หัวหอกเลือดน้ำหอมจอมกระทุ้ง คาริม เบนเซม่า (Karim Mostafa Benzema)

หัวหอกเลือดน้ำหอมจอมกระทุ้ง คาริม เบนเซม่า

คาริม มุสตาฟา เบนเซม่า เกิดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 1987 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวฝรั่งเศส เล่นเป็นกองหน้าอยู่ที่สโมสร เรอัล มาดริด และทีมชาติฝรั่งเศส เขาเคนเล่นให้ทั้งสโมสรในฝรั่งเศสและทีมในสเปน มีผู้คนกล่าวว่าเขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ ซึ่งเขาเป็นนักเตะที่ “แข็งแกร่ง” และ “มีพลังสูง” ทำให้เขากลายเป็นเพชฌฆาตในกรอบเขตโทษ

เบนเซม่า เกิดที่เมือง ลียง เขาเล่นกับสโมสรท้องถิ่น บรอน เตอลาลอง ในปี 1996 เขาย้ายมาเล่นกับสโมสร ลียง โดยเล่นตามลำดับขั้น ทั้งทีมเยาวชน และขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ ลียง เมื่อฤดูกาล 2004/05 และเล่นที่นั่นสามฤดูกาล พาทีมคว้าแชมป์ 3 รายการ ในฤดูกาล 2007/08 เบนเซม่า เป็นนักเตะที่ยิงประตูได้มากกว่า 30 ประตู โดยทีมคว้าแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่เจ็ด จากผลงานของเขาได้รับรางวัลจาก สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (ลีกเอิง) โดยเขาได้รับรางวัลพร้อมกับทีมในปีนั้นด้วย เบนเซม่า ได้รับรางวัลดาวซัลโวของทีม ได้รับรางวัล บราโว่ อวอร์ด จากนิตยสารแม็กกาซีนของอิตาลี “เกวริน สปอร์ติโว่” หลังจากที่เล่นให้ ลียง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2009 เบนเซม่า ย้ายทีมสู่ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร (50 ล้านดอลลาร์) และเซ็นสัญญากับทีม 6 ปี

ในปีแรกที่เขาอยู่กับ มาดริด หลังเป็นปีที่เขาต้องปรับตัว แต่พอมาอีกสองฤดูกาลเขายิงประตูได้มากขึ้น โดยทำได้ 32 ประตูช่วยให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์โคป้า เดล เรย์ เมื่อปี 2011 และแชมป์ลาลีกา 2011/12 เขาเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฝรั่งเศส 3 ครั้งในปี 2011,2012 และ 2014

เบนเซม่า เคยเป็นนักเตะเยาวชนของทีมฝรั่งเศส ติดทีมตั้งแต่อายุ 17 ปี และย้ายมาเล่นในระดับซีเนียร์ เขาลงเล่นในทีมยู 17 ชนะเลิศฟุตบอล ยูโร-ยู17 ปี 2004 เบนเซม่า ได้ลงสนามให้ฝรั่งเศสชุดใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม 2007 โดยลงสนามนัดแรกในเกมกระชับมิตรกับออสเตรีย โดยยิงประตูชัย 1-0 เบนเซม่า ลงสนามกว่า 80 นัดให้ฝรั่งเศส ลงแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ กว่า 3 รายการ ทั้ง ยูโร 2008,2012 และฟุตบอลโลก 2014 อย่างไรก็ตามเขาพลาดการลงสนามให้ทีมชาติกว่า 3 โอกาสคือ ฟุตบอลโลก 2010 เพราะว่าลงสนามให้ มาดริด น้อยเกินไป, ยูโร 2016 ถูกแบล็กเมล์และ ปี 2018 ไม่ได้ถูกเรียกตัวไปเนื่องจากเหตุผลด้านแท็กติก

คาริม เบนเซม่า ในช่วงแรกที่ย้ายมา เรอัล มาดริด เขาต้องนั่งเป็นตัวสำรองเสียส่วนมาก แต่เขาก็อาศัยความพยายาม หมั่นฝึกซ้อมทำให้เขาเป็นที่รักของกุนซือและเพื่อนร่วมทีม รวมถึงเขาได้รับการสนับสนุนที่ดีจาก ซีเนอดีน ซีดาน ทำให้เขาได้อยู่ที่ถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ต่อไปโดยที่ไม่ถูกขายออกจากทีม และหลังจากที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ชาวโปรตุเกสย้ายออกจาก มาดริด ในฤดูกาลนี้ เขาก็กลายเป็นนักเตะหลักที่ได้ลงสนามให้ทีมในที่สุด เขาประสบความสำเร็จมากมายกับ เรอัล มาดริด แต่กับทีมชาติฝรั่งเศส เขาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ระดับสโมสรที่ค้าแข้งตั้งแต่เริ่ม

ระดับสโมสรที่ค้าแข้งตั้งแต่เริ่ม

เบนเซม่า เริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีมท้องถิ่น บรอน เตอลาลอง ด้วยวัยเพียง 8 ปี ขณะที่เขามีชื่อเล่นว่า โคโค่ หลังจากที่เขายิงสองประตูในเกม ยู 1 ที่แข่งกับทีมเยาวชนของ ลียง ฟอร์มของเขาก็ไปเตะตาสโมสรใหญ่ๆในเมือง จากการกล่าวของ แซรจ์ ซานตา ครูซ ที่เป็นประธานสโมสรบ รอน เตอลาลอง ในช่วงทศวรรษ 1990 ลียง เรียกเขาไปเซ็นสัญญาในฐานะนักเตะดาวรุ่งของทีม ซึ่ง ซานตา ครูซ ปฏิเสธ หลังจากที่ได้คุยกับพ่อของ เบนเซม่า สโมสรบ รอน เตอลาลอง จำเป็นต้องปล่อยให้เขาย้ายไปร่วมทีม ลียง อย่างเป็นทางการ โดยที่ เบนเซม่า ได้เข้าร่วมทีม ลียง ในระดับเยาวชนของทีม

โอลิมปิก ลียง

เบนเซม่า ขึ้นชั้นมาเล่นระดับเยาวชนของ ลียง อย่างรวดเร็ว โดยตอนแรกเขาก็เป็นเด็กเก็บบอลให้ทีม ลียง ชุดใหญ่ด้วย และก็ยังเตะบอลไปด้วยระหว่างที่เรียนหนังสือ ซึ่งก็กล่าวว่า “เขาเป็นเด็กที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน” ในฟุตบอลระดับ ยู 16 เบนเซม่า ยิงได้กว่า 38 ประตูในฟุตบอล ช็องปิยงนาต์ ในฟุตบอลภายในประเทศเขาได้ลงสนามในระดับต่ำกว่า 16 ปีด้วย นับตั้งแต่ปี 2004-05 เบนเซม่า ได้รับการโปรโมทขึ้นสู่ทีมในชุดสำรอง ที่ทำให้เขาได้เล่นในเกมระดับสมัครเล่น ก็คือเป็นระดับฟุตบอลดิวิชั่น 4 ในช่วงที่พบเบรกฤดูใบไม้ร่วง เขายิงประตูให้ทีมได้สูงสุด 10 ประตูกับ ลียง ทีมสำรอง และพาทีมจบอันดับที่สองของกลุ่ม

ฤดูกาล 2004-07

เบนเซม่า ได้ถูกเรียกขึ้นชั้นสู่ทีมชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกภายใต้กุนซือ ปอล เลอ กูแอ็น ระหว่างช่วงพักครึ่งของฤดูกาล โดยเขาเป็นกองหน้าที่ได้รับมอบหมายให้คอยแนะนำนักเตะที่มาใหม่ที่สโมสร ซึ่งบางครั้งเขาได้เป็นเพื่อนคนสนิทกับ มิคาเอล เอสเซียง,ซิลแว็ง วิลตอร์,ฟลอร็องต์ มาลูด้า, และเอริค อบิดัล ขณะที่การพูดคุย เบนเซม่า เป็นนักเตะที่ร่าเริงและมักจะคุย เรื่องตลก ทำให้เขาเป็นที่รักใครของเพื่อนฝูง “หากว่าคุณไม่หัวเราะ และคุณต้องการจะมีความสุขให้คุณมาคุยกับเขาได้” เบนเซม่า ได้ก้าวขึ้นชั้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ ลียง โดยการเปลี่ยนตัวกับ ปิแอร์ อแล็ง โฟร์ โดยเกมแรกของเขา ลียง ชนะได้ 2-0 และ เบนเซม่า แอสซิสต์ประตูที่สองให้ ไบรอัน เบอร์กูโนซ์ ยิงประตูได้ด้วย

จากนั้นเขาได้เซ็นสัญญาขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพของทีม โดยตอบตกลงเซ็นสัญญา 3 ปีกับ ลียง ชุดใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็ได้ลงสนามในฐานะนักเตะสำรองเท่านั้น วันที่ 2 เมษายน เบนเซม่า ได้ลงสนามในฐานะนักเตะอาชีพเป็นครั้งแรก เกมที่ชนะ ล็องส์ 1-0 ปีนั้น เขาได้ลงสนามให้ ลียง 6 เกมและพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิง เป็นสมัยที่สี่ติดต่อกัน

เบนเซม่า เริ่มต้นเล่นฟุตบอลในฤดูกาล 2005/06 ภายใต้ผู้จัดการทีมคนใหม่ เชราร์ อุลลิเยร์ ภายใต้ผู้จัดการทีมอุลลิเย่ร์ เขาไม่ค่อยได้ลงสนามมากนักเพราะว่าต้องเป็นตัวสำรองของ เฟร็ด ดาวเตะชาวบราซิล และ ซิลแว็งต์ วิลตอร์ กว่าเขาจะได้ลงสนามในฤดูกาลนั้นก็เป็นวันที่ 2 ตุลาคม 2005 ในฟุตบอลลีก เป็นเกมชนะเหนือ แรนส์ โดยลงมาเป็นตัวสำรอง วันที่ 6 ธันวาคม เขาได้ลงสนามเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดแรกเป็นเกมรอบแบ่งกลุ่มที่พบ โรเซนบอร์ก เขายิงประตูแรกในฟุตบอลอาชีพ เกมนั้นทีมชนะ 2-1 หนึ่งเดือนต่อมา เบนเซม่า ยิงได้สองประตูเกมที่พบ เกรอน็อบล์ ในฟุตบอล เอฟเอคัพ ฝรั่งเศส วันที่ 4 มีนาคม 2006 เบนเซม่า ยิงประตูในฟุตบอลลีกเอิงเป็นครั้งแรกเกมที่ชนะ อฌักซิโอ้ 3-1

เบนเซม่า ได้ลงสนามมากขึ้นในฤดูกาล 2006-07 โดยนัดแรกเขาลงสนามเกมโทรฟี่ เดอ ชองปิยงส์ เกมที่พบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ปี 2006 ในฟุตบอลเฟร้นช์ ซูเปอร์คัพ เบนเซม่า ยิงประตูจากลูกจุดโทษ เกมที่เสมอ 1-1 ให้ ลียง และหลังจากนั้นทีมก็ยิงลูกโทษตัดสินชนะได้ 5-4 คว้าแชมป์รายการนี้ได้

เบนเซม่า เปิดลีกโดยยิงประตูได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนามพบ น็องต์ ในอีกสามสัปดาห์ถัดมา เบนเซม่า ลงสนามมาเป็นตัวสำรองและยิงสองประตูแรกเกมชนะ 4-1 เหนือ นีซ นอกจากนี้เขายิงได้สองประตูเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดที่พบ ทีมจากโรมาเนีย สเตอัว บูคาเรสต์ และทีมจาก ยูเครน ดินาโม เคียฟ หลังจากนั้นวันที่ 10 พฤศจิกายน เบนเซม่า เจ็บเอว ทำให้เขาต้องพักราว 3 เดือนกว่าจะได้ลงสนามอีกครั้งก็เดือน กุมภาพันธ์ 2007 เบนเซม่า พลาดที่จะเสียประตูจนกระทั่งเกมลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล เกมที่แข่งกับ น็องต์ เขาก็ได้ลงสนามและ ลียง ก็คว้าแชมป์ลีกเอิงเป็นสมัยที่หกติดต่อกัน

คาริม เบนเซม่า โอลิมปิก ลียง

ฤดูกาล 2007/08

ในฤดูกาล 2007/08 ลียง เสีย ฟลอร็องต์ มาลูด้า, จอห์น คาริว และ ซิลแว็ง วิลตอร์ ทำให้เขาได้สวมเสื้อหมายเลข 10 กับทีมและรับบทเป็นกองหน้าตัวเป้าของทีม โดยเขามีความสัมพันธ์อันดี กับ อแล็ง แปรแร็ง เขายิงประตูได้กว่า 31 ประตูใน 51 เกม ในเกมลีกเขายิงได้กว่า 20 ประตู ยิงได้ 4 ประตูในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก และหนึ่งประตูในฟุตบอล เฟร้นช์ลีกคัพ และ อีก 6 ประตูในฟุตบอล เฟรนช์ คัพ เขาช่วยให้ลียงคว้าดับเบิลแชมป์เป็นครั้งแรก และยังมีเกมที่เขายิงแฮตทริกที่พบ เม็ตซ์ วันที่ 15 กันยายน จากนั้นยิงตีเสมอนาทีที่ 90 กับ แซงต์ เอเตียน เกมดาร์บี้แมตช์ แคว้นโรห์น , ยิงหนึ่งประตูเกมที่พบ ล็องส์ ซึ่งได้จัดว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดด้วย

ในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก เบนเซม่า ยิงสองประตูเกมที่พบ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ที่สนามอิบร็อกซ์ สเตเดี้ยมซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เกมนั้น ลียง ชนะ 3-0 ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกได้ต่อไป ลียง พบ แมนยู และ เบนเซม่า ก็ยังยิงประตูได้จากนอกเขตโทษ เกมเลกแรกที่เสมอ 1-1 และ ยูไนเต็ด ก็ชนะด้วยสกอร์รวม 2-1 แมนยู มี เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีมได้กล่าวยกย่อง คาริม เบนเซม่า ว่าเล่นได้ยอดเยี่ยม ประธาน ลียง ฌอง-มิเชล โอลาสก็ได้นั่งข้าง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในการดูเกมนั้นด้วย

วันที่ 13 มีนาคม 2008 เบนเซม่า ได้ขยายสัญญาของเขาที่ ลียง ต่อจนถึงปี 2013 บวกกับออปชั่นขยายสัญญากับทีมอีกหนึ่งปี ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ได้ค่าเหนื่อยสูงสุดในฟุตบอลลีกเอิงด้วย และปีนั้นเขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกเอิง ได้อยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปี และได้รับรางวัล โทรฟี่ เดอ มูลิเยร์ บูเตอร์ สำหรับตำแหน่งดาวซัวโลของลีก เขาได้รับเลือกจากนิตยสารของฝรั่งเศสว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีโอกาสได้รับรางวัลบัลลง ดอร์ด้วย แต่ภายหลังเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้ไป

ฤดูกาล 2008-09

เบนเซม่า ออกสตาร์ทฤดูกาล 2008/09 ยิงได้สองประตูเกมเปิดลีกที่พบ ตูลูส นับจากนั้นอีกสามสัปดาห์ เขายิงประตูเกมที่พบกับคู่แข่งจากโรนส์-แอลป์ (เกรอะน็อบล์) และ แซงต์ เอเตียน และยิงประตูเกมที่พบ นีซ จากลูกจุดโทษ ลียง ชนะได้ทั้งสามนัด ท่านประธานสโมสร ฌอง-มิเชล โอลาส เตรียมมอบเงินพิเศษจำนวน 100 ล้านยูโรเพื่อรั้ง เบนเซม่า ให้อยู่ต่อ ซึ่งเขามีรูปขึ้นปกวิดิโอเกม ฟีฟ่า เคียงข้าง ฟร้องค์ ริเบรี่

เขายิงประตูที่เจ็ดในฤดูกาลเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ยิงประตู 2-0 ในชัยชนะเหนือ บอร์กโดซ์ เบนเซม่า ยิงประตูอีกครั้งเกมที่ชนะ เลอ ม็องส์ 2-0 เขาได้เป็นดาวซัลโวในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มโดยยิงได้ 5 ประตู จากเกมที่ชนะ สเตอัว บูคาเรสต์ ยิงสองประตูเกมที่พบ ฟิออเรนตินา และยิงหนึ่งประตูเกมที่พบ บาเยิร์น มิวนิค

หลังจากพักเบรกช่วงหนีหนาว เบนเซม่า ยิงประตูไม่ได้เลยตลอดสามเกมติดต่อกัน ก่อนที่จะมายิงประตูที่ 11 ในฤดูกาล เกมที่ชนะ นีซ 3-1 สองสัปดาห์ต่อมา เขายิงประตูที่ 12 เกมที่ชนะ น็องซี่ 2-0 อีกเก้านัดต่อมา ทั้ง เบนเซม่า และ ลียง ต้องพบอุปสรรคเมื่อแพ้ไป 4 นัด เสมอ 3 และชนะเพียงแค่สองเกม เขายิงประตูได้เพียงสองประตูทั้งสองประตูเป็นเกมที่ชนะ เลอ ม็องส์ ได้ 3-1 จากฟอร์มที่ย่ำแย่ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียอันดับหนึ่ง ทำให้ ลียง ฤดูกาล 2008/09 ลียง ชวดคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกเอิงในที่สุด โดยสร้างสถิติให้ ลียง คว้าแชมป์ลีกเอิงเจ็ดสมัยติดต่อกัน และ เบนเซม่า คว้าแชมป์ลีกเอิงกับทีมเป็นครั้งที่สี่

นอกจากนี้ เบนเซม่า ยังยิงประตูที่ 15 และ 16 เกมวันที่ 17 พฤษภาคม เกมไปเยือน มาร์กเซย เป็นเกมชนะ 3-1 ประตูแรกที่ทีมทำได้มาจากลูกโทษ เขายิงประตูที่ 17 เกมที่พบ ก็อง ชนะ 3-1 ทำให้เขาได้ตำแหน่งที่สามของดาวซัลโว

เบนเซม่า เรอัล มาดริด

เรอัล มาดริด

ฤดูกาล 2009/10 เขาได้รับความสนใจจาก เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป ด้วยค่าตัวในการย้ายทีมอยู่ที่ 35 ล้านยูโร ซึ่งอาจจะเพิ่มเป็น 41 ล้านยูโรขึ้นอยู่กับจำนวนนัดที่ลงเล่น วันที่ 9 กรกฎาคม เบนเซม่า ก็ตรวจร่างกายผ่านและเซ็นสัญญากับทีมชุดขาว 6 ปี เซ็นสัญญากันช่วงบ่าย และในคืนนั้นเขาก็ได้ลงมาในสนามเพื่อเปิดตัวกับแฟนบอลด้วย ปีนั้นเองเขาย้ายเข้าทีมพร้อมกับ กาก้า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้วย

เบนเซม่า ได้ลงสนามให้ มาดริด เป็นนัดแรกวันที่ 20 กรกฎาคม โดยเป็นการลงสนามช่วงปรีซีซั่น กับ แชมร็อก โรเวอร์ ที่ ดับลิน โดยลงสนามมาในครึ่งหลัง เขายิงประตูโทนให้ทีมชนะ 1-0 นาที 87 ด้วย วันที่ 24 สิงหาคม เบนเซม่า ยิงสองประตูเกมที่ มาดริด ชนะ 4-0 เหนือทีมจากนอร์เวย์ 4-0 และได้แชมป์ที่ซานติอาโก้ เบอร์นานิว เขายิงประตูในเกมปรีซีซั่นให้มาดริดกว่า 5 ประตู ซึ่งทำให้เขายิงประตูได้ในเกมปรีซีซั่นพอๆกับ ราอูล กอนซาเลซ ด้วย

เบนเซม่า ลงประเดิมสนามให้ มาดริด เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2009 โดยพบ เดปอร์ติโบ ลาคอรุนญ่า เขาได้ลงสนามเกมนั้น โดยลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังเกมที่ มาดริด ชนะ 3-2 หนึ่งเดือนต่อมา เขายิงประตูแรกเกมที่ต้นสังกัดเอาชนะ 5-0 เหนือ เซเรซ หลังพลาดการลงสนามช่วงกลางสัปดาห์เกมที่พบ บียาร์เรอัล โดยเขาได้ลงสนามนัดถัดมาเกมที่พบ เตเนริเฟ่ เบนเซม่าได้ยิงสองประตูให้ทีมเป็นครั้งแรก เกมที่ชนะ 3-0 เขาลงสนามในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกวันที่ 30 กันยายนในรอบแบ่งกลุ่ม ที่พบ มาร์กเซย ในนัดนั้น เบนเซม่า แอสซิสต์ให้ โรนัลโด้ ยิงประตูได้ด้วย หลังจากที่พลาดการยิงประตูในเดือนตุลาคม เขามายิงประตูได้ในเดือนถัดมา เกมที่ มาดริด เปิดพบทีมจากอิตาลี เอซี มิลาน โดย มาดริด ชนะ 1-0 เกมนั้น โรนัลดินโญ่ ได้ลูกโทษแต่ว่ายิงไม่เข้า (ทำให้เจ้าเบนซ์ยิงประตูโทนให้ทีมชนะ)

วันที่ 7 พฤศจิกายน ในเกมดาร์บี้ เอล มาดริเลนโญ่ กับ แอตเลติโก้ มาดริด เบนเซม่า แอสซิสต์บอลให้ มาดริด ในประตูที่สอง โดยจ่ายบอลให้ มาร์เซโล่ เกมนั้น เรอัล มาดริด ชนะ แอตเลติโก้ 3-2

ปลายเดือนพฤศจิกายน เบนเซม่า ลงมาเป็นตัวสำรองภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวชิลี มานูเอล เปเยกรินี่ ที่เขามักจะส่ง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงสนามเป็นกองหน้าตัวเป้ามากกว่า โดยเป็นเรื่องยากของ เบนเซม่า ที่จะได้ลงสนามเพราะว่าฟอร์มการเล่นเขาก็ไม่ดี และภาษาสเปนของเขาก็ยังพูดไม่คล่องด้วย ครั้งหนึ่งศูนย์หน้ารายนี้เคยได้รับฉายาว่าเป็น นิว อเนลก้า (ซึ่ง อเนลก้า เคยเล่นที่ เรอัล มาดริด มาก่อน) แต่ว่า เบนเซม่า ก็ได้รับการปกป้องจาก ซีเนอดีน ซีดาน ว่า เบนเซม่า เป็นนักเตะที่ดี โดยกล่าวว่า “เบนเซม่า เป็นนักเตะพรสวรรค์สูงที่ทีมจำเป็นต้องมี”

วันที่ 5 ธันวาคม เบนเซม่า ได้ลงสนามมาเป็นตัวสำรองของ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท และยิงสามประตูเกมที่ชนะ อัลเมเรีย 6-0 หลังจากเกมนั้นหนึ่งวัน เขาก็กล่าวว่า “ผมมีความสุขที่อยู่ที่ เรอัล มาดริด มาก ใช่ผมต้องการพัฒนาตนเอง และคิดว่าผมต้องปรับตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม ที่นี่เป็นเหมือนบ้านหลังใหม่ของผมและผมต้องการเรียนรู้ภาษาสเปนให้มากขึ้น เพื่อเข้าใจคำสั่งสอนของโค้ชและเพื่อนร่วมทีม หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน เขาได้ลงสนามเล่นกับ กอนซาโล่ อิกวาอิน ในเกมที่ไปเยือน บาเลนเซีย หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเขาลงสนามในฐานะนักเตะสำรองเกมฉลองวันเกิดครบรอบ 22 ปี เมื่อเขายิงได้ เกมที่เปิดบ้านชนะ เรอัล ซาราโกซ่า 6-0

จากนั้น กอนซาโล่ อิกวาอิน เจ็บเมื่อช่วงต้นเดือน มกราคม 2010 เปเยกรินี่ ส่งเขาลงสนามเป็นผู้เล่นสิบเอ็ดคนแรกของทีม และเขาลงมาแทนที่ อิกวาอิน สองนัดแรกยังยิงประตูไม่ได้เลย เขายิงประตูแรกเกมที่พบ เดปอร์ติโบ ลาคอรุนญ่า วันที่ 30 มกราคม เขายิงสองประตูเกมที่ชนะ 3-1 เมื่อ อิกวาอิน กลับมาจากการบาดเจ็บ เขาก็ต้องลงไปเป็นสำรองอีกครั้ง และเขาต้องนั่งเป็นตัวสำรองกว่า 8 นัดติดต่อกัน แต่ว่าเขาก็ได้ลงสนามมายิงประตูสุดท้ายเกมที่ชนะ แอธเลติก บิลเบา 5-1

เบนเซม่า ฤดูกาล 2010

ฤดูกาล 2010/11

ฤดูกาล 2010/11 เบนเซม่า ย้ายมาสวมเสื้อหมายเลข 9 เรอัล มาดริด อยู่ภายใต้กุนซือใหมที่ชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ กองหน้ารายนี้ไม่ค่อยได้ลงสนามในยุคของกุนซือชาวโปรตุเกสมากนัก ซึ่งกุนซือ มูรินโญ่ ออกมากล่าวว่า “เขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ก็จริงแต่ว่าเขาต้องเข้าใจเกมมากกว่านี้ ทำให้กุนซือ มูรินโญ่ คิดจะขายเขาออกจากทีมด้วย” แต่ว่าการมาถึงของผู้ช่วยกุนซือ โลร็องต์ บล็องก์ ทำให้เขายังคงอยู่กับทีมต่อไป และ เบนเซม่า ยังเป็นนักเตะสำรองที่มีประโยชน์ต่อทีมในอนาคตได้แน่

ซึ่ง มูรินโญ่ ใช้แต่ โรนัลโด้ และ อิกวาอิน เป็นกองหน้าร่วมกัน เบนเซม่า ได้ลงสนามในฐานะนักเตะสำรองเกมเปิดฤดูกาลที่พบกับ มายอร์ก้า และเดือนกันยายนหลังจากพักเบรกกับทีมชาติ เขาได้ลงสนามในเกมที่ชนะ โอซาซูน่า 1-0 วันที่ 21 กันยายน เบนเซม่า ได้ลงสนามและยิงประตูเกมแรกที่ชนะ เอสปันญอล ได้ 3-0 หลังจากนั้นเขายิงประตูไม่ได้กว่า 2 เดือน ถึงแม้ว่ากองหน้ารายนี้ยิงประตูไม่ได้ แต่ยังแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้เกมที่พบ เอร์กูเลส และ เอซี มิลาน

วันที่ 10 พฤศจิกายน เบนเซม่า ยิงประตูที่สองให้ทีมเกมที่พบ เรอัล มูร์เซีย ในฤดูกาล 2010 ในฟุตบอลโคปป้า เดล เรย์ ปลายเดือนพฤศจิกายน เบนเซม่า ได้ลงสนามเป็น 11 คนแรกของทีม หลังจากที่ อิกวาอิน เจ็บหลัง ในเกมแรกที่เขายิงประตูในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกเกมแรกของฤดูกาลรอบแบ่งกลุ่มที่พบทีมจากฮอลแลนด์ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาดริด ต้องพบ โอแซร์ เบนเซม่า ยิงแฮตทริกแรกเกมนั้นทีมชนะ 4-0 เขายิงประตูแรกซึ่งเป็นประตูที่ 300 ในประวัติศาสตร์ของทีม เรอัล มาดริด ในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก สองสัปดาห์ถัดมา เบนเซม่า ยิงแฮตทริกได้อีกครั้งเกมชนะ เลบานเต้ 8-0 ในฟุตบอลโคป้า เดล เรย์ และเมื่อปีปฏิทินเปลี่ยนเป็น 2011 เขาแอสซิสต์ให้ โรนัลโด้ เป็นเกมที่แข่งกับ เกตาเฟ่ และชนะได้ 3-2 ปลายเดือนมกราคม เขายิงประตูแรกในปี 2011 วันที่ 23 มกราคมเขายิงได้ประตูเดียวเกมที่ชนะ มายอร์ก้า ได้ 1-0 สามวันถัดมา เขายิงประตูโทนพา มาดริด เสมอ เซบีย่า ก่อนในนัดแรก ก่อนที่เกมที่สอง มาดริด ก็ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 37 เมื่อชนะ เซบีย่า 2-0

ถัดจากนั้นมา เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ เข้าร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว เบนเซม่า เป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนามในฟุตบอลลีกสองเกม ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011 เขาได้ลงสนามเป็นผู้เล่น 11 คนแรกวันที่ 19 กุมภาพันธ์โดยเขายิงได้ 10 ประตูใน 8 นัด รวมทั้งยิงสองประตูเกมที่พบ มาลาก้า , ราซิ่ง ซานตาแดร์ และ เอร์กูเลว รวมถึงยิงหนึ่งประตูเกมที่พบ ลียง ที่เก่าของเขาในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมด้วย เขายิงประตูเกมที่ 100 ในฟุตบอลอาชีพเกมที่พบ ลียง ในสนามสต๊าด เดอ แช็รกลองส์ ด้วย โดยเพื่อเป็นเกียรติแก่ทีมเก่าของเขา เมื่อเขายิงประตูได้เขาก็ไม่ได้แสดงอาการยินดีใดๆ

วันทื่ 19 มีนาคม เขายิงประตูขึ้นนำเกม เอล ดาร์บี้ มาดริเลนโญ่ เกมที่ มาดริด ออกมาเยือน แอตเลติโก้ 2-1 โดยเขายังยิงได้หนึ่งประตูจากสี่เกม คือเป็นเกม เอล กลาสิโก้ เกมที่พบ บาร์เซโลน่า โดยทั้งสองทีมแข่งกันทั้งสามรายการในฤดูกาลนั้น ทั้งฟุตบอลลีก โคป้า เดล เรย์ และ แชมเปี้ยนส์ลีก

วันที่ 23 เมษายน 2011 เบนเซม่า ได้ยิงประตูและแอสซิสต์บอลให้เพื่อนเกมที่ชนะ 6-3 เหนือ บาเลนเซีย วันที่ 30 เมษายน เขายิงหนึ่งประตูเกมที่แพ้ต่อ เรอัล ซาราโกซ่า 3-2 เป็นเพียงนัดเดียวที่ มาดริด แพ้ (เกมนั้นเจ้าเบนซ์ยิงประตูได้) เกมต่อมาเขายิงได้สองประตู เกมที่ชนะ อัลเมเรีย 5-1 เขายิงประตูให้ทีมเป็นลำดับที่สองรองจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยเขายิงได้ 26 ประตูให้ มาดริด และปีนั้นเขาคว้าแชมป์โคป้า เดล เรย์ เป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งด้วยการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ เบนเซม่า ในครึ่งฤดูกาลหลังทำให้เขาได้รับความยกย่องจากกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วย และประธานสโมสร ฟลอเรนติโน่ เปเรซ รวมถึง เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ ก็กล่าวว่าเขาเป็นนักเตะที่ดี เช่นเดียวกับ โลร็องต์ บล็องก์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสก็ชมเขาเหมือนกัน

ฤดูกาล 2011/12

เบนเซม่า ได้รับคำแนะนำจาก บล็องก์ และ ซีดาน ว่าเขามีน้ำหนักตัวมากเกินไป ซึ่งเขาต้องไปเล่นน้ำหนักตัวก่อน ซึ่งเขาก็ลดน้ำหนักได้กว่ 8 กิโลกรัม ขณะที่คลินิกได้กล่าวแนะนำว่า เบนเซม่า ต้องไปเพิ่มมวลกล้ามเนื้อบ้าง ทำให้กุนซือ มูรินโญ่ เริ่มมองเขาในการเป็นศูนย์หน้าอันดับต้นๆ ของทีมบ้างแล้ว

เบนเซม่า ต้องแย่งกันลงเป็นตัวจริงในทีม มาดริด โดยเขาได้ลงสนามเกมซุเปอร์โคปป้า เกมที่แข่งกับ บาร์เซโลน่า ในนัดนั้น เขาลงมาเป็นตัวจริงและเปิดบอลให้เพื่อนยิงประตูแรก เกมนั้น บาร์ซ่า นำด้วยประตูรวม 4-3 แต่ เบนเซม่า ยิงประตูตีเสมอให้ทีมเป็น 4-4 ด้วย อย่างไรก็ตาม หกนาทีถัดจากนั้น เมสซี่ ก็มายิงประตูปิดท้าย บาร์ซ่า ชนะ 5-4 คว้าแชมป์ซูเปอร์คัพ

เบนเซม่า ยิงประตูแรกในฟุตบอลลีกเกมเยือนที่ชนะ เรอัล ซาราโกซ่า 6-0 เกมลีกต่อมาอีกสองสัปดาห์ มาดริด พบ เกตาเฟ่ เขายิงได้สองประตูเกมที่ชนะ 4-2 หลังจากนั้นก็ปืนฝืดยิงประตูไม่ได้มากว่า 3 นัดในฟุตบอลลีก ต่อมาเขายิงประตูเป็นประตูที่สามให้ทีมเกมที่ชนะ ราโย่ บาเยกาโน่ 4-2 จากนั้น มาดริด พบ อาแจ็กซ์ ในแชมเปี้ยนส์ลีก เขายิงประตูที่สามให้ทีมชนะอาแจ็กซ์เกมแรก 3-0 และเขายังแอสซิสต์ประตูแรกให้ โรนัลโด้ ยิงประตูด้วย จากนั้นรอบต่อมาในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก มาดริด พบ ลียง เบนเซม่า ยิงประตูเบิกร่อง จากนั้นเขาแอสซิสต์หนึ่งประตูทั้งสองเกมติดให้ ซามี่ เคดิร่า เกมที่ มาดริด ชนะ 4-0

เดือนพฤศจิกายน ปี 2011 เบนเซม่า ยิงได้ 5 ประตูเป็นฟุตบอลลีก 3 ประตูและบอลยุโรป 2 ประตู ฟุตบอลลีกเขายิงประตูเกมที่ชนะ โอซาซูน่า และ บาเลนเซีย ขณะที่ฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก เขายิงได้สองประตูเกมที่ชนะ ดินาโม ซาเกร็บ ทีมจากโครเอเชีย 6-2 วันที่ 10 ธันวาคม 2011 เบนเซม่า ยิงประตูแรกเกมที่ มาดริด แพ้ บาร์เซโลน่า ใน เอล กลาสสิโก้ เกมนั้นเขายิงได้หลังจากเริ่มเกมเพียง 21 วินาที โดยเป็นประตูที่เร็วที่สุดในฟุตบอลลาลีกา ระหว่างทั้งสองทีม เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฝรั่งเศสประจำปี 2011 ด้วย โดยเขามีคะแนนเหนือ เอริค อบิดัล กองหลัง บาร์เซโลน่า และ อูโก้ ยอริส โกลด์ของ ลียง เขาเป็นนักเตะฝรั่งเศสคนที่สองของลีกสเปนที่ได้รับรางวัลนี้ต่อจาก ซีเนอดีน ซีดาน

เบนเซม่า กล่าวว่าเขามีความรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้รับรางวัลนี้ โดยก่อนหน้านี้ เป็น ซีดาน, อองรี, และนักเตะชื่อดังคนอื่นๆต่างก็ได้รับรางวัลนี้มาแล้ว ซึ่งผมภูมิใจมาก เกมต่อไปของทีมหลังจากที่เขาได้รับรางวัลก็คือเกมที่แข่งกับ เซบีย่า เขาแอสซิสต์ได้สองประตูเกมที่ชนะเหนือคู่แข่ง 6-2

เบนเซม่า ยิงประตูในปี 2012 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมมาก เขายิงประตูได้เกมที่พบ กรานาด้า และ มาลาก้า เบนเซม่า ยิงประตูได้อีกครั้งเกมโคปป้า เดล เรย์ เกมที่ชนะ 4-2 เหนือ เซบีย่า ต่อมา มาดริด ต้องพบกับ บาร์เซโลน่า ในฟุตบอลถ้วยเกมจบลงในรอบควอเตอร์ไฟนัล เกมนั้น เบนเซม่า ยิงประตูที่สามเกมพบ บาร์เซโลน่า แต่ว่ารวมสองนัด มาดริด แพ้ด้วยประตูรวม 4-3 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เบนเซม่า ยิงประตูแรกในฟุตบอลลีกในรอบกว่าหนึ่งเดือนเมื่อพบ เลบานเต้ หนึ่งสัปดาห์ถัดมาเขายิงสองประตูเกมที่ชนะ ราซิ่ง ซานตานเดร์ 4-0 วันที่ 24 มีนาคม เขายิงสองประตูเกมลีกที่พบ เรอัล โซเซียดาด สองประตูในเกมนั้นทำให้เขาขึ้นนำดาวซัลโวของนักเตะฝรั่งเศสในฟุตบอลลาลีกาด้วย

สามวันถัดจากนั้น เขายิงได้สองประตูเกมเลกแรกที่ชนะเหนือทีมจาก ไซปรัส อาโปเอล ในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก รอบควอเตอร์ไฟนัล วันที่ 29 เมษายน เขายิงสองประตูและแอสซิสต์อีกหนึ่งประตูเกมที่ชนะ เซบีย่า 3-0 ทำให้เขายิงประตูรวมเป็นประตูที่ 7 ของฤดูกาล และทำให้ มาดริด ก้าวเข้าใกล้แชมป์ฟุตบอลลาลีกา เป็นครั้งแรกในรองสองปี และ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ฟุตบอลลาลีก้าเป็นครั้งที่ 32 โดยที่ทำให้ได้แชมป์คือเกมชนะ แอธเลติก บิลเบา 3-0 เขาได้ลงสนามในครึ่งหลัง

คาริม มุสตาฟา เบนเซม่า

ฤดูกาล 2012/13

เกมนัดแรกของฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก เขายิงประตูตีเสมอเกมที่พบ แมนซิตี้ สุดท้ายเขาเอาชนะได้ 3-2 ที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว วันที่ 4 ตุลาคม 2012 เขายิงประตูจักรยานอากาศเกมจากการเปิดของ กาก้า โดยเขาชนะ 4-1 เกมที่พบ อาแจ็กซ์ วันที่ 18 ธันวาคม 2012 หนึ่งวันก่อนที่จะครบรอบวันเกิด 25 ปี เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลฝรั่งเศสยอดเยี่ยมของปี 2012 โดยเป็นครั้งที่สองที่เขาได้รับ

วันที่ 2 มีนาคม 2013 เบนเซม่า ยิงประตูเกมที่พบบาร์เซโลน่า เกมลีกที่ ซานตาโก้ เบอร์นาบิว เรอัล มาดริด ชนะได้ 2-1 เกมที่สองพวกเขาก็เอาชนะทีมคู่แค้นได้อีก วันที่ 30 เมษายน 2013 เบนเซม่า ยิงได้หนึ่งประตูและแอสซิสต์หนึ่งประตูให้ เซอร์จิโอ รามอส เกมที่แข่งกับ ดอร์ทมุนด์

ฤดูกาล 2013/14

เขาเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ ด้วยการยิงประตู 2-1 เหนือ เรอัล เบติส ที่สนามซานติอาโก้ เบอร์นาบิว เขายิงประตูอีกครั้งเกมถัดมาโดยเป็นเกมที่ชนะเหนือ กรานาด้า 1-0 จากการเปิดบอลของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังจากนั้นอีก 4 นัดเขาก็ยิงประตูไม่ได้เลย (2 นัดกับ มาดริด และ 2 นัดกับฝรั่งเศส) เขากลับมายิงประตูอีกครั้งเกมสองประตูเกมที่ชนะ กาลาตาซาราย 6-1 เกมเยือนในแชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 18 มกราคม 2014 เขายิงประตูที่ 100 ให้ มาดริด เกมชนะ เบติส 5-0 วันที่ 23 มีนาคม เบนเซม่า ยิงสองประตูเกมที่พบ บาร์เซโลน่า ในรายการ เอล กลาสิโก้ ที่ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว จากการเปิดครอสของ อังเกล ดิ มาเรีย ทำให้เขายิงได้ในลาลีก 17 ประตู (รวมเกมที่ชนะ บาร์เซโลน่า 4-3)

เบนซ์เป็นส่วนหนึ่งของ มาดริด สำหรับการลงสนาม 11 คนแรกเกมโคปป้า เดล เรย์วันที่ 16 เมษาย ที่สนามเมสตาย่า สเตเดี้ยม และเขาส่งบอลให้ ดิมาเรีย ยิงประตู ก่อนที่ เบล ยิงประตู 2-1 ให้ทีมชนะได้ 2-1 หนึ่งสัปดาห์ถัดมาเขายิงได้เพียงประตูเดียวเกมชนะเหนือ บาเยิร์น มิวนิค ได้ในรอบรองชนะเลิศ สโมสรผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกในเดือนพฤษภาคม มาดริด มีเกมรุกที่แข็งแกร่งทั้ง เบล,เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือตัวย่อ BBC และยิงประตูได้กว่า 97 ประตูในฤดูกาลนั้น

ฤดูกาล 2014/15

วันที่ 6 สิงหาคม 2014 มาดริด ประกาศว่า เบนเซม่า เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีม 5 ปี จะทำให้เขาอยู่กับทีมจนถึงปี 2019 วันที่ 12 สิงหาคม 2014 เขาลงสนามเต็มเกมให้ มาดริด เกมที่ชนะ เซบีย่า 2-0 คว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ

วันที่ 16 กันยายน 2014 เขายิงประตูที่ 1000 ให้ มาดริด เกมยูโรเปี้ยนคัพ หลังจากเกมนั้นเขายิงได้หนึ่งประตูเกมชนะ บาเซิ่ล 5-1 ที่เป็นเกมแรกของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เขายิงประตูชัยเกมที่ชนะเหนือ ลูโดโกเร็ตส์ ราซกราด ในแชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง สัปดาห์ถัดมาเขายิงประตูเกมที่ชนะเหนือ แอธเลติก บิลเบา ได้ 5-0 ในฟุตบอลลาลีก้า

เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเดือนตุลาคม 2014 ภายใต้กุนซืออิตาลี คาร์โล อันเชล็อตติ ชาวอิตาลี เขายิงได้ 13 ประตูในเดือนนั้น ที่ทำให้ทีมชนะได้สามเกม และเสียเพียงแค่ประตูเดียว

ฤดูกาล 2015/16

เบนเซม่า ยิงแฮตทริกเกมที่ชนะ 8-0 เหนือ มัลโม่ วันที่ 8 ธันวาคม 2015, วันที่ 20 ธันวาคม 2015 เขายิงแฮตทริกเกมที่ชนะ 10-2 เหนือ ราโย่ บาเยกาโน่ ด้วย เขาได้เป็นตัวจริงในเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก 2015/16

ฤดูกาล 2016/17

เดือนธันวาคม 2016 เบนเซม่า ได้ลงสนามในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกที่ญี่ปุ่น เกมรอบรองเขาพาทีมชนะอเมริกา จากเม็กซิโกโดยยิงประตูครึ่งแรก เกมนั้นทีมชนะ 2-0 เกมนัดชิงชนะเลิศถัดจากนั้นอีกสามวัน มาดริด พบ คาชิม่า แอนท์เลอร์ เขายิงประตูตั้งแต่นาทีที่ 9 และแอสซิสต์ให้ โรนัลโด้ จบเกมเสมอ 2-2 ใน 90 นาที ต้องต่อเวลา 120 นาที จบเกมทีมชุดขาวชนะ 4-2 คว้าแชมป์สโมสรโลกกับทีมเป็นครั้งที่สอง เกมนั้นเขาได้ดาวซัลโวร่วมในรายการนั้นจากการยิงสองประตูในสองแมตช์

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2017 เกมแรกในแชมเปี้ยนส์ลีก 2016/17 รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกที่พบ นาโปลี เขายิงประตูแรกให้ทีมชนะ นาโปลี 3-1 ในบ้าน เป็นประตูที่ 51 ของเขาในรายการนี้ แซงหน้า เธียร์รี่ อองรี ในการเป็นดาวซัลโวของแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย เขายิงประตูแรกในรอบหกนัดและได้รับการโหวตให้รับตำแหน่ง แมนออฟ เดอะ แมตช์เกมนั้นด้วย (พบนาโปลี)

เขาได้ออกสตาร์ต เกมสุดท้ายยิงประตูปิดท้ายของฤดูกาล 2016/17 พาทีม มาดริด คว้าแชมป์ฟุตบอลลาลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก

ฤดูกาล 2017/18

วันที่ 20 กันยายน 2017 เขาขยายสัญญากับทีมต่อไปจนถึงปี 2021 วันที่ 6 มีนาคมของปีนั้น เบนเซม่า ลงสนามเกมที่ 100 เกมที่แข่งกับ เปแอสเช ในเกมเลกที่สอง เขาได้ลงสนามเกมนั้นและเกมชนะด้วยสกอร์รวม 5-2 เบนเซม่า ลงสนามครบ 400 นัดทุกรายการให้ เรอัล มาดริด วันที่ 31 มีนาคม มาดริด ชนะ 3-0 เหนือ ลาส พัลมาส โดยเขาเป็นกัปตันทีมและยิงประตูที่สองด้วยลูกโทษ

วันที่ 26 พฤษภาคม 2018 เขายิงประตูแรกในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศเกมที่ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 โดยอาศัยความผิดพลาดของ ลอริส คาริอุส โกลด์ชาวเยอรมันยิงประตูได้ ทำให้ มาดริด คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน เป็นการคว้าแชมป์ 13 ครั้งในประวัติศาสตร์ทีม

ฤดูกาล 2018/19

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2018 เขายิงประตูเกมที่ชนะวิคตอเรีย เพลเซ่นในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เขายิงประตูที่ 200 ให้ทีม เขาเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จกับทีมเป็นคนที่เจ็ด เขายิงได้ 3 นัดจาก 6 ประตูและเกมที่ชนะเพลเซ่น ทำให้ มาดริด จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม G

เบนเซม่า ระดับทีมชาติ

ระดับเยาวชน

เบนเซม่า เคยติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดเยาวชนมา โดยที่ติดทีมชาติมาแล้วทุกชุด ยกเว้นชุดยู 16 ซึ่งเขาได้เข้าเล่นทีมชาติตั้งแต่ปี 1987 เป็นผลผลิตของนักฟุตบอลเยาวชนร่วมกับ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา,เฌเรมี่ เมเนซ, และ ซาเมียร์ นาสรี่ โดยเขาได้เป็นหนึ่งนักเตะเยาวชนของทีมตราไก่ โดยผู้จัดการทีมตราไก่ในเวลานั้นก็คือ ฟิลิปป์ แบร์กเชรู ที่เข้ามาร่วมทีมตั้งแต่ปี 2004 โดยได้ลงแข่งขันฟุตบอลยูโร ยู 17 ในการแข่งขัน ทัวร์นาเม้นต์นั้น เขาได้ลงสนาม 2 นัด เขายิงประตูเกมที่ชนะ ไอร์แลนด์ เหนือ 3-1 และประตูโทรนเกมที่ชนะสเปน 1-0 แต่ว่าทีม ตราไก่ ต้องมาแพ้ต่อ กระทิงดุ สเปนรอบชิงชนะเลิศได้แค่รองแชมป์อย่างน่าเสียดาย

เบนเซม่า เคยติดทีมชาติระดับ ยู 18 ด้วยซึ่งเขาได้ประเดิมสนามแมตช์แรกแข่งกับสาธารณรัฐเช็ก เบนเซม่า ยิงประตูแรกในเกมที่แข่งกับ โปแลนด์ ที่เป็นเกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม เกมสุดท้ายเขายิงประตู 2-0 ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสเป็นแชมป์ในการแข่งขัน วันที่ 30 กันยายน 2004 เบนเซม่า ได้ตำแหน่งดาวซัลโว เกมฝรั่งเศสชนะ นอร์เวย์ เกมเยือน 3-0 และต่อมาเกมที่พบ รัสเซีย เขายิงสองประตูเกมที่ชนะ รัสเซีย 3-1 ทำให้พวกเขาได้แชมป์ยูโร ยู-17 ปี 2004 ปีครองแต่ในระดับ ยู 18 ฝรั่งเศสเข้าแข่งขันรายการเมอริเดียน คัพ เขาได้ลงสนามตลอด 4 นัดของทีม ยิงได้ 5 ประตู โดยยิงประตูแรกเกมที่ชนะ 7-0 เหนือแคเมอรูน

หลังจากนั้นเสมอแบบโนสกอร์กับ เซียร์ร่า ลีโอน และเขายิงประตูได้เกมที่ชนะ ไนจีเรีย ยิง 1 ประตู และยิงอีกสองประตูเกมที่ชนะ อียิปต์ 4-1 วันที่ 19 พฤษภาคม 2005 ทีมได้ลงแข่งกับสโลวะเกีย เบนเซม่า ยิงได้สี่ประตู ในระดับอายุ 18 ปีเขาลงสนาม 18 เกมยิงได้ 14 ประตู โดยได้รับการยกย่องจาก ฟิลิปป์ แบร์กเชรู ว่าเขาเป็นนักเตะที่มี “เป็นเพชรฆฒาตเงียบ” อย่างแท้จริง

นักเตะทั้งสี่คนของทีม (ไก่รุ่นกระทง) เบนเซม่า,เบน อาร์กฟา,เมเนซ และ นาสรี่ ได้กลับมาติดทีมขติฝรั่งเศส ชุดยู 19 ด้วยกัน รวมกับนักเตะหน้าใหม่ อย่างอิสเซียร์,แลส มาตุยดี้ และ แซรจ์ กั๊กเป้ โดยมีเป้าหมายเพื่อพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอล ยูโร ยู19 โดยทีมเปิดตัวด้วยการเล่นเกมกระชับมิตรกับนอร์เวย์, ซึ่งสองแมตข์นี้ เบนเซม่า ยิงได้หนึ่งประตู ที่ซึ่งเป็นเกมแรกที่ชนะ 4-0 และเกมต่อมาที่พบออสเตรียเขายิงได้อีกประตู เกมนั้นเป็นเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งทีมผ่านเข้าไปเล่นรอบต่อไปอย่างง่ายดาย โดยทีมในกลุ่มมีสก็อตแลนด์, บัลแกเรีย และ เบลารุส เกมเปิดตัว บัลแกเรีย ที่ฝรั่งเศสชนะ 4-0 เขายิงได้สองประตูประตูแรกเป็นลูกจุดโทษ (โดยทั้งสองประตูเขายิงด้วยเวลาห่างกันเพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น) จากนั้นเสมออย่างเซอร์ไพรส์ต่อ เบลารุส 0-0 เกมต่อมาที่พบสก็อตแลนด์ เขายิงประตูนาทีที่ 11 แต่ถูก สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ ยิงตีเสมอให้สก็อตเป็น 1-1 ซึ่งสุดท้ายฝรั่งเศสต้องตกเป็นรอง เนื่องจากมีลูกมีแต้มน้อยกว่า สก็อตแลนด์

เขาติดทีมชาติฝรั่งเศส ยู 21 เป็นครั้งแรกภายใต้โค้ช เรเน่ ชิราร์ ที่ลงสนามเกมแรกในฟุตบอลยูโร 2006 ยู 21 ที่พบเบลเยียม เขาออกสตาร์ทในครึ่งหลังโดยเปลี่ยนตัวลงมาแทนที่ โยฮัน กูร์กคูฟฟ์ เขาได้ลงสนามเกมยูโร ยู 21 ปี 2007 และลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าทีมก็ต้องแพ้ต่อ อิสราเอล อย่างพลิกล็อกตกรอบเพลย์ออฟ จนกระทั่งปี 2009 เขาได้ลงสนามเกมเลกที่สองเกมนั้นทีมต้องแพ้ต่อ อิสราเอล ซึ่งเป็นคืนที่ฝันร้ายสำหรับเขาอย่างแท้จริง เขาลงสนามในฟุตบอลยูโร ยู 21 ลงสนามกว่า 5 นัดและยิงประตูไม่ได้เลย เบนเซม่า ถูกตำหนิจากสมาคมฟุตบอล แอลจีเรีย ว่าเป็นคนขายชาติเมื่อไม่ยอมลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ของ แอลจีเรีย ,เดือนธันวาคม 2006 กองหน้ารายนี้ได้รับการทาบทามจากประธานสมาคม ฮามิด ฮัดดาดี้ ที่เชิญชวนให้เขามาเล่นกับทีม

ภายใต้กุนซือ ฌอง-มิเชล คาวัลลี่ แต่สุดท้าย เบนเซม่า ก็เลือกเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส เขากล่าวว่า “แอลจีเรีย เป็นประเทศบ้านเกิดของพ่อแม่ผม แต่ว่าผมต้องการเล่นฟุตบอลกับทีมชาติฝรั่งเศสเท่านั้น”

ระดับชุดใหญ่

ยูโร 2008

คาริม เบนเซม่า ได้ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ภายใต้กุนซือ เรย์ม็งต์ โดเมเน็ค เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2006 โดยเป็นเกมกระชับมิตรเกมที่ฝรั่งเศสพบกรีซ แต่ว่าเกมเตะวันที่ 15 พฤศจิกายน เบนเซม่ากล่าวว่าการได้เรียกตัวเข้าทีมชาติเป็นเหมือน “ของขวัญของเขา” เลยทีเดียว “ผมพอใจมากเป็นเกียรติแก่ครอบครัว วงศ์ตระกูล ซึ่งการได้ลงสนามกับทีมชุด A ของทีมเป็นเกียรติยศอย่างสูงของครอบครัวจริงๆ ปรากฏว่าสองวันต่อมาเขาต้องถอนตัวออกจากทีมชาติเนื่องจากเจ็บเอว และไม่ได้เดินทางไปเล่นฟุตบอลกระชับมิตรที่เมือง ลียง หลังจากที่แข่งแล้วแพ้ทีม อาร์เจนตินา ในเกมกระชับมิตร เดือนกุมภาพันธ 2007 เบนเซม่า ก็มีชื่อติดทีมชาติในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการเตรียมทีมก่อนที่จะลงแข่งฟุตบอลยูโร 2008 เขาได้ลงสนามเกมแข่งกับ ลิธัวเนีย และเกมกระชับมิตรกับ ออสเตรีย เบนเซม่า ลงสนามมาเป็นตัวสำรองของ ฌิบริล ซิสเซ่ โดยทำให้เขาได้เหยียบพื้นสนามกับเกมทีมชาติเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 28 มีนาคม โดยเขายิงได้หนึ่งประตูจากการตามซ้ำลูกฟรีคิก ซาเมียร์ นาสรี่

วันที่ 13 ตุลาคม เบนเซม่า ยิงได้สองประตูเกมที่ชนะ 6-0 เหนือหมู่เกาะแฟโรส์ หลังจากนั้นเขาก็ได้พักหลังจบฤดูกาล 2007-08 เพียงเล็กน้อย เพราะว่าเขามีชื่อติดทีมชาติฝรั่งเศสมาเล่นฟุตบอลยูโร 2008

เบนเซม่า ลงประเดิมสนามวันที่ 9 มิถุนายน 2008 เป็นเกมนัดเปิดสนามกับ โรมาเนีย เบนเซม่า ลงสนามเกมนั้นโดยเป็นตัวสำรองจาก ซาเมียร์ นาสรี่ ในครึ่งหลังแต่ว่าก็เล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ เกมจบลงด้วยผลเสมอกัน 0-0 ซึ่งเขาถูกวิจารณ์จากสื่อมวลชนของฝรั่งเศสว่า “เขาเป็นนักเตะที่ไร้ค่า” หรือว่า เป็นนักเตะที่ไมมีประโยชน์ในเกมรุกเลย หนังสือพิมพ์ยังกล่าวว่าเขาไม่มีประสบการณ์ในเกมระดับชาติมากพอ เกมนัดต่อมาเขาไม่มีส่วนร่วมในเกมที่แพ้ต่อฮอลแลนด์ 4-1 เขากลับมาลงสนามอีกครั้งเกมนัดสุดท้ายที่พบอิตาลี เกมนั้นฝรั่งเศสแพ้อิตาลี 0-2 และต้องตกรอบในรอบแรกของยูโร 2008 ในที่สุด

เดือนพฤศจิกายน 2008 เบนเซม่า เป็นหนึ่งในนักเตะอายุน้อยของทีม ที่ได้รับโอกาสลงสนามในฟุตบอลยูโร 2008 เขาพักกับเพื่อนร่วมทีม วิลเลียม กัลป์ลาส และ ซาเมียร์ นาสรี่ ในช่วงทัวร์นาเม้นต์ด้วย จากการรายงานข่าวของเลอ ปาริเซียง กล่าวว่านักเตะในทีมฝรั่งเศส บรรยายว่าเขาเป็นนักเตะที่หยิ่ง ทำให้เขาปฏิเสธที่จะเดินทางไปอุ่นเครื่องกับทีมที่ฮอลแลนด์ด้วย

ฟุตบอลโลก 2010

ระดับทีมชาติ

ฟุตบอลโลก 2010

หลังจากฟุตบอลยูโร 2008 เบนเซม่า ได้กลับมาลงสนามให้ทีมอีกครั้ง เป็นฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ โดยเขาสวมเสื้อหมายเลข 10 หลังจากที่ก่อนหน้านี้สวมหมายเลข 9 ทีมได้ลงสนามโดยอุ่นเครื่องกับ สวีเดน ที่ โกเตเบิร์ก และชนะได้ 3-2 ในอีกสองเดือนต่อมา เขายิงประตูได้เกมที่ชนะ ตูนิเซีย 3-1 ที่ สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ วันที่ 5 มิถุนายน 2009 เขายิงประตูจากลูกโทษเกมที่ชนะ ตุรกี 1-0 ที่สนาม สต๊าด เดอ แช็รกล็องต์ ที่เป็นสนามบ้านเกิดของเขา เขายิงประตูแรกในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเกมที่แข่งกับ ฟาโรส์ ไอซ์แลนด์ และ ออสเตรีย เมื่อเดือนตุลาคม 2009 เขาพลาดไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกภายใต้กุนซือ เรย์มองต์ โดเมอเน็ค หลังจากที่มีชื่อติด 30 คน โดย โดเมอเน็ค กล่าว่า เบนเซม่า ไม่มีโอกาสลงสนามกับ มาดริด มากนักจึงไม่เรียกเขาติดทีม ซึ่ง เบนเซม่า ออกมาเผยว่าเขาผิดหวังมาก ผมต้องการจะลงสนามเพื่อฝรั่งเศสแต่ว่ามันก็ไม่มีโอกาสในทัวร์นาเม้นต์นี้

ฟุตบอลยูโร 2012

หลังจากฟุตบอลโลก 2012 เขามีชื่อติดทีมฝรั่งเศสอีกครั้งภายใต้กุนซือคนใหม่ โลร็องต์ บล็องก์ ที่ชื่นชม เบนเซม่า โดยตลอด เขาคิดว่าจะนำ เบนเซม่า เป็นกองหน้าตัวรุกของทีม โดยที่เขาได้กลับมาลงสนามเกมแรกที่พบนอร์เวย์ที่ออสโล เกมนั้น ตราไก่ แพ้ 1-2 ซึ่ง กูร์กคูฟฟ์ กับ เบนเซม่า ช่วยกันยิงสามประตูพาทีมผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลยูโร 2012 เบนซ์ยิงได้สามประตูเกมที่ชนะบอสเนีย เฮอร์เซโกวินา ลักเซมเบิร์ก และ แอลเบเนีย นัดละลูก วันที่ 10 พฤศจิกายน 2012 เขายิงประตูเบิกร้องเกมฝรั่งเศสชนะอังกฤษ 2-1 ที่สนามเวมบลีย์ เกมต่อมาที่พบบราซิล ทีมตราไก่ก็ชนะอีก 1-0 หลังจากนั้นทีมก็ได้ผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลยูโรที่โปแลนด์และยูเครนเป็นเจ้าภาพ เกมสุดท้ายที่อุ่นเครื่องฝรั่งเศสชนะ เอสโตเนีย 4-0 เขายิงได้สองประตู ฟุตบอลยูโร 2012 ฝรั่งเศสประเดิมเสมออังกฤษ 1-1 และชนะยูเครน 2-0 นัดสุดท้ายพลาดท่าแพ้สวีเดน 0-2 แต่ก็เข้ารอบควอเตอร์ไฟนัลและแพ้ต่อสเปน 2-0 ในที่สุด

ฟุตบอลโลก 2014

วันที่ 11 ตุลาคม 2013 เบนเซม่า ยิงประตูแรกให้ทีมชาติฝรั่งเศสนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2012 เกมกระชับมิตรที่พบออสเตรเลีย เป็นการยุติการไม่ยิงประตูในนามทีมชาติกว่า 1222 นาที ต่อจากนั้นเกมที่ปาร์ค เดส์ แปร็งซ์ ฝรั่งเศสชนะ 6-0 เบนเซม่า ยิงประตูที่หกและเป็นประตูปิดท้ายนาทีที่ 50 จากการเปิดบอลมาให้ของ ฟร้องก์ ริเบรี่ เกมรอบเพลย์ออฟนัดที่สองที่ทีมพบยูเครน วันที่ 19 พฤศจิกายน 2013 ที่สนามสต๊าดเดอ ฟร้องซ์ เขายิงประตูที่สองให้ทีมนาที 34 ทำให้สกอร์รวมออกมาที่ 2-2 ซึ่งเกมนั้นเป็นเกมที่กดดันมาก ซึ่งสุดท้ายฝรั่งเศสเปิดบ้านชนะได้ 3-0 ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2014 หลังจากที่เกมแรก (ฝรั่งเศสพลาดท่าแพ้มาก่อนที่ยูเครน 2-0) ทำให้ทีมตราไก่ ฝรั่งเศสผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายที่บราซิล

วันที่ 6 มิถุนายน 20147 เบนเซม่า ได้ลงสนามในฟุตบอลโลก 2014 และได้ลงสนามในทัวร์นาเม้นต์นี้ด้วย เกมแรกฝรั่งเศสชนะฮอนดูรัส 3-0 ที่เมืองปอร์โต้ อเลเกร้ วันที่ 15 มิถุนายน เขายิงประตูทั้งสองครึ่งเวลา ประตูแรกจากจุดโทษและประตูที่สองจากการส่งให้ของเพื่อนร่วมทีม โดยเขายิงบอลผ่านมือของโกลด์ชาวฮอนดูรัส โนเอล บัลลาดาเรส ที่ยิงเข้าประตูตัวเอง เกมนัดที่สองเขายิงประตูได้และได้โอกาสยิงลูกโทษแต่ว่าก็ถูกเซฟ เกมที่ชนะสวิตเซอร์แลนด์ 5-2 ทำให้ เลส์ เบลอส์ ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย และรอบควอเตอร์ไฟนัลแต่ก็แพ้ต่อเยอรมันตกรอบไป

ฟุตบอลยูโร 2016

วันที่ 13 เมษายน 2016 สมาคมฟุตบอลฝรั่งเศสประกาศว่า คาริม เบนเซม่า จะไม่ติดทีมไปเล่นฟุตบอลยูโร 2016 ด้วย โดยเขาให้สัมภาษณ์กับ มาร์ก้า ว่า “เดส์ช็องป์เหยียดสีผิวจึงไม่ต้องการผม”

สไตล์การเล่น

เขาเป็นคนที่สร้างสรรค์เกมดี เร็ว เป็นกองหน้าที่เก่งในลูกกลางอากาศ เขาเป็นกองหน้าที่”แข็งแกร่งอีกด้วย” เขาเป็นนักเตะที่เล่นได้ดีในกรอบเขตโทษ เป็นกองหน้าตัวเป้าที่ยอดเยี่ยมของโลกในเวลานี้ ซึ่งเขาถนัดทั้งสองเท้าแต่ว่าถนัดเท้าขวามากกว่า ลูกโหม่งก็ทำได้ดี เขาสวมเสื้อหมายเลข 9 เป็นกองหน้าตัวกลาง หรือจะขยับขึ้นมาเล่นกองหน้าตัวเป้าได้เขามีส่วนสำคัญในการเล่นเกมรุกมาก เล่นได้หลายตำแหน่ง ทั้งปีก-กองหน้า –หรือจะเล่นบทบาทเพลย์เมกเกอร์ นักเตะหมายเลข 10

ด้วยความที่เขาเล่นกองหน้า แฟนบอลจึงคาดหวังว่าเขาจะต้องยิงประตูให้ได้มากๆซึ่งบางครั้งเขาต้องมารับบทบาทของมิดฟิลด์บ้าง เขาเป็นคนที่อ่านเกมได้ดี มีความคิดสร้างสรรค์ ผ่านบอลได้ดี การยืนตำแหน่ง ใช้โอกาสไม่เปลืองด้วย นี่เป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของเขา

ระหว่างช่วงที่เล่นให้ มาดริด เบนเซม่า ได้รับการยกย่องว่าเขาทำงานหนักและเล่นได้ฉลาดตามแท็กติก เขาเป็นยอดกองหน้าของทีม ซึ่งเขาจะเลี้ยงบอลผ่านกองหลังได้บ่อยๆ เขาสามารถเปิดบอล โรนัลโด้ ได้ และรับบอลจาก โรนัลโด้ เพื่อไปยิงประตูได้ เขาสามารถหุบเข้าไปเล่นด้านกลางสนามซึ่งจะเป็นเรื่องที่เขาถนัดมากกว่า หรือจะเล่นตำแหน่ง false9 ก็ได้เหมือนกัน

ชีวิตส่วนตัว น้ำหอม

ชีวิตส่วนตัว

คาริม เบนเซม่า เกิดที่เมือง ลียง เขาเป็นนักเตะชาวฝรั่งเศสที่สืบเชื้อสายจากแอลจีเรีย เขานับถือศาสนาอิสลาม เขามักจะเดินทางไปละหมาดที่ซาอุดิอาระเบียเป็นประจำ ปู่ของเขา ดา เล็กฮัล เบนเซาม่า เกิดที่หมู่บ้านทีกริซที่เป็นเมืองทางตอนเหนือของ เบน เยลี่ ในประเทศแอลจีเรีย ก่อนที่จะย้ายมาที่ ลียง เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1950 พ่อของ เบนเซม่า ก็เกิดที่เมืองทิกริซด้วย ขณะที่แม่ของเขา วาฮิด้า เดบบาร่า เกิดที่ชานเมือง ลียง เขาเกิดที่ตำบลโอราน ใกล้กับ ลียง โดยเป็นลูกคนที่สามของครอบครัว และมีพี่น้องถึงแปดคน ที่เมืองบรอน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมือง ลียง น้องของเขาทั้ง เกรสซี่ย์ และ ซาบรี้ เป็นนักฟุตบอลด้วย โดยเขาได้ลงสนามในระดับท้องถิ่นกับวูล-เลอวันในดิวิชั่น ดิออนเอนร์ ซึ่งเป็นฟุตบอลดิวิชั่นหกของฝรั่งเศส ขณะที่ต่อมาเขาได้มาเล่นที่อคาเดมี่ของทีมบ้านเกิด บรอน

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2014 เขามีลูกสาว เมเลีย วันที่ 5 พฤษภาคม 2017 ลูกชายชื่อ อิบราฮิม

คาริม เบนเซม่า เป็นนักเตะของ เรอัล มาดริด ที่ไม่ว่าเขาจะโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่อย่างไร เขาก็ยังเป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้ เพราะว่าเขาเป็นนักเตะกองหน้าที่ใช้โอกาสไม่เปลือง

ข้อโต้แย้ง คาริม เบนเซม่า เคยมีปัญหากับ มาติเยอ บัลบูเอน่า ที่มาติเยอได้กล่าวหาว่า คาริม ไปซื้อบริการโสเภณีก่อนการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ซึ่งจากผลนั้นทำให้ คาริม ไม่มีชื่อติดทีมชาติฝรั่งเศสลุยยูโร 2016 ที่ชาติตัวเองเป็นเจ้าภาพ ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก

ต่อมา คาริม เบนเซม่า ก็ได้ฟ้องกลับ มาติเยอ บัลบูเอน่า ว่าปั้นเรื่องกุข่าวทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยฟ้องร้องกลับเรียกเงินกว่า 150000 ยูโรต่อเอา ต่อมาก็พิสูจน์ได้ว่า เบนเซม่า เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ช่วงที่ยังตัดสินอยู่นั้นเขาไม่มีชื่อติดทีมไปเล่นฟุตบอลยูโร 2016 (ถูกตัดชื่อออกในทันที)

โดยปัจจุบันเขาเป็นนักเตะที่มีอายุ 32 ปีแล้ว แต่ว่าก็ยังมีประโยชน์ต่อทีมไม่ว่าจะลงสนามในตำแหน่งตัวสำรอง หรือลงสนามเป็นตัวจริง ทีม เรอัล มาดริด ก็ยังใช้งานเขาอย่างต่อเนื่อง เขาลงสนามในเกมระดับอาชีพ เขาลงสนามในทีม ลียง ลงสนามกว่า 20 นัดยิงได้ 15 ประตู ลงสนามกับ ลียง จำนวน 112 นัดยิงได้ 43 ประตูและกับทีมชุดขาว เรอัล มาดริด เขาลงสนามกว่า 299 นัดยิงได้ 137 ประตู

เขาเคยมี โรนัลโด้ (นักเตะกองหน้าชาวบราซิล) เป็นไอดอลและต้องการจะเล่นให้ได้ แบบเขา เบนซ์ กล่าวว่า “เขาเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล เมื่อผมดูวิดีโอของเขา เขาเป็นคนที่ยิงประตูได้มากมาย แต่ละประตูที่เขาทำได้มันไม่ง่ายเลย มันเกิดจากการฝึกฝนอย่างหนัก และเรื่องของสภาพร่างกาย ความเร็ว เขามีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ผมโชคดีมากที่ได้ทันดูเขาเล่นฟุตบอล“

เบนเซม่า กล่าวว่า ”เคยมีคนนำผมไปเทียบกับ ซีดาน นักเตะรุ่นพี่ทีมชาติฝรั่งเศสแต่ว่าผมจะไปเปรียบกับเขาได้อย่างไร เราเล่นคนละตำแหน่งกัน เราต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีพอกัน โดยทั้ง เบนเซม่า และ ซีดาน เป็นนักเตะฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรียเหมือนกัน”

โชเซ่ มูรินโญ่ เคยกล่าวถึง คาริม เบนเซม่า ว่าเขาเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จและช่วยทีมได้เยอะมากในปี 2011 “เบนเซม่า สมควรจะได้รับการยกย่อง เขาช่วยเหลือผมในการยิงประตูได้เยอะ และเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมทีม และเชื่อฟังโค้ชทั้งผมและ ซีดาน ได้เป็นอย่างดี”

เขาเป็นกองหน้าจอมถล่มประตูอย่างแท้จริงเมื่อดูจากสถิติของเขาตลอดอาชีพการเป็นนักเตะ เขาลงสนามกว่า 431 นัดยิงได้ 195 ประตู กับระดับทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่ เบนเซม่า ลงสนาม 81 นัดยิงได้ 27 ประตู เวลานี้ เรอัล มาดริด ต้นสังกัดของเขาลงสนามในลาลีกา กว่า 23 นัดเก็บได้ 45 แต้มมีแต้มตามหลัง บาร์เซโลน่า 6 แต้ม ในฤดูกาลนี้เขาลงสนามแล้ว 23 นัดยิงได้ 10 ประตูให้ทีม เรียกว่าเขาเป็นนักเตะตัวหลักของทีม ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ในเวลานี้ด้วย

เกมต่อไปของ มาดริด คือ จะลงสนามในฟุตบอลลาลีกา ที่พบ คิโรน่า วันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ และ เบนเซม่า พร้อมลงสนามให้ทีมเป็น 11 คนแรก เวลานี้ทีมยังใช้บริการกุนซือ ซานติอาโก้ โซลารี่ ที่เข้ามาคุมทีมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 และทีมก็ผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีม นัดแรกเอาชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม นัดแรกไปแล้วเกมที่สอง พวกเขาจะเปิดบ้านสนาม ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว วันที่ 6 มีนาคมต่อไป ต้องคอยดูว่าทีมจะคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นสมัยที่ 14 ของทีม หรือเป็นสมัยที่สี่ติดต่อกันได้หรือไม่

คาริม เบนเซม่า เป็นนักเตะของ เรอัล มาดริด