คีแรน โอฮาร่า กล่าว “ผมยังไม่ยอมแพ้ที่จะเล่นให้กับ แมนฯยูไนเต็ด”

คีแรน โอฮาร่า ลั่น

ชีวิตเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆที่ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน สโมสรในศึกลีก วัน ประเทศอังกฤษ โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว “โฟร์โฟร์ทู” นิตยสาร ข่าวบอล ชั้นนำมีโอกาสได้ไปพูดคุยกับ คีแรน โอฮาร่า ผู้รักษาประตูชาวไอร์แลนด์ ที่ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีก มาเล่นกับ เบอร์ตัน ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

เบอร์ตัน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตเบียร์ และยังเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งในทศวรรษที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันพวกเขายังคงเล่นอยู่ในลีก วัน นับตั้งแต่ตกชั้นจากศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ลงมาในปี 2018

ในฤดูกาลนี้ เบอร์ตัน ภายใต้การนำของ ไนเจล คลัฟ กุนซือชาวอังกฤษ รั้งอยู่กลางตารางในศึกลีก วัน ไม่มีลุ้นเลื่อนชั้น และไม่ต้องดิ้นรนหนีกตกชั้น ซึ่งแต่ละเกมนั้น พวกเขามีค่าเฉลี่ยแฟนบอลเข้าชมเกมประมาณ 3,500 คน

เบอร์ตัน ภายใต้การกุมบังเหียนของ คลัฟ นั้น มีชื่อเสียงในการให้โอกาสดาวรุ่งลงสนาม และเป็นทีมที่มีสไตล์เร้าใจ รวมถึงมีจิตวิญญาณที่มุ่งมั่น ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ โอฮาร่า ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ด มาเฝ้าเสาในสโมสรแห่งนี้เพื่อหาโอกาสในการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ

นายทวารวัย 23 ปี เริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเองในร้านกาแฟใกล้กับสนามซ้อมของ เบอร์ตัน ว่า “ในตอนเด็กคุณต้องเชียร์ทีมเดียวที่พ่อคุณเชียร์ และพ่อของผมเป็นแฟนตัวยงของ แมนฯยูไนเต็ด พ่อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการไปดูฟุตบอลกับเพื่อนๆของเขา พวกเขากลับบ้าน และออกไปทั่วยุโรปด้วยกันอยู่เสมอ

“ผมเติบโตใกล้กับสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และไปโรงเรียนในแถบ Stretford เพื่อนของผมเป็นแฟน แมนฯยูไนเต็ด ทั้งหมด และผมเริ่มไปเล่นฟุตบอลกับพ่อ รวมถึงไปดูฟุตบอลกับเขาด้วยในตอนที่ผมยังเป็นเด็ก”

“พ่อและแม่ของผมพยายามทำให้ผมเป็นกีฬา และทำให้ผมสามารถใช้พลังงานของตัวเองได้บ้าง ในตอนนั้นคุณแม่ของผมเห็นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวทีมฟุตบอลในท้องถิ่น ดังนั้นผมจึงไปที่เมืองเออร์สตันในวันอาทิตย์ และเริ่มเล่นฟุตบอลที่นั่นเมื่ออายุ 7 ขวบ” โอฮาร่า กล่าว

นายทวาร เบอร์ตัน เล่าต่อว่า “ผมเป็นผู้รักษาประตูที่ชอบพุ่งมากๆ ซึ่งมันทำให้ผมเลอะเทอะไปหมด ในตอนนั้นแมวมองของ แมนฯยูไนเต็ด มาดูเกมที่ Stretford และพวกเขาก็เห็นพ่อกับแม่ของผม ซึ่งพ่อผมสูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้ว จากนั้นผมก็ได้รับคำเชิญให้ไปฝึกซ้อมกับ แมนฯยูไนเต็ด”

“ในเวลานั้นผมยังเด็กเกินไปที่จะเซ็นสัญญา แต่ผมได้อยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ผมไปฝึกซ้อมกับพวกเขาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และในเวลาเดียวกันผมต้องทำงานอย่างหนักที่โรงเรียน”

“ผมอยากเป็นนักฟุตบอล แต่การศึกษาก็สำคัญเช่นเดียวกัน และผมก็สนุกกับการเรียน ผมกับเพื่อนไปดูเกมที่ แมนฯยูไนเต็ด เล่นเป็นประจำ ในตอนนั้น ไมเคิ่ล คีน (อดีตเด็กปั้น แมนฯยูไนเต็ด) ก็เรียนอยู่กับผม”

โอฮาร่า โชคดีอย่างมากที่อยู่ห่างจาก แคร์ริงตัน ซึ่งเป็นสนามฝึกซ้อมของ แมนฯยูไนเต็ด เพียง 1 ไมล์ เท่านั้น โดยเขาเล่าต่อว่า “มีเด็กๆมาจากทั้งนอร์ทเวลส์ และ ฮัดเดอร์สฟิลด์ จอช บราวน์ฮิลล์ มาจาก เบิร์นลี่ย์, แอชลี่ย์ เฟล็ทเชอร์ มาจาก มิดเดิ้ลสโบรช์, จอช ฮาร์ร็อป มาจาก เปรสตัน และ เจมส์ วิลสัน มาจาก ซัลฟอร์ด ซึ่งทั้งหมดนี้เล่นในทีมเดียวกับผม”

“ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่ในทีมที่อายุน้อยกว่าผมเล็กน้อย แต่เขาเล่นได้ดีกว่าคนอื่นๆในกลุ่มอายุของเขา เขามีอะไรที่พิเศษเสมอ พอล แม็คกิเนส โค้ชของเราเป็นคนฝึกสอนดาวรุ่งผสมทุกกลุ่มอายุ นอกจากนี้เขายังชอบใช้ฟุตบอลในกรง ซึ่งเป็นการแข่งขันทีมละ 5 คน และจะไม่มีจังหวะลูกตายเลย และคุณไม่สามารถสูญเสียสมาธิได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้รักษาประตู”

“ลูกบอลจะกระเด็นไป-มาทั่วสนาม และ แรชฟอร์ด ก็ว่องไวมาก เขาจบสกอร์ได้ดีกว่าคนอื่นๆ ปอล ป็อกบา ก็เคยมาเล่นฟุตบอลในกรงกับผม และเราเคยเล่นในทีมเดียวกันด้วย ซึ่งการเล่นแบบนี้หมายความว่าคุณไม่มีเวลาเลย และต้องรวดเร็ว ทุกคนจะยิงประตูจากทุกที่ดังนั้นคุณต้องตื่นตัวอยู่เสมอ”

ขณะเดียวกัน เอริค สตีล อดีตโค้ชผู้รักษาประตูของ แมนฯยูไนเต็ด กระตือรือร้นอยู่เสมอที่จะนำผู้รักษาประตูดาวรุ่งไปร่วมซ้อมกับนายทวารทีมชุดใหญ่ โดย โอฮาร่า เล่าว่า “ตั้งแต่อายุ 16 ปี ผมได้รับโอกาสให้ฝึกซ้อมร่วมกับ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ซึ่งเป็นฮีโร่ของผม ผมไม่สามารถละสายตาจากเขาในการฝึกซ้อมได้เลย”

“เขายิ่งใหญ่มาก ผ่อนคลาย และสงบอยู่ตลอดเวลา เขาจะพูดกับคุณอย่างเป็นกันเอง เอ็ดวิน เริ่มฝึกและจะให้คำแนะนำกับผมมาก การรับคำแนะนำจากเขานั้นช่างเหลือเชื่อ และนั่นไม่ได้มาจากการฟังเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผมเฝ้ามองเขา ผมดูเกมของ แมนฯยูไนเต็ด และศึกษา เอ็ดวิน และการยืนตำแหน่งของเขาในระหว่างเกม”

“ผมจะดูมุมที่เขายืนจากจุดศูนย์กลางบริเวณปากประตู และวิธีการที่เขาควบคุมพื้นที่ของเขา เขาเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการฟุตบอล” โกลด์ชาวไอร์แลนด์ กล่าว

โอฮาร่า ได้รับข้อเสนอสัญญานักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี แต่ แมนฯยูไนเต็ด ปล่อยให้เขาย้ายไปเล่นกับ แทร็ฟฟอร์ด เอฟซี ทีมระดับสมัครเล่น ซึ่งสโมสรแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างบ้านของเขา กับสนามซ้อมแคร์ริงตัน

โอฮาร่า ได้รับข้อเสนอสัญญานักฟุตบอลอาชีพครั้งแรก

โอฮาร่า กล่าวว่า “ผมไม่พร้อมสำหรับโอกาสครั้งนั้น แต่ผมต้องการมัน และผมต้องเล่นฟุตบอล ซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนที่ แมนฯยูไนเต็ด นั่นคือความไม่สอดคล้องของนักฟุตบอลเยาวชน แทร็ฟฟอร์ด เสนอเกมให้ผมเล่น 40 เกมต่อฤดูกาล ดังนั้นผมจึงไปดูพวกเขาเล่นในคืนหนึ่งท่ามกลางสายฝน”

“ผมชอบมันมาก เพราะผมไม่ได้เล่นเกมจริงจังมากนักในฐานะนักฟุตบอลเยาวชน เกมที่นี่แข็งแกร่งมาก มีแฟนๆ 200 คน และสนามนั้นสวยงามมาก พอล แม็คกิเนส กล่าวว่า การเล่นให้กับ แทร็ฟฟอร์ด จะดีสำหรับผม และผมเชื่อมั่นในการตัดสินใจครั้งนั้น เขาพูดถูก”

โอฮาร่า ซึ่งใช้เวลา 1 ซีซั่นกับ แทร็ฟฟอร์ด เล่าต่อว่า “ในตอนนั้นผมเป็นเด็ก และผมผอมมาก แต่ทุกคนที่นั่นก็ดูแลผมเป็นอย่างดี ผมมีความแข็งแกร่งทางจิตใจ และเล่นได้ดีในระดับหนึ่ง เราได้เล่น Altrincham ในเกมศึกเอฟเอ คัพ”

“ผมรู้สึกเหมือนมันเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม มันมีความหมายอะไรบางอย่างจริงๆ ไบรอัน แม็คแคลร์ (อดีตสตาฟฟ์โค้ช แมนฯยูไนเต็ด) มาดูผมด้วย และ อลัน เฟตติส (โค้ชผู้รักษาประตู แมนฯยูไนเต็ด) ไม่เคยหยุดให้กำลังใจผมเลย และเขาก็เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของผม”

ในปี 2015 มือกาว เบอร์ตัน ถูก แมนฯยูไนเต็ด ปล่อยยืมตัวอีกครั้งไปที่ มอร์แคมป์ ทีมในศึกลีก ทู โดยเจ้าตัวเล่าว่า “ตอนนั้นผมอายุ 17 ปี และมอร์แคมบ์ต้องการโกลด์มือ 2 ซึ่งการเล่นให้สโมสรฟุตบอลอาชีพนั้น มันเป็นที่น่าสนใจมาก เพราะผมไม่เคยลงเล่นในลีกอาชีพเลยแม้แต่เกมเดียว”

“ผมไม่รู้ว่า มอร์แคมป์ อยู่ที่ไหน แต่ในไม่ช้าผมก็ขับรถไปที่นั่นเพื่อย้ายไปร่วมทีม ผมทำงานหนักในการฝึกซ้อม และชอบที่นั่นแม้ว่าผมจะต้องอยู่บนม้านั่งสำรอง ผมรู้สึกว่าพร้อมที่จะเล่น แต่ผมไม่ได้เล่น การเปิดตัวฟุตบอลลีกนั้นยากที่จะเข้าใจ”

ในปีเดียวกันนั้น สต็อคพอร์ท เคาน์ตี้ ทีมในลีกคอนเฟอเรนซ์ เสนอยืมตัว โอฮาร่า ไปร่วมทีม “ผมย้ายไปที่ สต็อคพอร์ท และได้ลงเล่นทันที แต่เกมที่นั่นหนักมาก ผมเข้าไปเคลียร์บอลและโดนผู้เล่นคนหนึ่งอัดเข้าที่หัว ในเกมนั้นผมเสียไป 4 ประตู ผมเล่นได้ไม่ดีเลย”

“ผมรู้สึกผิดหวังมาก ผมอยู่ในวัยที่อาชีพของคุณสามารถไปทางใดทางหนึ่ง มันเป็นความคิดแบบว่า ผมดีพอที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพหรือไม่ ผมโทรไปหาแม่ตอนที่ผมยังไม่ได้เล่น เธอบอกว่าผมควรใจเย็นๆ และบางทีมันอาจจะดีขึ้น”

โอฮาร่า ถูกดร็อปทันทีในเกมต่อมา จากนั้นสัญญายืมตัวของเขาหมดลง สต็อคพอร์ท ต้องการให้เขากลับมาอีกครั้ง แต่เจ้าตัวตอบปฏิเสธ โดยระบุว่า “ผมไม่ต้องการกลับไปที่นั่นอีกแล้ว ผมต้องการเล่น จิม เบนท์ลีย์ โค้ช มอร์แคมป์ ต้องการให้ผมกลับไปที่นั่นอีกครั้ง

“เขาต้องการให้ผมย้ายไปเล่นแบบยืมตัว และผมมีความสุขที่ได้ไปที่นั่นเพื่อได้ลงเล่นในฟุตบอลลีกอาชีพเป็นครั้งแรก ในตอนนั้น แบร์รี่ โรช เป็นมือ 1 ของทีม เขามีประสบการณ์มากมาย แต่เขารู้สึกไม่ค่อยสบายในเกมที่ไปเยือน นอร์ทแธมป์ตัน”

“ผมนั่งเงียบๆระหว่างทาง แต่ตั้งตารอคอยมัน และผมก็ได้ลงสนามแทน แบร์รี่ เราแพ้ แต่ผมมีเกมที่ดี และผู้จัดการบอกว่า เขาภูมิใจในตัวผม ผมรู้สึกเหลือเชื่อ และเพื่อนร่วมทีมให้กำลังใจผม แต่หลังจากเกมนั้น ผมไม่ได้เล่นอีก 2-3 เดือน จนกระทั่ง แบร์รี่ ถูกไล่ออกในเกมกับ เลย์ตัน โอเรียนท์”

“ในเกมนั้นผมได้ลงสนาม และต้องเจอยิงจุดโทษทันที แต่ผมเซฟได้ด้วยหน้าแข้ง จากนั้นเพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้ามาดีใจกับผม และเสียงแฟนบอลดังกระหึ่มไปทั่วสนามราวกับว่ามีคนมาดูคุณ 20,000 ทั้งที่ความจริงแล้วมีคนมาดูแค่ 5,000 คนเท่านั้น”

“ผมโชว์การเซฟไปอีก 4-5 ครั้งในเกมนั้น และผมบันทึกเกมนั้นไว้ในโทรศัพท์ของผม อะดรีนาลีนของผมกำลังสูบฉีด แต่แล้วผมก็ทำเข้าประตูตัวเอง ผมรู้สึกว้าวุ่นใจมากๆ การเซฟไปอีก 4-5 ครั้งนั้นช่วยอะไรไม่ได้เลย” นายด่านชาวไอร์แลนด์ กล่าว

โอฮาร่า ลงสนามให้กับ มอร์แคมป์ ไป 5 เกม จากนั้น เขากลับมาที่ แมนฯยูไนเต็ด อีกครั้ง เพื่อเล่นให้กับพลพรรค “ปีศาจแดง” ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี โดยเจ้าตัวเล่าต่ออีกว่า “ผมมีโอกาสได้เล่นกับผู้เล่นเยาวชนในสนามของพรีเมียร์ลีก”

“คุณต้องเจอกับผู้เล่นเยาวชนที่มีคุณภาพที่มีความรวดเร็ว และเฉียบคมมากๆ ซึ่งบางคนได้เล่นในพรีเมียร์ลีกมาแล้วด้วย จากนั้น ผมได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ แมนฯยูไนเต็ด และได้ลงเล่นให้กับทีมสำรองไป 20-30 เกม รวมถึงได้ซ้อมกับทีมชุดแรกเป็นประจำด้วย มันน่าทึ่งมากๆ”

“ดาบิด เด เคอา เฉียบคมมาก เขามีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ปฏิกิริยาของเขาทำให้เขาเป็นช็อตสต็อปเปอร์ที่สุดยอด เขาใช้เท้าได้ดี สงบนิ่ง ผ่อนคลาย ปัดบอล และอ่านเกมได้ดี นอกจากนี้ เขายังมีข้อมือที่แข็งแกร่งอีกด้วย”

“ผมดูสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ และพยายามนำสิ่งนั้นมาใช้เมื่อลงสนามให้กับทีมสำรอง มันสร้างความแตกต่างได้ และผมก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของทีมสำรองในฤดูกาลนั้น ส่วน เซอร์จิโอ โรเมโร่ ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน”

“ผมมีชื่อติดทีมพร้อมกับ โรเมโร่ ไปเล่นในศึกเอฟเอ คัพ กับ ทรานเมียร์ สนามมันค่อนข้างแย่มาก และนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้รักษาประตู แต่เขาแข็งแกร่งมาก ผ่อนคลาย และควบคุมพื้นที่ของเขาได้ดี รวมถึงสั่งการเพื่อนร่วมทีมได้ดีด้วย” มือกาวชาวไอร์แลนด์ กล่าว

ขณะเดียวกัน โอฮาร่า ยังเคยมีโอกาสได้ฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นของเขาในทีม แมนฯยูไนเต็ด อย่าง ดีน แฮนเดอร์สัน โกลด์ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ แซม จอห์นสโตน นายด่าน “เดอะ แบ็กกี้ส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อยู่เป็นประจำ

โอฮาร่า กล่าวว่า “พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ให้ความช่วยเหลือผมเป็นอย่างดี และเส้นทางของพวกเขาคือ สิ่งที่ผมอยากจะทำและสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ผมดูพวกเขาไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวแล้วพัฒนาตัวเองขึ้นมา พวกเขาทั้งคู่ประสบความสำเร็จ และผมต้องการนำสิ่งนั้นมาสู่เกมของผม”

ในฤดูกาลที่ผ่านมา โอฮาร่า มีโอกาสย้ายไปเล่นกับ แม็คเคิลสฟิลด์ ด้วยสัญญายืมตัว โดยมือกาววัย 23 ปี เล่าต่อว่า “ผมย้ายไปที่ แม็คเคิลสฟิลด์ เพื่อตัวเอง ผมโตเกินกว่าจะเล่นให้กับทีมชุดอายุต่ำกว่า 23 ปีแล้ว”

“ผมต้องการเล่นเป็นประจำในฟุตบอลลีก การมุ่งเน้นของผมคือ การอยู่ในทีม แม็คเคิลสฟิลด์ ซึ่งผมทำได้ และมีฟอร์มการเล่นที่ดี ส่วนค่าแรงของผมนั้น แมนฯยูไนเต็ด เป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งมันก็ไม่ยุ่งยากเหมือนกับผู้เล่นคนอื่นๆ”

โอฮาร่า กล่าวว่า ผมกำลังคิดว่า ว้าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ผู้เล่นของ แม็คเคิลสฟิลด์ เล่นโดยไม่ได้รับค่าจ้างมานานหลายเดือน และทีมของพวกเขาเกือบจะโดนฟ้องล้มละลาย โดย โอฮาร่า กล่าวว่า “ผมกำลังคิดว่า ว้าว เพื่อนร่วมทีมกำลังบอกผมว่า พวกเขาไม่สามารถรอค่าเหนื่อยที่สโมสรติดไว้ได้แล้ว พวกเขาต้องการโบนัสจากเกมที่ชนะ”

“ส่วนผมอยู่บ้าน และรับเงินเดือนจาก แมนฯยูไนเต็ด พวกเขาไม่สามารถพาทีมเลื่อนชั้นได้ และรู้สึกว่าชัยชนะเป็นเรื่องยาก ทุกคนไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้อย่างไร และมันก็ยาก ผมไม่เคยชนะเกมในลีกเลย และไม่ได้เก็บคลีนชีตแม้แต่เกมเดียว แต่ผมได้พัฒนาตัวเองในฐานะผู้รักษาประตู ซึ่งจริงๆแล้วมันช่วยให้ผมอยู่นอกเหนือความสะดวกสบายในทีมที่แพ้”

โอฮาร่า ถูกเรียกไปติดทีมชาติไอร์แลนด์ชุดอายุตำกว่า 21 ปี แต่สถานการณ์ภายในสโมสร แม็คเคิลสฟิลด์ เขาก็ยังเจอกับความยากลำบากกับผลงานอันย่ำแย่ของทีม “ผู้จัดการทีมถูกไล่ออก และผู้ช่วยของเขาเข้ามา ทำหน้าที่แทน”

“ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนเซ็นสัญญาคว้าตัวผมมาร่วมทีมกันแน่ ผมถูกดร็อปไป 5 เกม และผมก็เดินไปบอกโค้ชรักษาการว่า ผมควรได้ลงเล่น จากนั้น เขาก็ให้ผมลงสนามในเกมกับ เอ็มเค ดอนส์ และในเกมต่อมาเราก็เอาชนะ เยโอวิล ซึ่งผมเก็บคลีนชีตได้เป็นเกมแรกด้วย และโอกาสของผมก็เข้ามา”

ในเวลาต่อมา โซล แคมป์เบล อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ของ อาร์เซน่อล ได้เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แม็คเคิลสฟิลด์ ซึ่งทีมยังคงรั้งอยู่ในโซนตกชั้น โดยอดีตดาวเตะ “ไอ้ปืนใหญ่” ก็ต้องเจองานยากเช่นกัน

โอฮาร่า กล่าวว่า “บางทีผมอาจไร้เดียงสาเกินไป แต่ผมไม่รู้สึกว่า เราจะตกชั้น เราต้องออกไปเยือน น็อตส์ เคาน์ตี้ ในวันบ็อกซิ่ง เดย์ ซึ่งพวกเขาตกชั้นไปแล้ว และถ้าเราแพ้ เราก็ต้องตกชั้นตามไปด้วย แต่เราบุกไปชนะพวกเขา 2-1 ในช่วงท้ายเกม”

“โซล เป็นผู้จัดการทีมชั้นยอด เขาแยกแยะเรื่องการกินในตารางเวลาของเรา และทุกคนอยู่ในกฏเกณฑ์เดียวกัน และได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น สตาฟฟ์โค้ชอย่าง แอนดี้ โคล (อดีตกองหน้า แมนฯยูไนเต็ด) มีแนวทางการฝึกซ้อมที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งเขาให้ความช่วยเหลือทุกคนในทีม เราต้องการคะแนนในวันสุดท้ายเพื่อจะอยู่รอด และเราทำได้ มันยอดเยี่ยมมาก”

โอฮาร่า ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ แม็คเคิลสฟิลด์ หลังจากลงเฝ้าเสาให้กับทีมไปถึง 42 เกม และนั่นทำให้ เบอร์ตัน ภายใต้การนำของ คลัฟ ยืมตัวเขาไปร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งมันเป็นโอกาสสำคัญอีกครั้งหนึ่งของเด็กปั้น “ปีศาจแดง”

โอฮาร่า กล่าวว่า “2-3 เกมแรกในลีก วัน นั้นยากลำบากมาก แต่ผมก็เริ่มทำได้ดี ผมกำลังเพิ่มสิ่งต่างๆลงในเกมของผม ผมรับผิดชอบการพัฒนาของผมมากกว่าใครๆ ”

ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โอฮาร่า มีโอกาสรับใช้ทีมชาติไอร์แลนด์ชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่า “เทอร์รี่ คอนเนอร์ (ผู้จัดการผู้ช่วยไอร์แลนด์) มาดูผมที่นี่ในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฟุตบอลถ้วยคาราบาว คัพ และผมมีเกมที่ดี ผมรู้สึกขอบคุณที่ฟอร์มการเล่นของผมได้รับการยอมรับจากโค้ช”

“ผมชอบที่นี่มากๆ ผู้จัดการทีมรู้ดีว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่ และเชื่อใจนักเตะ และทีมงานที่อยู่รอบตัวเขา ซึ่งมันเป็นการเพิ่มจิตวิญญาณของทีม”

มือกาว “ยักษ์เขียว” ยังคงตั้งเป้าหมายในการลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกให้ได้ ซึ่งเขาถือว่าเป็นจุดสูงสุดในอาชีพนักฟุตบอล แต่ชีวิตของเขาในตอนนี้คือ ขับรถจากบ้านในตอนใต้ของเมืองแมนเชสเตอร์เพื่อไปยังสโมสร เบอร์ตัน ด้วยการใช้เวลา 90 นาที ซึ่งเขาจะอยู่ที่ เบอร์ตัน สัปดาห์ละครั้ง

โอฮาร่า กล่าวว่า “ผมปรับตัวได้ดีเท่าที่ผมจะคาดหวังได้ แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ในวงการฟุตบอล ผมเชื่อมั่นในตัวเองอยู่เสมอ และผมจะไม่ยอมแพ้ต่อความฝันในการเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมจะทำงานเพื่อกลบจุดอ่อนของผม”

“ผู้เล่นหลายๆคนสามารถผิดหวังในการฝึกซ้อมกับสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นจุดอ่อนได้ แต่ผมคิดว่ามันเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ และนั่นไม่ใช่ตัวผม ผมสัญญากับตัวเองว่า จะต้องก้าวไปเล่นในระดับสูงสุดที่เป็นไปได้ในวงการฟุตบอล”

โอฮาร่า อยู่ในปีสุดท้ายของสัญญากับ แมนฯยูไนเต็ด ถึงแม้ว่า “ปีศาจแดง” จะมีตัวเลือกในการขยายสัญญาของเขาออกไป แต่มันก็คงเป็นงานยากพอสมควรในการกลับไปเป็นมือ 1 ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่เขายังเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมอื่นในพรีเมียร์ลีกได้อย่างแน่นอน

โอฮาร่า อยู่ในปีสุดท้ายของสัญญากับ แมนฯยูไนเต็ด