โซลชา และ โปเช็ตติโน่ กับความกดดันที่กำลังจะมาเยือน

โซลชา และ โปเชตติโน่ กับความกดดันที่กำลังจะมาเยือน

หากย้อนเวลากลับไป 6 เดือนที่ผ่านมา โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โค้ชชาวนอร์เวย์ เซ็นสัญญา 3 ปี ในฐานะผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ขณะเดียวกัน ในเวลาอีก 3 เดือนต่อมา เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนตินา เป็นผู้นำ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เป็นครั้งแรกของสโมสร ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน แต่ต้องพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล 2-0 ไปอย่างน่าเสียดาย

ล่าสุด ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฆาบี้ กราเซีย กุนซือชาวสเปน ของ วัตฟอร์ด โดนปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นเทรนเนอร์คนแรกของศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่โดนไล่ออก หลังจากทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจด้วยการพาทีมเสมอ 1 นัด และแพ้ 3 นัด จาก 4 เกมแรก

ชื่อของ โซลชา และ โปเช็ตติโน่ กลายเป็นตัวเต็งที่จะตกงานคนต่อไป หลังจากที่ทั้งสองคนยังพาทีมทำผลงานได้ไม่สม่ำเสมอเท่าที่ควร ซึ่งทั้ง ปีศาจแดง” และ “ไก่เดือยทอง” เก็บแต้มได้เพียง 5 คะแนนเท่ากัน จาก 4 นัดแรก

ขณะที่ สตีฟ บรูซ ได้เริ่มต้นงานยากที่ของเขาใน นิวคาสเซิล แต่มันนานกว่าใครที่จะจดจำ เพราะคนที่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม “สาลิกาดง” คนใดก็สามารถทำงานได้โดยรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง

บรูซ เดินเข้าไปในถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค โดยรู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นผู้จัดการทีม ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งเป็นอริร่วมเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของ “สาลิกาดง” โดยโค้ชวัย 58 ปี ก็ต้องเริ่มต้นใหม่เพื่อปิดเสียงวิจารณ์ที่มีต่อเขา

นิวคาสเซิล ของ บรูซ อาจไม่ได้มีการเริ่มต้นฤดูกาลที่ดี แต่การเก็บ 4 คะแนนจาก 2 เกมล่าสุดของพวกเขานั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าตัวไม่ตกอยู่ในสถานการณ์กดดัน หรือสุ่มเสี่ยงที่จะโดนปลดจากตำแหน่ง

ตอนนี้ โปเช็ตติโน่ และ โซลชา ต้องการปฏิกิริยาในเชิงบวกที่คล้ายกันจากผู้เล่นของพวกเขาหลังจากจบเกมทีมชาติ เพื่อเป็นการกำจัดความกดดันที่กำลังถาโถมเข้ามา แต่ผลการแข่งขันจะกำหนดชะตากรรมของโค้ชทั้ง 2 ราย ในท้ายที่สุดเช่นเดียวกับกรณีของผู้จัดการทีมคนอื่น

แต่ในขณะที่สถานการณ์รอบๆ โปเช็ตติโน่ และสถานการณ์ของ โซลชา นั้น แตกต่างกัน พวกเขาแต่ละคนต้องแบกรับความกดดันที่พวกเขาเริ่มรู้สึกความสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองในสโมสรว่า ยังมั่นคงอยู่หรือไม่

โปเช็ตติโน่ ที่ สเปอร์ส เป็นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับการซื้อตัวนักเตะ โดยโค้ชชาวอาร์เจนตินา เคยพูดหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเกี่ยวกับวิธีการที่ทำธุรกิจของสโมสร และเขาไม่ทราบว่า ตัวเองจะอยู่กับ “ไก่เดือยทอง” ไปอีกนานหรือไม่

ในสิงคโปร์ระหว่างทัวร์ฤดูกาลอุ่นเครื่องของ สเปอร์ส โปเช็ตติโน่ ถึงกับต้องยอมรับว่า เขาเคยจะพิจารณาลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่พาพลพรรค “ไก่เดือยทอง” พ่ายแพ้ ลิเวอร์พูล ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

โปเช็ตติโน่ ได้ช่วย สเปอร์ส นำทางตัวเองในเวอร์ชั่นเอเวอร์เรสต์ฟุตบอลในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ “ไก่เดือยทอง” เปลี่ยนจากทีมที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นสโมสรชั้นนำของยุโรปและเมืองผู้ดี

การคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก นั้น เป็นเหมือนการถึงจุดสูงสุด ดังนั้นบางทีเขาอาจจะเป็นหรือพร้อมสำหรับความท้าทายใหม่ แต่ด้วยการพูดอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะถึงจุดสิ้นสุดของเขาที่ สเปอร์ส โปเช็ตติโน่ ได้สร้างความไม่แน่นอน

การให้เหตุผลของ คริสเตียน อีริคเซ่น

นอกจากนี้ การให้เหตุผลของ คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพทีมชาติเดนมาร์ก ของ สเปอร์ส ในการปฏิเสธสัญญาฉบับใหม่ที่สโมสรมอบให้ เพื่อไล่ตามความท้าทายใหม่ของเขาเองนั้น เกิดเป็นข้อสงสัยคล้ายๆกันเกี่ยวกับอนาคตของนักเตะคนอื่นเช่นกัน

นักเตะอย่าง แดนนี โรส แบ็คซ้ายชาวอังกฤษ, โทบี้ อัลเดไวเรลด์ และ แยน แฟร์ตองเก้น 2 กองหลังทีมชาติเบลเยียม ของ สเปอร์ส ยังคงมีอนาคตคลุมเครือที่สโมสร ซึ่ง “ไก่เดือยทอง” ดูเหมือนเป็นทีมที่กำลังจะแตกสลาย และความรู้สึกของทุกคนที่มองหาตัวเองนั้นก็หนีไม่พ้น

ปัจจุบัน สเปอร์ส รั้งอยู่ในอันดับที่ 9 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก จากการชนะเพียงนัดเดียว จาก 4 เกมแรกของซีซั่น และพวกเขาต้องพักเบรกทีมชาติด้วยผลงานที่น่าเสียดาย หลังจากที่บุกไปเสมอกับ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 2-2 ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทั้งที่ขึ้นนำไปก่อน 2-0

โปเช็ตติโน่ เดินเข้าไปในเกมที่ปฏิเสธข่าวลือว่า เขากำลังเตรียมตัวที่จะออกจากสโมสร ดังนั้นอาการแห่งความไม่แน่นอน จึงเป็นที่เข้าใจ และมันก็มาถึงจุดที่ไม่น่าแปลกใจหาก โค้ชวัย 47 ปี เดินออกจากถิ่น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม

มันเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกับ โซลชา ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนจากแฟนบอลของ แมนฯยูไนเต็ด และยังไม่ได้รับการบอกกล่าวถึงอนาคตของเขาจาก ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของสโมสร หลังจากที่ในปัจจุบัน “ปีศาจแดง” กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งด้วยผลลัพธ์ล่าสุด

แต่ผลลัพธ์เหล่านั้น เป็นสาเหตุที่เจ้ามือรับแทงพนันมีความใจกว้างน้อยกว่าด้วยอัตราต่อรองของพวกเขาที่ โซลชา มีสิทธิ์ที่จะตกงาน โดย แมนฯยูไนเต็ด ได้เริ่มต้นฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992 พวกเขาชนะเพียงครั้งเดียวจาก 4 เกมแรก

แมนฯยูไนเต็ด มีผู้เล่นที่มีประสบการณ์หลายคนตั้งแต่ปิดตลาดซื้อ-ขายนักเตะพรีเมียร์ลีก ซึ่งการมองโลกในแง่ดีที่ไหลไปตามการแต่งตั้งของโค้ชนอร์เวย์ในฐานะผู้จัดการชั่วคราว เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา หลังจาก โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตเทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

แมนฯยูไนเต็ด ยังไม่ได้คว้าชัยชนะในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกเลยจากการแข่งขันรวมทุกรายการ นับตั้งแต่ชัยชนะในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-1 เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา และพวกเขาเก็บคลีนชีตได้เพียงนัดเดียวในบ้าน นับตั้งแต่เกมลีกที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0 ในช่างกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ภายใต้การคุมทีมของ โซลชา แมนฯยูไนเต็ด ได้รับชัยชนะเพียง 3 ใน 16 เกมสุดท้ายของพวกเขาในการแข่งขันทั้งหมดรวมทุกรายการ และแพ้ไปมากถึง 9 เกม นั่นเป็นผลงานที่ไม่ดีนักหากคุณต้องการจะเป็นกุนซือ “ปีศาจแดง”

โซลชา ได้เริ่มกระบวนการสร้างทีมขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้ แมนฯยูไนเต็ด เหลือผู้เล่นในแนวรุกเพียงแค่ 3 คน หนึ่งในนั้นคือ เมสัน กรีนวูด กองหน้าอายุ 17 ปี และยิ่งไปกว่านั้น “ปีศาจแดง” ไม่มีกองกลางตัวใหม่มาร่วมทีม ดังนั้น ตอนนี้เขาต้องหาวิธีดึงฟอร์มลูกทีมกลับมาในการแข่งขันในการแข่งขันทั้งหมด จนกว่าจะมีโอกาสมาถึงเพื่อเซ็นสัญญาเสริมทัพในนักเตะเดือนมกราคม

แต่คำถามใหญ่ก็คือว่า อดีตกองหน้า แมนฯยูไนเต็ด จะอยู่รอดได้นานถึงเวลานั้นหรือไม่ โซลชา และ โปเช็ตติโน่ ดูเหมือนจะแตะต้องไม่ได้ในตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขาเมื่อ 6 เดือนก่อน แต่ในวงการฟุตบอลทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กราเซีย ได้รับการยกย่องว่า มีศักยภาพมากพอที่จะเป็นกุนซือคนใหม่ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี หลังจากที่เขาเป็นโค้ชคนแรกที่พา วัตฟอร์ด เข้าขิงศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ นับตั้งแต่ปี 1984

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ กรรเซีย ไม่ได้ทำงานที่ วัตฟอร์ด อีกแล้ว นั่นเป็นลักษณะของความเสี่ยงสำหรับการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล ดังนั้นจึงเป็นเรื่องโง่ที่จะคิดว่าไม่มีสาเหตุที่ต้องกังวลกับอนาคตของ โซลชา และ โปเช็ตติโน่

สาเหตุที่ต้องกังวลกับอนาคตของ โซลชา และ โปเช็ตติโน่