คาร์โล อันเชล็อตติ จะประสบความสำเร็จกับ เอฟเวอร์ตัน หรือไม่

คาร์โล อันเชล็อตติ จะประสบความสำเร็จกับ เอฟเวอร์ตัน หรือไม่

คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมชาวอิตาลี ซึ่งเราสามารถเรียกเขาได้อย่างง่ายดายว่า “The Perfector” นั้น เป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากอย่างมากมาย และเขายังสามารถพาสโมสรที่เคยคุมคว้าแชมป์รายการต่างๆมาอย่างนับไม่ถ้วน

อันเชล็อตติ ได้รับการยอมรับทั้งในฐานะผู้เล่นและในฐานะกุนซือ เขาเคยคุมทีมยักษ์ใหญ่ต่างๆทั่วทวีปยุโรป อาทิ ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, เชลซี, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค นาโปลี แต่ตอนนี้ เขาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งยังไม่เคยจบฤดูกาลได้ดีกว่าอันดับที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก เลยนับตั้งแต่ปี 2014 และปัจจุบันรั้งอันดับที่ 15 ในตารางคะแนน

มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่า อันเชล็อตติ จะหลงเสน่ห์ของ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งมีความคิดในการสร้างโครงการสำหรับอนาคต และพิสูจน์ว่า เขาไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดการทีมสำหรับสโมสรใหญ่ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่สามารถวางรากฐาน และสร้างทีมเพื่อชัยชนะได้

ก่อนหน้านี้ เอฟเวอร์ตัน มีข่าวว่าให้ความสนใจในตัว อันเชล็อตติ หลังจากที่เขาอำลา บาเยิร์น แต่กลายเป็น นาโปลี ที่ได้ตัวเขาไปกุมบังเหียนเมื่อปี 2018 อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด โค้ชเลือดมะกะโรนี ก็มาทำงานในถิ่นกูดิสัน ปาร์ค จนได้

ความสำเร็จของ อันเชล็อตติ ในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแรงกดดันสูง และความผูกพันธ์ที่เขาสร้างขึ้นกับผู้เล่นของเขานั้นยอดเยี่ยม เรายังไม่ต้องพูดถึงยุทธวิธีในสนามของเขา โดย เอฟเวอร์ตัน เชื่อว่าพวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ภายใต้การทำงานของ เทรนเนอร์วัย 60 ปี รายนี้

อันเชล็อตติ เคยคว้าแชมป์ลีกร่วมกับ มิลาน, เชลซี, เปแอสเช และ บาเยิร์น มาแล้ว รวมไปถึงถ้วยยุโรปกับ มาดริด ซึ่งนั่นทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมที่จะเข้ามาทำงานในถิ่นกูดิสัน ปาร์ค หรือไม่

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อันเชล็อตติ ได้คุมทีมในสโมสรประเทศอิตาลีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด 2 สโมสรคือ ยูเวนตุส และ เอซี มิลาน อย่างไรก็ตาม กับ นาโปลี เขาไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และต้องจากกันแบบจบไม่สวย

ขณะเดียวกัน ผลงานกับ เปแอสเช นั้น ในปีแรก อันเชล็อตติ ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนน้ำหอมได้ โดยพลาดแชมป์ให้กับ มงต์เปลลิเยร์ แต่ในฤดูดาลต่อมา เขาก็แก้ตัวได้สำเร็จด้วยการพา เปแอสเช คว้าแชมป์ลีก

ในปี 2013 อันเชล็อตติ อำลา เปเอสเช ย้ายไปคุม มาดริด ในสเปน และกับทัพ “ราชันชุดขาว” นั้น เขาทำหน้าที่บริหารทีมได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะในการจัดการคนของเขาที่ควบคุมบรรดา ซุเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล และ คาริม เบนเซม่า ได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มักถูกมองข้ามก็คือ ความยืดหยุ่นในเชิงกลยุทธ์ของ อันเชล็อตติ ที่มอบให้กับ มาดริด ซึ่งในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซือชาวโปรตุเกส นั้น “ราชันชุดขาว” เล่นเกมรับเป็นหลัก แต่โค้ชชาวอิตาเลี่ยน เปลี่ยนสไตล์ไปเล่นเกมรุกสวยงาม และเน้นการควบคุมเกม

หลังจากที่ทำงานอยู่ในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาบิว เป็นเวลา 2 ปี อันเชล็อตติ ก็ไปคุม บาเยิร์น ในเยอรมัน พร้อมกับพาพลรรค “เสือใต้” คว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้สำเร็จ พร้อมกับเปลี่ยนทัศนคติผู้เล่น และสร้างความมั่นใจขึ้นมาใหม่

บาเยิร์น ต่างก็ชื่นชอบการทำงานของ อันเชล็อตติ อย่างมาก

ในช่วงแรกบรรดานักเตะ บาเยิร์น ต่างก็ชื่นชอบการทำงานของ อันเชล็อตติ อย่างมาก และชื่อเสียงของเขาในฐานะผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมก็โด่งดังไปทั่วเยอรมนี แต่หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวลือที่ผู้เล่น “เสือใต้” เบื่อหน่ายกับเซสชั่นการซ้อมของเขาก็เริ่มแพร่กระจายออกมา

คำพูดที่ไม่เหมาะสมจากผู้เล่น บาเยิร์น ที่วิพากษ์วิจารณ์วิธีการซ้อมที่ผ่อนคลายเกินไปของ โค้ชชาวอิตาลีนั้น ถูกเผยแพร่ออกมาจากสื่อ แต่ อูลี่ เออร์เนส ประธานสโมสร “เสือใต้” ยืนยันหลังจากที่ไล่ อันเชล็อตติ ออกจากตำแหน่งว่า ข่าวลือเหล่านั้นมาเป็นความจริง

อันเชล็อตติ เคยอธิบายในการให้สัมภาษณ์กับ “คิกเกอร์” สื่อฟุตบอลชื่อดังของเมืองเบียร์ว่า “ผมไม่ใช่โค้ชที่ฆ่าผู้เล่นของตัวเองในการฝึกซ้อม” ซึ่งเราก็เข้าใจได้ว่า มันจะเป็นเรื่องยากเสมอที่จะรับช่วงต่อจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อดีตยอดโค้ชชาวสเปน ที่ บาเยิร์น

กวาร์ดิโอล่า ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ บาเยิร์น และสร้างสไตล์ฟุตบอลที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในบุนเดสลีกา ขณะที่ อันเชล็อตติ ก็เป็นเทรนเนอร์ที่ดี แต่เขาพ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้และวิธีรับมือกับผู้เล่น

ที่ นาโปลี ในปี 2018 อันเชล็อตติ ได้รับการคาดหมายว่าจะนำสโมสรไปท้าชิงแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา กับ ยูเวนตุส อย่างสูสี แต่ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “อัซซูร่า” ต้องต่อสู้ด้วยงบประมาณการทำทีมที่น้อยกว่า “เจ้าม้าลาย”

การดิ้นรนเพื่อเปลี่ยนแปลงโอกาสมากมายที่พวกเขาสร้างขึ้น นาโปลี ก็ต้องทนทุกข์ทรมาน และเมื่อประธานสโมสร ออเรลิโอ เดอ ลอเรนติส สั่งให้ผู้เล่นเข้าค่ายฝึกซ้อมนานติดต่อกัน 1 สัปดาห์ หลังจากที่พวกเขามีแต้มตามหลัง ยูเวนตุส 21 คะแนน นั้น มันก็เป็นจุดแตกหักอย่างแท้จริง

เดอ ลอเรนติส กำลังมีปัญหากับนักเตะ แต่ปัญหาดังกล่าวกลับมุ่งมาที่ อันเชล็อตติ ด้วยเช่นเดียวกัน โดยกุนซือวัย 60 ปี มีประวัติการทำงานกับประธานสโมสรหลายคนที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาเหล่านั้น ต่างเชื่อมั่นในผลงานของ อันเชล็อตติ แต่กับ นาโปลี เมื่อเขาถูกแทรกแทรง มันก็เดินหน้าไปต่อด้วยกันไม่ได้

ที่ เรอัล มาดริด เขาถูกตำหนิเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้เล่น และถูกแทรกแทรงการจัดตัวนักเตะลงสนามโดย ฟอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร “ราชันชุดขาว” และที่ นาโปลี เข้าต้องวุ่นวายกับการทำงานร่วมกับ เดอ ลอเรนติส

อันเชล็อตติ จะพบความไว้วางใจและโครงการที่เขาใฝ่ฝันที่กูดิสัน ปาร์ค หรือไม่ โดยหากดเราอ้างอิงจากคำพูดของ เปาโล มัลดินี่ อดีตยอดกองหลังกัปตันทีม เอซี มิลาน ที่เคยระบุว่า “ไม่มีทีมไหนในโลกที่ คาร์โล ไม่สามารถเป็นโค้ชได้” คำพูดของ ตำนานแบ็คซ้ายทีมชาติอิตาลีนั้น จะเป็นจริงหรือไม่ เอฟเวอร์ตัน จะให้คำตอบในไม่ช้า

อันเชล็อตติ จะพบความไว้วางใจและโครงการที่เขาใฝ่ฝัน