คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ (Cardiff City)

สโมสรฟุตบอล คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

สโมสรฟุตบอล คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ แข่งขันฟุตบอลในลีกประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ.1899 โดยใช้ชื่อริเวอร์ไวด์ เอเอฟซี ต่อมาในปี ค.ศ.1908 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ปีค.ศ.1910 เข้าแข่งขันครั้งแรกในฟุตบอลลีกตอนใต้ และปีค.ศ.1920 ได้เข้าแข่งขันในฟุตบอลลีกของอังกฤษ พวกเค้าเป็นสโมสรเดียวที่ไม่ใช่ทีมจากอังกฤษที่สามารถคว้ามแชมป์เอฟเอคัพได้ในปีค.ศ.1927 พวกเค้าได้เข้าชิงชนะเลิศรายการนี้อีก 2 ครั้งคือ ปีค.ศ.1925 แพ้ต่อเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, ปีค.ศ.2008 แพ้ต่อพอร์ทสมัธ และปีค.ศ.2012ชิงชนะเลิศรายการลีกคัพ ก็แพ้ลิเวอร์พูลในการยิงจุดโทษ และพวกเค้ายังชนะการแข่งขันรายการ เวลส์คัพ ถึง 22 ครั้ง ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับสองรองจากเร็กแฮม

คาร์ดิฟฟ์แข่งขันอยู่ในลีกสูงสุดของอังกฤษอย่างยาวนาน ในช่วงค.ศ.1921-1929 เป็นเวลาถึง9 ฤดูกาลเลียทีเดียว ปัจจุบัน ฤดูกาล2018-2019 พวกเค้าก็เล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ค.ศ.1908 คาร์ดิฟฟ์ใช้ชุดแข่งขันสีน้ำเงินและขาว จนได้รับฉายาว่า เจ้านกสีน้ำเงิน ยกเว้นช่วปีค.ศ.2012-2015 ที่เจ้าของทีมได้เปลี่ยนสีเป็นสีแดง แต่เดือนมกราคม2015 พวกเค้าก็กลับมาใช้สีน้ำเงินเหมือนเดิม คาร์ดิฟฟ์ใช้สนามนิเนียน พาร์ค จนถึงปีค.ศ.2009 ก่อนจะย้ายมาแข่งที่ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม พวกเค้ามีทีมคู่ปรับที่อยู่ใกล้กันอย่าง สวอนซี ซิตี้ เวลาพบกันจะเรียกว่า เดอะ เซ้าท์ เวลส์ ดาบี้ และทีม บริสตอล ซิตี้ เวลาพบกันจะเรียกว่า เดอะ เซเว่นไซด์ ดาบี้

History

ค.ศ. 1899-1920

สโมสรก่อตั้งขึ้นในค.ศ.1899 ภายใต้ชื่อริเวอร์ไซด์ เอเอฟซี ตามที่ประชุมที่บ้านของศิลปินชื่อ บาร์ลีย์ วิลสัน ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ เพื่อจะรักษาสภาพร่างการของนักกีฬาคริกเก็ตในช่วงฤดูหนาว พวกเค้าลงแข่งครั้งแรกในนัดกระชับมิตรกับทางทีมท้องถิ่นที่ โซเฟีย การ์เด็น กราวด์ ปีค.ศ.1900พวกเค้าได้เข้าแข่งขันฟตบอลในเขตเมืองคาร์ดิฟฟ์ และปีค.ศ.1905 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ได้แต่งตั้งคาร์ดิฟฟ์เป็นเมือง ด้วยเหตุนี้สโมสรจึงขอเข้าร่วมสมาคมฟุตบอลเวลส์ตอนใต้และมนต์เม้าท์เชียร์ ภายใต้ชื่อ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากระดับของทีมยังไม่สูงมากพอ คาร์ดิฟฟ์ก็เลยเข้าร่วมแข่งขันลีกสมัครเล่นของเวลส์ตอนใต้ ปีถัดมาพวกเค้าก็ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมสมาคมและเปลี่ยนชื่อเป็นคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เมื่อสโมสรเติบโตขึ้น พวกเค้าก็ถูกบีบให้เล่นในดิวิชั่น2 เนื่องจากสนามโซเซีย การ์เด็น กราวด์ นั้นยังไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ 2ปีต่อมาคาร์ดิฟฟ์ได้จัดการแข่งขันนัดกระชับมิตรกับสโมสรฟุตบอลอาชีพอย่าง มิดเดิ้ลโบว์, บริสตอล ซิตี้ และคริสตัล พาเลซ โดยแข่งในสนามต่างๆในเมืองคาร์ดิฟฟ์และใกล้เคียง เพื่อให้เป็นที่รุ้จักมากยิ่งขึ้น

ปีค.ศ.1910 ทีมย้ายมาแข่งที่สนามนิเนียน พาร์ค และได้เซ็นสัญญาซื้อนักเตะคนแรกคือ แจ็ค อีแวนส์ หลังจากย้ายสนามแข่งและเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่นสองตอนใต้แล้ว คาร์ดิฟฟ์ได้แต่งตั้ง ดาวี่ แม็คดอว์กอล เป็นผู้เล่นและผู้จัดการทีม พวกเค้าคว้าอันดับที่4 ได้หลังจบฤดูกาล แต่ผู้บริหารของทีมตัดสินใจเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น เฟร็ด สจ๊วต อดีตผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ของ สต๊อคพอร์ท เค้าทรี สจ๊วตยกระดับทีมโดยการเซ็นสัญญานักเตะอาชีพที่มีประสบการณ์ในฟุตบอลลีก เข้ามาในทีมมากขึ้นได้แก่สองพี่น้อง จอห์น และจอร์จ เบอร์ตัน และบิลลี่ ฮาร์ดี้ และช่วนให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นได้ในฤดูกาลถัดไป ด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น2 ได้สิทธิเลื่อชั้นสู่ดิวิชั่น1 และติด1ใน4ทีมที่ได้คะแนนสูงสุดตลอด2ฤดูกาลที่แข่งขัน หลังจากนั้นฟุตบอลก็หยุดลงจากภาวะสงครามโลกครั้งที่1

Cardiff City Team 1920-21

ค.ศ.1920-1945

ปีค.ศ.1920 พวกเค้าได้รับการรับรองให้ร่วมแข่งขันในฟุตบอลลีกได้ โดยเริ่มในดิวิชั่น 2 ฤดูกาล1920-1921 สจ๊วตได้นำผู้เล่นมากประสบการณ์เข้ามาในทีมมากมาย อย่างเช่น จิมมี่ กิลล์ และ จิมมี่ แบลร์ จาก เดอะ เว้นเนสเดย์ นัดแรกในฟุตบอลลีกของพวกเค้า เกิดขึ้นในวันที่28 สิงหาคม 1920 ด้วยการเอาชนะทีมสต๊อคพอร์ท เค้าตี้ไปได้ 5-2 และฤดูกาลนั้นพวกเค้าคว้าอันดับ2 ได้สิทธิเลื่อนชั้นขึ้นดิวิชั่น1 และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในการแข่งขันเอฟเอคัพ ฤดูกาลที่3 พวกเค้าพลาดการได้แชมป์อย่างน่าเสียดาย เมื่อมีแต้มเท่ากับฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ และในนัดสุดท้ายช่วงที่เสมอกัน 0-0 เล็น ดาวีส์ ยิงจุดโทษพลาด และฤดูกาลหลังจากนั้นคาร์ดิฟฟ์ได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ ที่เวมเบอลีย์ เป็นครั้งแรกแต่ แพ้ต่อเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดไป 0-1 อย่างไรก็ตามฤดูกาล1926-1927พวกเค้าทำได้แย่ที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุด ด้วยการจบอันดับที่ 12 แล้วได้เข้าชิงชนะเลิศการแข่งขันเอฟเอคัพในรอบสองปี วันที่ 23 เมษายน 1927 สนามเวมเบอลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พวกเค้าสามารถเอาชนะอาร์เซน่อลได้ 1-0 ทำให้พวกเค้าเป็นทีมเดียวที่ไม่ใช่ทีมจากอังกฤษที่คว้าแชมป์ได้สำเร็จ ได้รับถ้วยรางวัลจากพระเจ้าจอร์จที่5 โดยทีมใช้เวลาพียง7ปี ในการแข่งขันในฟุตบอลลีก เมื่อพวกเค้ากลับไปยังเมืองคาร์ดิฟฟ์ มีแฟนบอลกว่า 150,000คนให้การต้อนรับและร่วมฉลองความสำเร็จนี้ และปีเดียวกันนี้พวกเค้าก็คว้าแชมป์ เวลส์คัพ และฟุตบอลการกุศลอย่าง เอฟเอ แชริตี้ชิลด์

อย่างไรก็ตาม หลังประสบความสำเร็จมากมาย ฤดูกาล1928-1929 ทีมก็ต้องตกชั้นจากดิวิชั่น1 ไปอยู่ดิวิชั่น2 และ 2 ปีต่อมาก็ตกชั้นอีกครั้งไปอยู่ในดิวิชั่น3 ซึ่งในฤดูกาล1932-1933 พวกเค้าทำสถิติยิงประตูสูงสุดด้วยการเอาชนะ เธมส์ ไป9-2 และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 19 เฟร็ด สจ๊วต ตัดสินใจลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีม สิ้นสุดการทำงานกว่า 22 ปีกับสโมสรลง สโมสรแต่ตั้ง บาร์ลีย์ วิลสันมาทำงานแทน แต่ผลงานไม่น่าพอใจ สโมสรจึงให้ เบน วัตต์ โจนส์ เข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนาเยาวชน แต่ทีมก็ยังคงไม่สามารถเลื่อนชั้นได้ ทำให้ทีมต้องคัดเลือกเข้าแข่งใหม่ และวัตต์ โจนส์ ใช้เวลา 3 ปีก็ถูกแทนที่ด้วย บิลล์ เจนกิ้งส์ แต่คาร์ดิฟฟ์ก็ยังคงแข่งขันอยู่ในดิวิชั่น3 ตอนใต้จนถึงสงครามโลกครั้งที่2

ค.ศ.1945-2000

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ฟุตบอลลีกก็กลับมาแข่งขันอีกครั้ง บิลลี่ แม๊คแคนเดิ้ลส์ ผู้จัดการทีมคาร์ดิฟฟ์นำทีมจบฤดูกาล 1946-1947 ด้วยการเป็นแชมป์ลีกดิวิชั่น3 ตอนใต้ เลื่อชั้นกลับขึ้นไปดิวิชั่น2 ก่อนจะออกจากสโมสรและได้ ซีริล สปีเออร์ มาคุมทีมแทน และช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นในฤดูกาล 1951-1952 กลับสู่ลีกสูงสุดของอังกฤษอีกครั้งในรอบ 23ปี อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันในดิวิชั่น1 พวกเค้าก็ได้อันดับสุดท้ายและตกชั้นในปี ค.ศ.1957 ก่อนที่อีกlสองปีต่อมาจะได้เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาอีกในค.ศ.1960 และปีค.ศ.1962พวกเค้าก็ตกชั้นอีกครั้ง

คาร์ดิฟฟ์ได้แข่งขันในฟุตบอลยุโรปครั้งแรก เมื่อพวกเค้าคว้าแชมป์ เวลส์คัพ โดยแข่งในรายการ ยูโรเปี้ยนคัพ วินเนอร์คัพ โดยเอาชนะทีมจากเดนมาร์กอย่าง เอสเบิร์ก เอฟบี 1-0 จากการทำประตูของ ปีเตอร์ คิง พวกเค้าเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศก่อนจะตกรอบด้วยน้ำมือของ เรอัล ซาราโกซ่า แม้จะทำได้ดีในยุโรป แต่ในลีกภายใต้การทำทีมของ จิมมี่ สคูร์ลาร์ พวกเค้าจบด้วยอันดับที่20 ในดิวิชั่น2 สองปีต่อมาพวกเค้าเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในการแข่งขัน วินเนอร์คัพ ซึ่งถือว่าดีที่สุดที่ทีมจากเวลส์ทำได้ โดยพวกเค้าเอาชนะทีมฮัมบูร์ก ทีมที่มีนักเตะทีมชาติเยอรมัน หลังจากนั้นแรกเสมอกัน 1-1 นัดที่2 มีผู้ชมไปชมการแข่งขันที่ นิเนียน พาร์ค มากถึง 43,000 คน ในฤดูกาล 1970-1971 คาร์ดิฟฟ์เข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับทีมเรอัล มาดริด โดยนัดแรกแข่งที่ นิเนียน พาร์ค ท่ามกลางผู้ชมถึง 47,000 ไบรอัน คล้าก โหม่งให้ทีมชนะไปก่อน 1-0 นัดที่2 พวกเค้าพ่ายไป 0-2 พลาดโอกาสเข้าชิงชนะเลิศอย่างน่าเสียดาย

คาร์ดิฟฟ์ยังคงแข่งขันอยู่ในดิวิชั่น2 ตลอดระยะเวลา 19 ฤดูกาลจาก 20ฤดูกาล คือช่วงค.ศ.1962-1982 แล้วตกชั้นไปดิวิชั่น3 ในฤดูกาล1975-1976 หลังจากตกชั้นคาร์ดิฟฟ์ก็พยายามเปลี่ยนแปลงทีมหลายครั้งก็ไม่สามารถทำให้ทีมดีขึ้นได้ยังคงวนเวียนอยู่ระหว่างดิวิชั่น3และ4 ในปีฤดูกาล1985-1986 ทีมตกชั้นไปดิวิชั่น4 ก่อนจะขึ้นมาดิวิชั่น3ได้2ครั้งปัค.ศ.1995นั้น สโมสรเวลส์ที่เล่นอยู่ในลีกอีงกฤษถูกห้ามลงแข่งขันในฟุตบอลยุโรป เนื่องจากความซ้ำซ้อนของสิทธิการแข่งขันในรายการเวลส์คัพ แม้สมาคมฟุตบอลเวลส์จะอุธรณ์แล้วแต่ก็ไม่มีผล ก่อนที่ปีถัดมาคาร์ดิฟฟ์จะจบฤดูกาลด้วยอันดับที่22 จากทั้งหมด 24 ทีม

Sam Hammam เจ้าของสโมสรคาร์ดิฟฟ์

ค.ศ.2000 ถึงปัจจุบัน

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2000 นักธุรกิจชาวเลบานอน ชื่อ แซม แฮมแมม ได้ซื้อกิจการสโมสรและหวังจะทำให้คาร์ดิฟฟ์เป็นตัวแทนของประเทศเวลส์ด้วยการเปลี่ยนชื่อ เป็นคาร์ดิฟฟ์เชลติกและสีชุดสโมสรเป็น เขียว, แดง และขาว แต่หลังจากที่ได้หารือกับนักฟุตบอลอาวุโลและแฟนบอลแล้วตัดสินใจว่าจะยังคงใช้ชื่อเดิมอยู่

แฮมแมมทุ่มงบประมาณลงมาในทีมจำนวนมากด้วยการซื้อผู้เล่นใหม่อย่าง เลนนี่ ลอว์เรนจ์ และช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นดิวิชั่น1 ได้สำเร็จ ในรอบ18ปี ปีค.ศ.2006 ทีมมีแผนที่จะสร้างสนามใหม่ แต่ทางสภาเมืองกังวลเรื่องความมั่นคงทางการเงินของสโมสรเนื่องจากภสวะหนี้สิ้นในช่วงที่แฮมแมมเป็นประธานสโมสร ต่อมา แฮมแมมได้ขายสโมสรให้กับ ปีเตอร์ ริดส์เดิ้ล และเค้าก็เป็นผู้นำในการสร้างสนามใหม่ ในช่วงฤดูกาล 2007-2008 วันที่9 มีนาคม 2008คาร์ดิฟฟ์เข้าถึงชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 81 ปี แต่ก็แพ้ให้กับพอร์ทสมัธไปอย่างน่าเสียดาย 0-1

เดือนพฤษภาคม 2010 ดาตุค ชาน เทียน กีห์ ชาวมาเลเซีย ได้ซื้อกิจการเป็นประธานสโมสร และวินเซ้นต์ ทัน ลงทุนและเข้ามาเป็นบอร์ดของสโมสร ปีถัดมาได้มีการแต่งตั้ง มัลคีย์ แมคเคย์เป็นผู้จัดการทีม ซึ่งเค้านำทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลลีกคัพตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุมทีม และฤดูกาลถัดมาก็ช่วยให้คาร์ดิฟฟ์คว้าแชมป์ ลีกแชมป์เปี้ยนชิพ เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และถือเป็นการกลับสู่ลีกสูงสุดได้หลังจากที่ห่างหายไป52ปี วันที่18 สิงหาคม 2013 แข่งในพรีเมียร์ลีกครั้งแรก โดยไปเยือนเวสต์แฮม และแพ้ไป 0-2 คาร์ดิฟฟ์ชนะนัดเดียวจาก 3 นัด ทำให้แมคเคย์ถูกไล่ออก และแทนที่ด้วย โอเล่ กูนนาร์ โซชาร์ แต่หลังเปลี่ยนแปลงการทำทีม คาร์ดิฟฟ์ก็ตกชั้นไปเล่นใน เดอะ แชมป์เปี้ยนชิพ อีกครั้ง โซชาร์ถูกไล่ออกในวันที่ 18 พฤษจิกายน 2014 และแต่งตั้งอดีตผู้จัดการทีม เลย์ตัน โอเรียลต์ เป็นผู้จัดการทีมแทนคือ รัสเซลล์ สเลด

ปีค.ศ. 2016 เนล วอร์นอร์ก เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมและทำให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้น แม้ว่าฤดูกาล 2016-2017 พวกเค้าจะจลด้วยอันดับที่ 12 แต่ฤดูกาล 2017-2018 พวกเค้าเริมต้นได้ดีด้วยการชนะรวด 3 นัดแรก ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดของสโมสรตั้งแต่เข้าสู่ลีกอาชีพ ปีนั้นพวกเค้าจบอันดับที่2 และเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก