตร 4-2-3-1 มาใช้กับบาร์เซโลนาอย่างงงๆแผนการเล่นของคูมัน คือแผนที่เขาใช้มาตั้งแต่ตอนคุมทีมระดับสโมสรแห่งอื่นๆ ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ รวมถึงกับทีมชาติฮอลแลนด์ในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งแผนการเล่นที่เน้นกองกลางอัดแน่นให้มากที่สุดเพื่อทำการคุมพื้นที่กลางสนามให้อยู่หมัด และทิ้งตัวุรกไว้ด้านหน้าเพียงคนเดียว มันคือสไตล์บอลที่นักเตะบาร์ซ่ายากมากที่จะปรับตัว โดยเฉพาะกับแข้งซีเนียร์ที่อยู่ในวัยใกล้ปลดระวางหลายคน การจะทำตัวให้ชินกับแผนนี้ อาจจะยากพอสมควร

ปกติก็ไม่ได้เป็นคนมีบารมีอะไรสูงส่ง

คูมันนั้นมีโปรไฟล์ในสมัยที่เป็นนักเตะเข้าขั้นตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย เขาคือตำนานกองหลังที่ยิงประตูได้มากที่สุดในโลก แต่ทว่าพอมาจับงานคุมทีมในฐานะผู้จัดการทีม เขาอาจจะเคยทำผลงานได้ดีกับทีม เบนฟิก้า , อาแจ็กซ์ และ PSV แต่กระนั้นแล้ว ทั้ง 3 ทีมต่างก็อยู่ในลีกที่ไม่ได้ถือว่าเป็นลีกท๊อปของยุโรปยามที่เขาลองของด้วยการมาลองคุมทีมในสเปนอย่างเช่น บาเลนเซีย เมื่อปี 2008 เป็นช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ส่งผลอย่างชัดเจนว่าคูมันนั้นมีอีโก้ที่สูงเกินไป เขากล้าดรอปนักเตะซีเนียร์เช่น ซานติอาโก้ คานซิยาเรส เป็นตัวสำรองได้อย่างไม่น่าเชื่อและจากนั้นผลงานของทีมก็แย่ลง แต่เขาก็ยังไม่เรียกใช้งานคานซิยาเรส สุดท้ายก็โดนไล่ออกจากตำแหน่งแม้แต่กับทีม เอฟเวอร์ตัน เขาได้รับเงินทุนในการเสริมทัพชนิดที่เยอะมากราวกับเสกขึ้นมา แต่สุดท้าย นักเตะที่เขาซื้อตัวเข้ามาเล่นกับทีม ก็ไม่สามารถช่วยอะไรทีมได้ และเขาก็โดนปลดไปโดยปริยาย

แค่เหยื่อของระบอบ “นักเตะเก่าต้องทำทีมบาร์ซ่าได้”

แค่เหยื่อของระบอบ “นักเตะเก่าต้องทำทีมบาร์ซ่าได้”

บาร์เซโลนาเคยมีนโยบายที่ยึดติดมาตั้งแต่อดีตคือ “นักเตะในตำนานของสโมสรย่อมเข้าใจวัฒนธรรมของสโมสร ย่อมสามารถคุมบาร์เซโลนาได้”มันอาจจะถูกต้องแค่กับตัวของ โยฮัน ครัฟฟ์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แค่ 2 คน ยิ่งเป็นตัวของ หลุยส์ เอ็นริเก้ , เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ทั้งคู่นี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับการทำทีมที่ดูเข้ากับวัฒนธรรมของสโมสรด้วยซ้ำและยิ่งเป็นคูมันที่แหวกแนวด้วยการพาทีมเล่นระบบ 4-2-3-1 อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว มันเลยทำให้แฟนบอลเริ่มที่จะหัวเราะกับระบอบของบาร์ซ่าไม่ได้ต่อให้เป็นตำนานนักเตะที่เก่งแค่ไหน แต่สุดท้ายพวกเขาก็มีจุดยืนเป็นของตัวเองอยู่ดี ไม่สามารถปรับใช้แผนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสโมสรได้แน่นอน