เชฟฟิลด์ กลับสู่พรีเมียร์ลีก เพื่อพิสูจน์ความสามารถของหัวใจที่ยิ่งใหญ่

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กลับสู่พรีเมียร์ลีก เพื่อพิสูจน์ความสามารถของหัวใจที่ยิ่งใหญ่

ที่เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ สนามบรามอลล์ เลน ซึ่งเป็นบ้านของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก เป็นสนามฟุตบอลอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มันไม่ใช่วิหาร มันไม่ใช่โบสถ์ มันไม่ใช่โรงละคร หรืออนุสาวรีย์ที่ทันสมัย แต่สนามแห่งนี้เปิดใช้งานในปี ค.ศ. 1855 และอยู่ในบริเวณใจกลางของเมืองเป็นเวลาหลายปีหลังจากนั้น สนามแห่งนี้เคยเป็นโรงงานมาก่อน

ในฤดูกาลนี้ เชฟฟิลด์ ได้รับโอกาสเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก และพวกเขาต้องทุ่มเงิน 5 ล้านปอนด์ ในการปรับปรุงสนามเก่าแก่แห่งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลีกใหม่ที่คุ้นเคยกับกระจกบานใหม่ สปอตไลต์ใหม่ ห้องแถลงข่าวใหม่ และ สตูดิโอทีวีใหม่

คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีมของ เชฟฟิลด์ กล่าวกับ “อีเอสพีเอน” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีด้วยรอยยิ้มก่อนเปิดรังบรามอลล์ เลน ทำศึกเกมลีกนัดแรกว่า “เราได้จัดระเบียบขึ้นเล็กน้อย นับตั้งแต่ปรับปรุงไปครั้งล่าสุดเมื่อปี 2007”

แต่บ้านของ เชฟฟิลด์ ยังคงถูกปกคลุมด้วยอิฐ และเหล็กลูกฟูก ซึ่งได้รับการปกป้องจากฝนด้วยความแข็งแกร่ง และหลังคาสีแดง มันยังคงตั้งอยู่ในบ้านริมระเบียงของพ่อค้าระดับกรรมกร, อุปกรณ์ไฟฟ้ายี่ห้อ Star และ R. Mortimer & Son, French Polishers มันยังคงได้รับการตั้งชื่อตามตระกูลของผู้ผลิตเครื่องมือโลหะ

สนามบรามอลล์ เลน ยังไม่มีกระจก มันสะท้อนถึงอะไรนอกจากการท้าทาย คริสตัล พาเลซ ซึ่งเป็นผู้มาเยือนเป็นทีมแรก เดินทางมาถึงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา และแฟนบอล “ดาบคู่” ต้อนรับด้วยการชูป้ายผ้าพันคอที่ระลึก และเสื้อยืดที่อ่าน Pride of Sheffield และ Back in the Big Leagues พร้อมป้าย We Are Premier League

แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังส่องแสง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ทีมดังเหล่านี้จะต้องมาเยือน บรามอลล์ เลน เช่นกัน นั่นหมายความว่า เชฟฟิลด์ มีโอกาสดีในการต้อนรับผู้มาเยือน นั่นเป็นเรื่องเล่าที่ง่ายดาย และรู้สึกดีในวันอาทิตย์สำหรับคนในเมือง เชฟฟิลด์

ไวล์เดอร์ ซึ่งเกิดใน เชฟฟิลด์ เมื่อปี 1967 และเติบโตขึ้นมาเล่นในวัยเด็กของเขาในช่วงเวลาที่ท้าทาย กล่าวต่อว่า “ผมไม่ต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งนั้นทั้งหมด สโมสรฟุตบอลทุกสโมสรมีวันมืดมน และล้มเหลวในบางเวลา”

ไวล์เดอร์ ตื่นเต้นในการฟื้นฟูความรู้สึกที่ดีขึ้น นับตั้งแต่เขาเป็นผู้จัดการทีม เชฟฟิลด์ ในปี 2016 เมื่อ “ดาบคู่” เลื่อนชั้นจากลีกวัน มาเล่นในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลที่ 3 เท่านั้น ความรู้สึกสบายสิ้นสุดยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาก็ถูกคาดการณ์ว่า เป็นตัวเต็งในการตกชั้นซีซั่นนี้

กุนซือ เชฟฟิลด์ กล่าวว่า “ฟุตบอลสมัยใหม่ไม่ใช่อารมณ์ใช่มั้ย ผมเชื่อว่า เมื่อมาตรฐานสูงขึ้นมาตรฐานของคุณก็ต้องสูงขึ้นตาม เราก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน เราเข้าใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น และอะไรจะเกิดขึ้น เราจะเอาชนะสิ่งนั้นได้อย่างไร แน่นอนมันคือการแข่งขันที่ยากมากๆ”

ไวล์เดอร์ หยุดชั่วคราวราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาสงสัยว่า เขาจะอธิบายถึงความสำเร็จของเขาได้อย่างไร ความสมดุลที่เขาจะต้องพบระหว่างความเคารพในอดีต กับความโหดร้ายที่เรียกร้องในอนาคต เขาพร้อมรับมือกับมัน

“บรามอลล์ เลน มันเป็นสถานที่ที่จะเป็นตำนาน ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สุดท้ายที่เหลืออยู่ของอารยธรรมที่หายไป เชฟฟิลด์ ถูกบังคับไปตามกาลเวลา และโลกที่เปลี่ยนไปเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มันเป็นในอนาคต” ไวล์เดอร์ กล่าว

ย้อนกลับไปในอดีตผู้จัดจำหน่ายปืนและมีดทั่วโลก ต้องทนทุกข์ทรมานในทศวรรษ 1970-80 ทั้งอุตสาหกรรมที่ทำเหล็ก และถ่านหินมีการลดลงอย่างมากอย่างไม่หยุดยั้ง ท่ามกลางการปิดตัวไปของหลายโรงงาน โดยผู้ที่อาศัยในเมือง เชฟฟิลด์ นับหมื่นถูกบังคับให้หนีออกจากเมือง

The Blades เป็นชื่อยี่ห้อของมีดที่เมือง เชฟฟิลด์ ไม่ได้ผลิตอีกต่อไป ส่วนใหญ่จะเริ่มหายไปตั้งแต่ปี 1976 อย่างไรก็ตาม บรามอลล์ เลน ยังคงเป็นโรงงานอยู่ แต่มันทำให้รับรู้ถึงความทุกข์ยากในอดีตยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

อย่างไรก็ตาม เมืองนี้ยังคงมีความภาคภูมิใจที่แปลกประหลาดในตัวแทนที่ทรยศมัน คำขวัญของ เชฟฟิลด์ “Forged in Steel” อาจดูน่าขันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสำหรับผู้มาเยือน ซึ่งพลพรรค “ดาบคู่” ก็เหมือนกับการดูเพื่อนไม่เคยเอาชนะคนรักที่จากไป

แต่ก็มีความปรารถนาที่ชัดเจนในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ปัจจุบันเมือง เชฟฟิลด์ เป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาระดับสูง และมีชื่อเสียงด้านการหล่อหลอมจิตใจเด็กเล็กแทนที่จะเป็นโลหะ อดีตโรงงานเหล็กกล้าและคลังสินค้าได้กลายเป็นสำนักงาน และห้องใต้หลังคา ซึ่งสุดท้ายมันได้กลายเป็นชิ้นส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่งดงาม

มีห้างสรรพสินค้าใหม่ และงานศิลปะสาธารณะ ตอนนี้มันยังมีฟุตบอลชั้นยอดอยู่ด้วย และมันก็เป็นปริศนาของ ไวล์เดอร์ ซึ่งเป็นรุ่นของปัญหาในเมืองของเขา คำถามที่ถามถึงทุกคนที่ต้องการ หรือต้องการจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้

คุณเป็นใคร คุณคือใคร? แล้วคุณจะเลือกใคร? ปีที่แล้ว บิลลี่ ชาร์ป กองหน้ากัปตันทีม เชฟฟิลด์ คือ ฮีโร่ท้องถิ่น เขารอมานานมากสำหรับการสัมผัสบรรยากาศที่สำคัญครั้งแรกของเขาในศึกพรีเมียร์ลีก โดยดาวเตะวัย 33 ปี พยายามอย่างมากที่จะโชว์ฟอร์มให้ดีเพื่อช่วยทีมให้อยู่รอดในซีซั่นนี้

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา มีการคาดเดา ชาร์ป จะได้เป็นตัวจริงในเกมกับ บอร์นมัธ แม้ เชฟฟิลด์ ซื้อนักเตะใหม่มาร่วมทีมถึง 10 คน ในช่วงซัมเมอร์นี้ คัลลั่ม โรบินสัน และ โอลิเวอร์ แมคเบอร์รี่ 2 กองหน้าถูกคว้าตัวมาด้วยค่าตัวรวมกัน 45 ล้านปอนด์ และ “ดาบคู่” ทำลายสถิติสโมสรถึง 4 ครั้ง ก็ตาม

ไวล์เดอร์ พูดในสิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งทำในตำแหน่งของเขาคาดว่า จะพูด เขายืนยันว่า ไม่มีที่สำหรับความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเขา เชฟฟิลด์ ต้องการคะแนนเป็นอย่างยิ่ง เขาจะต่อสู้ไปกับนักเตะ 11 คนที่ดีที่สุดบนสนามของเขา

ไวล์เดอร์ พูดในสิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งทำในตำแหน่งของเขา

ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครเชื่อจริงๆว่า ชาร์ป ไม่ได้ลงเป็นตัวจริง โดยกัปตัน “ดาบคู่” โกรธและอาจได้รับแรงบันดาลใจจากโดนดร็อปเป็นตัวสำรอง เขาทำประตูตีเสมอ บอร์นมัธ ให้กับทีมในนาทีที่ 88 และเขาเฉลิมฉลองที่มีความสุขในตอนจบเกม

นี่คือคนที่คุณเลือกที่จะเป็น? มันเป็นฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก แต่ก็ยังเป็นเกมที่มีหัวใจเป็นศูนย์กลาง สำหรับ ชาร์ป และทุกคนที่ถูกทิ้งไว้บนม้านั่งสำรอง รวมไปถึง โอลิเวอร์ นอร์วูด กองกลางชาวไอร์แลนด์เหนือด้วยเช่นกัน

นอร์วูด เป็นกองกลางตัวเล็ก และขี้อาย เขาเป็นผลผลิตจากสถาบันเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2012 เมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตนายใหญ่ “ปีศาจแดง” บอกว่าเขาจะไม่มีอนาคตในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เจ้าตัวจึงตัดสินใจอำลาทีมด้วยวัย 21 ปี เท่านั้น

อดีตเด็กปั้น “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตระเวนไปเล่นกับหลายสโมสร อาทิ คาร์ไลส์, สคันธอร์ป, โคเวนทรี, ฮัดเดอส์ฟิลด์ ทาวน์, เร้ดดิ้ง, ไบรท์ตัน, ฟูแล่ม จนย้ายมา เชฟฟิลด์ ในที่สุดตั้งแต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา

แม้จะกลายเป็นตัวหลักที่ เชฟฟิลด์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ นอร์วูด ใช้เวลาช่วงฤดูร้อนของเขากับการกังวลว่า ตัวเองอาจถูกลดบทบาทลงไป แต่ ไวล์เดอร์ ยืนยันในช่วงงานฉลองการเลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกว่า เขาไม่ต้องกังวล

ไวล์เดอร์ ก็หมายความว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะในสัปดาห์แรกที่เกมกับ “เดอะ เชอรี่ส์” บอร์นมัธ โดย นอร์วูด ในวัย 28 ปี สวมปลอกแขนกัปตันทีม เชฟฟิลด์ และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในแดนกลางของพลพรรค “ดาบคู่”

นอร์วูด กล่าวว่า “มันใช้เวลานานกว่าที่ผมจะมายืนตรงนี้ แต่มันเป็นความฝันที่เป็นจริงแล้ว ความฝันอาจเป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดที่เราทำเพื่อตนเอง มันเป็นของขวัญและคำสาป ความฝันมาจากภายในตัวเรา ดังนั้นมันจึงเป็นของเรา และของเราคนเดียว”

“ในความฝันบางคนคิดว่า ตัวเองมีเวทมนตร์ เราสามารถแสดงถึงความแข็งแกร่งที่เราไม่สามารถทำได้ในความเป็นจริง ในความฝันเราสามารถบินได้ เราสามารถเป็นหนุ่มได้อีกครั้ง คนตายสามารถกลับมามีชีวิตได้ ความฝันสามารถกลายเป็นฝันร้ายได้เช่นกัน และบางครั้งความฝันทำให้เราเจ็บปวด” อดีตเด็กปั้น “ปีศาจแดง” กล่าว

ชาร์ป ไม่ได้เป็นตัวจริงเกมในบ้านที่ชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ โรบินสัน, แมคเบอร์รี่ และ นอร์วูด ได้ลงสนาม ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 30,000 คน พวกเขายึดถือความเชื่อที่เรียบง่ายที่สมบูรณ์แบบ พลพรรค “ดาบคู่” ใช้หัวใจเป็นหลักในการลงสนาม

โดยปกติสิ่งเหล่านี้เป็นคำโกหกที่เราบอกกับตัวเองก่อนที่เราจะแพ้ แต่เวลานี้ใจจริงของ จอห์น ลุนด์สแตรม ผู้ทำประตูชัยในนาทีที่ 47 นั้นตรงกันข้าม เขาวิ่งไปที่มุมหนึ่งของสนามหลังยิงได้ ซึ่งในไม่ช้าเขาก็พบว่า ตัวเองจมอยู่ที่ด้านล่างของสนาม และถูกทับด้วยเพื่อนร่วมทีมที่วิ่งเข้ามาแสดงความดีใจ

ปัจจุบัน เชฟฟิลด์ รั้งอันดับ 9 ของ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก หลังผ่านการแข่งขันทั้งหมดไป 3 เกม โดยที่แฟนบอล “ดาบคู่” รายหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ว่า “คุณจินตนาการได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราจบในท็อปเทน”

บางทีความฝันบางอย่างเป็นส่วนตัว ความฝันบางอย่างอาจเกินจริง ความฝันบางอย่างจะหายไปทันที ความฝันบางอย่างรู้สึกจริงจนกลายเป็นความทรงจำ และเชื่อได้ว่าคนในเมือง เชฟฟิลด์ ต่างก็มีความฝันที่สวยงามเสมอ

มันน่ารักและง่ายเกินไปที่จะเชื่อว่าปัญหาของเมือง เชฟฟิลด์ ได้รับการแก้ไขแล้ว มีความก้าวหน้าที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ใจกลางเมืองยังคงน่ากลัวตอนกลางคืนมากกว่าเมืองข้างอย่าง แบล็คพูล และเมือง ฮัดเดอร์ฟิลด์

ความท้าทายของเศรษฐกิจสมัยใหม่ ซึ่งรวมอยู่ในฟุตบอลนั้นไม่จำกัด มีวิธีมากมายที่จะเอาชนะพวกเขา และการตอบโต้เหล่านั้นไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเมืองเก่านี้ หรือสโมสรฟุตบอลแหง่นี้

ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะรู้อะไรในวันหนึ่ง มันจะต้องใช้ความสามารถอย่างมากสำหรับการอ่านในเรื่องของอนาคตที่จะคาดการณ์ในปัจจุบันนี้ผสมกัน เตาหลอมอันยิ่งใหญ่เย็นลงแล้ว ในการแลกเปลี่ยนมีท้องฟ้าที่สดใสชัดเจน

หลังจากที่นักเตะ เชฟฟิลด์ เอาชนะ ในสนามบรามอลล์ เลน พวกเขาก็ออกไปยังด้านหลังของอัฒจันทร์ และเข้าไปในอ้อมแขนของผู้แฟนบอลที่มีความสุข และสุดท้ายของแสงสีทอง แบนเนอร์ The We Are Premier League พลิกมาเป็นหัวหน้าอีกวัน วันเหล่านั้นเป็นรู้สึกมีความสุขอย่างแน่นอน

สโมสรใหญ่ๆใช้ชีวิตเหมือนไข่มุกซ่อนอยู่ในเปลือกหอย อาร์เซน่อล เข้าพักในโรงแรมหนึ่งคืนก่อนที่จะเตะในบ้าน แต่ไม่ใช่สำหรับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นักเตะ “ดาบคู่” เดินออกไปข้างนอกสนาม ซึ่งส่วนใหญ่มีภรรยา และเด็กเล็กๆอยู่ด้วย และรู้สึกว่ามีคนแปลกหน้าคอยปรบมือให้พวกเขาตลอดทาง

ชาร์ป และครอบครัวของเขาพับรถเข็นเข้า SUV และค่อยๆออกจากสนามไป นอร์วูด และ โรบินสัน ยืนอยู่ตรงข้างโรงแรมที่อยู่ตรงหัวมุมถนน ซึ่งฝูงชนในล็อบบี้บาร์ต้อนรับพวกเขาด้วยเสียงเชียร์ และยกแก้วความกลัวเดียวของพวกเขาคืออนาคต แต่ชุดเกราะที่ดีที่สุดของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นความรักจากแฟนบอล

เชื่อได้ว่าคนในเมือง เชฟฟิลด์ ต่างก็มีความฝันที่สวยงามเสมอ